สวัสดีครับ..
เริ่มเปิดบล็อกใหม่ผมเลยขอถือโอกาสฉลองพื้นที่แห่งความรู้แห่งนี้ ด้วยการเล่าเรื่องรามเกิยรติ์ของพม่า ที่ผมบังเอิญได้อ่านพบในเอกสารของพม่า ก็เลยถือโอกาสเรียบเรียงมาอภินันทนาการให้แก่ทุกท่านที่สนใจในความสัมพันธ์ทางด้านศิลปวัฒนธรรมระหว่างไทยและพม่า กับประเทศเพื่อนบ้านในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้.ว่ามันมีอะไรหลายๆอย่างที่เชื่อมโยงกันอยู่ ก็หวังว่าประชาคมอุษาคเนย์ของเราจะเข้าใจกันและกันฉันท์มิตรมากขึ้นนะครับ.อย่างงั้นผมขอตั้งชื่อบทความสั้นของผมว่า
สังเขปรามเกียรติ์พม่า(๑)
สิทธิพร เนตรนิยม
ขอเล่าเรื่องเลยนะครับ
ชาวพม่ารู้จักเรื่องราวของรามเกียรติ์ในนามว่า “ยามะซัตด่อ” ซึ่งแปลว่า "ชาติ คือกำเนิดเรื่องราวอันยิ่งใหญ่ของพระราม" วรรณกรรมดังกล่าวในพม่าได้ปรากฏหลักฐานมาตั้งแต่สมัยพุกาม และยังมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่องมาจนปัจจุบัน ด้วยเหตุที่มีความสำคัญต่อศิลปวัฒนธรรมหลายๆแขนงของพม่าไม่ว่าจะเป็นวรรณกรรม ศิลปะ การดนตรี และการแสดง ซึ่งบางส่วนก็ได้รับอิทธิพลมาจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างไทย ละตะเมง(๑๙๙๘:๑๒)ผู้ศึกษาประวัติศาสตร์รามเกียรติพม่าได้กล่าวว่าในวัฒนธรรมพม่านั้นได้จัดแบ่งเรื่องราวของรามเกียรติ์ออกไว้เป็น ๓ ชนิด จากกำเนิดที่มาของเรื่อง ได้แก่
๑.ต้นเรื่องกำเนิดรามชาติจากชาดกในพุทธศาสนา เรื่อง “ทสรฐชาดก” ที่มี "รามโพธิสัตวิ์" ซึ่งพม่าเรียกว่า “อลองด่อยามะ” เป็นตัวเอก
๒. ต้นเรื่องกำเนิดรามชาติที่ได้รับการดัดแปลงเรื่องราวมาจากไทย และรามชาติของฤษีวาลมิกิจากอินเดีย อันมีแบบแผนชัดเจนซึ่งพม่าเรียกรามเกียรติ์ชนิดนี้ว่า “ปงด่อยามะ” และ
๓. ต้นเรื่องรามชาติที่มาจากตำนานการนับถือเทพเจ้าในฝ่ายศาสนาพราหมณ์ วิษณุนิกาย ที่เกี่ยวข้องกับเทพเจ้าต่างๆ เช่น รามพิสสนุราม พิสสณูราม ซึ่งพม่าเรียกรามเกียรติ์ชนิดนี้ว่า “ปชูยามะ”
ในบรรดารามชาติทั้ง ๓ ชนิดนี้ รามชาติในหมวด ๒ และ ๓ นั้นความใกล้เคียงกันในส่วนของตัวบท โดยเฉพาะอย่างยิ่งรามชาติในหมวดที่ ๒ นั้นได้รับการพัฒนาให้มีความโดดเด่นเป็นพิเศษทั้งในแง่ของวรรณศิลป์ ดนตรี และการแสดง
ภาพการแสดงหุ่นพม่าเรื่องรามเกียรติ์ ภาพโดย Garrett Kam
เอาละครับ ขอลองเล่าเรื่องรามเกียรติ์พม่าไว้เท่านี้ก่อนครับ แล้วบันทึกครั้งต่อไปผมจะนำรายละเอียดเรื่องราวของรามเกียรติ์ทั้ง ๓ ประเภทของพม่ามาเรียนเสนอให้ท่านผู้สนใจให้ได้พิจาณากันอีกนะครับ สวัสดีครับ
เอกสารอ้างอิง : ๑. ละตะเมง,เมียนม่ารามยาณะ,๑๙๙๘ พิมพ์ครั้งที่ ๑ ย่างกุ้ง
๒. orias.berkeley.edu/SEArama/imagelibrary.htm
สรุปรามเกียรตินี่คงเป็นเรื่องที่แพร่หลาย
ในหลายประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นี่เลยหรือเปล่านะ