เปิดเทอมใหม่แล้วค่ะ.....บันทึกของครูน้อยในเดือนที่ยี่สิบห้า กันยายน 2552
สวัสดีค่ะ ครูใหญ่และผู้อ่านทุกท่าน
เพิ่งสอบ Comprehensive Exam เสร็จหมาดๆ เลยค่ะ เลยรีบมาเขียน Blog ส่งตามที่ควรจะส่งมาตั้งแต่ต้นเดือน ครูใหญ่และท่านผู้อ่านคงไม่ว่าอะไรนะคะ (ยิ้มหวานแทนการขออภัยจากแดนไกลค่ะ)
ก็ขออนุญาตเก็บเรื่องการเตรียมตัวก่อนสอบตามที่เคยเกริ่นไว้ ไปเขียนใน Blog ของเดือนหน้านะคะ เพราะว่ายังทำใจไม่ค่อยได้ (อ้าว..) คือเหมือนยังเบลอๆ อยู่น่ะค่ะ เลยขอเก็บไว้ก่อน เดือนนี้ก็ขออนุญาตรายงานความคืบหน้าเรื่องการเรียนและงานวิจัยใหม่ที่ทำอยู่และกำลังจะทำนะคะ
เทอมนี้ครูน้อยลงเรียนในวิชาเศรษฐศาสตร์จุลภาคในระดับปริญญาเอกค่ะ ซึ่งเป็นวิชาบังคับของคณะเศรษฐศาสตร์ที่นักศึกษาปริญญาเอกของคณะดังกล่าวจะต้องลงเรียนทุกคน ก็ค่อนข้างยากพอสมควรค่ะ เพราะการแข่งขันค่อนข้างสูง มีการสอบหลายครั้ง และเพิ่งสอบครั้งแรกก่อนครูน้อยสอบ Comps เพียงสี่วัน เล่นเอาแทบแย่เลยค่ะ แต่มันก็ผ่านไปแล้ว จริงๆ แล้วเพื่อนร่วมรุ่นครูน้อยที่สอบ Comps พร้อมกัน ไม่มีใครลงเรียนวิชาอะไรในเทอมนี้เลยค่ะ จะได้เตรียมตัวในการสอบได้อย่างเต็มที่ แต่ครูน้อยอยากรีบๆ ลงเรียนวิชา Coursework ให้จบแล้วล่ะค่ะ อันนี้ก็เป็นตัวอย่างที่ไม่ควรทำตามนะคะ เพราะทำให้เครียดกับการเตรียมสอบหลายวิชามากเกินไป รวมๆ แล้วครูน้อยเลยต้องสอบตั้งหกเจ็ดวิชาในเวลาไม่ถึงอาทิตย์ แต่ที่รีบลงเรียนในเทอมนี้ก็เพราะอยากกลับไปทำ Dissertation ที่บ้านเรา ไม่ค่อยอยากอยู่ทำที่นี่เท่าไหร่แล้ว อันนี้ก็เป็นความต้องการส่วนตัวน่ะค่ะ แบบว่าอยากกลับบ้านไปสอนหนังสือเด็กๆ แล้วด้วย (เอ่อ.. ที่เรียกว่าเด็กเนี่ย ส่วนใหญ่ก็ยี่สิบปลายๆ ถึงสามสิบเศษๆ หรือกว่านั้นกันแล้วนะคะ เพราะครูน้อยสอนนักศึกษาปริญญาโทค่ะ)
ส่วนงานวิจัยที่ทำตอนนี้ก็มีเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างข้อความในจดหมายถึงผู้ถือหุ้นกับความเป็นไปได้ที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารระดับสูงขององค์กรค่ะ อาจจะไม่ค่อยเกี่ยวกับ KM เท่าไหร่นะคะ เป็นการศึกษาว่าในจดหมายถึงผู้ถือหุ้นที่ลงในรายงานประจำปีนั้น จะสามารถซ่อนนัยยะที่สื่อถึงการลาออกหรือถูกปลดของผู้บริหารระดับสูงในองค์กรในอนาคตได้อย่างไร รวมถึงความสัมพันธ์กับเงื่อนไขหรือรูปแบบการเลือกผู้บริหารคนใหม่ด้วย
ตอนแรกที่ได้ยินไอเดียนี้ ครูน้อยแปลกใจมากเลยค่ะ เพราะตัวเองไม่ได้คลุกคลีกับเรื่องพวกนี้มาก่อน แปลกดีนะคะ กับแค่ตัวหนังสือที่ทางบริษัทตีพิมพ์ออกมา มันจะไปบอกถึงเหตุการณ์ว่าผู้บริหารจะลาออกหรือถูกปลดได้อย่างไร เพราะในหลายๆ บริษัทส่วนใหญ่ ทางผู้บริหารระดับสูงสุดก็ไม่ได้เป็นคนเขียนจดหมายถึงผู้ถือหุ้น แต่อาจจะจะให้ทางฝ่ายสื่อสารการตลาดหรือฝ่ายอื่นๆ ร่างให้บ้าง แล้วค่อยตรวจสอบอีกครั้ง แต่บางท่านก็อาจจะเขียนเองก็ได้
เมื่อได้มาศึกษาเพิ่มเติมให้ลึกลงไป ครูน้อยก็พบว่ามีงานวิจัยทางด้านนี้ที่ได้รับการตีพิมพ์เยอะมากค่ะ ตัวครูน้อยก็เห็นความสัมพันธ์ที่น่าสนใจหลายอย่าง และได้นำเสนอสมมุติฐานไปจากที่ได้ลองสังเกตจากตัวอย่างในบ้านเราเนี่ยแหละค่ะ ซึ่งอาจารย์ที่เป็นเจ้าของโครงการก็ดูพอใจค่อนข้างมากและตอนนี้ก็อยู่ในขั้นตอนที่กำลังสรุปเงื่อนไขที่ใช้พิจารณาค่ะ แล้วจะมารายงานความคืบหน้าเมื่อผลการวิจัยออกมานะคะ
เรื่องสุดท้ายก็คงเป็นงานวิจัย Independent Study อีกตัวหนึ่งซึ่งครูน้อยตั้งใจจะลงทะเบียนในเทอมหน้าค่ะ แต่อาจารย์เจ้าของวิชาขอให้เริ่มเตรียมงานตั้งแต่เทอมนี้เลยเมื่อครูน้อยสอบ Comps เสร็จแล้ว เพราะท่านติดงานอื่นๆ ค่อนข้างมากในเทอมหน้า ในส่วนของหัวข้อนั้น ทางฝ่ายอาจารย์ซึ่งครูน้อยได้เคยทำงานวิจัย Independent Study กับท่านไปครั้งหนึ่งเมื่อฤดูร้อนปีก่อน ยังจำกันได้ไหมคะ ที่ท่านอยู่ภาคการตลาด และเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาในฝั่งวิชาเลือกของครูน้อย ท่านได้ขอให้ครูน้อยเลือกหัวข้อที่จะมีประโยชน์หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำ Dissertation ของตนเองค่ะ เพราะท่านเห็นว่าช่วงนี้ก็ใกล้เวลาที่ครูน้อยจะต้องเตรียมตัวทำวิทยานิพนธ์แล้ว
มีคำถามหนึ่งที่ท่านถามครูน้อยในระหว่างการพูดคุยกันเมื่อตอนต้นเทอมโดยที่มีอาจารย์ที่ปรึกษาหลักของครูน้อยนั่งฟังอยู่ด้วย และครูน้อยประทับใจในคำถามนี้มากค่ะ ท่านถามว่า สำหรับครูน้อย ณ เวลานี้ คิดว่าตัวเองยังขาดอะไรอยู่บ้างที่จะมีส่วนช่วยให้ครูน้อยไปยืนอยู่บน Happy Street ได้ ครูน้อยฟังแล้วทำหน้างงเต้กเลยค่ะ ท่านก็เลยเฉลยให้ฟังว่า Happy Street ก็คือตอนที่เรายืนต่อแถวยาวๆ ในชุดครุยสีดำ ที่มีหมวกตลกๆ (อันหลังนี้อาจารย์ท่านเสริมอย่างขันๆ นะคะ จริงๆ ชุดครุยด็อกเตอร์ของที่นี่สวยมากเลย โดยเฉพาะหมวกน่ะค่ะ) ครูน้อยตอบไปว่า ก็คงเป็นเรื่องเทคนิคการฝึกทำวิจัยและเขียนบทความวิจัยเพื่อให้ได้รับการตีพิมพ์ รวมถึงการได้ไปนำเสนองานในการประชุมวิชาการดีๆ ทั้งสองอย่างนี้ใช้แค่ความรู้อย่างเดียวไม่พอค่ะ ต้องมีเทคนิคต่างๆ เพิ่มเติมมากมายในสายทางด้านการจัดการที่ครูน้อยกำลังศึกษาอยู่นี้ ซึ่งอาจารย์ก็ตอบทันทีว่า งั้นเราจะช่วยกันสนับสนุนคุณให้ได้รับในสิ่งที่คุณต้องการ
จากนั้น ท่านก็คุยกับอาจารย์ที่ปรึกษาหลักของครูน้อยเรื่องการส่งงานวิจัยของครูน้อย (ที่จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้เขียนหรือทำอะไรมากนัก นอกจาก literature review) เพื่อไปร่วมงานสัมมนา โดยมีกำหนดส่งเดือนมกราคมนี้ค่ะ รวมถึงการใช้กลยุทธ์ต่างๆ นิดหน่อยเพื่อให้ค่อนข้างมั่นใจว่าครูน้อยจะได้เข้าไปนำเสนองานอย่างแน่นอน ซึ่งครูน้อยก็รู้สึกประทับใจมากค่ะ คิดว่านี่เป็นตัวอย่างที่ดีที่อาจารย์สามารถทำให้ลูกศิษย์ได้ และเป็นประโยชน์กับชีวิตการเรียนปริญญาเอกของนักศึกษาด้วย ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งที่จะจดจำไว้เพื่อใช้ในชีวิตการเป็นอาจารย์ของตัวเองต่อไปค่ะ
ก็คงจบของเดือนนี้ไว้เพียงเท่านี้ก่อน เดือนหน้าก็จะมาเล่าถึงการเตรียมตัวสอบนะคะ และถ้ายังมีเนื้อที่เหลือ ก็จะเล่าต่อถึงพิธีบายศรีสู่ขวัญของคนไทยที่อยู่ในเมืองนี้ และการไปทอดกฐินในต่างแดนเป็นครั้งแรกของครูน้อยด้วยค่ะ
แล้วเจอกันเดือนหน้านะคะ สวัสดีค่ะ...
อ้าว......หมดซะแล้ว
แล้วจะเจอกันเดือนหน้าไหมคะคุณครูน้อยขา หนูตามอ่านอยู่นะคะ