สาธุ สาธุ ครับ
สวัสดีค่ะ...ท่าน
สรุปได้ว่า
ประสบการณ์ของผมว่าชีวิตคู่ของการแต่งงานที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน เป็นชีวิตที่ควรจะต้องรักษาความพอดีระหว่างระยะในการอยู่ร่วมกันครับ นั่นคือจะต้องปล่อยให้มี
"ช่องว่าง" ในการอยู่ร่วมกันเอาไว้บ้าง ให้พอเหมาะพอควร นั่นคือ
- แต่ละฝ่าย ต้องให้โอกาสแก่กันและกัน * ในความเป็นส่วนตัว *
ในความเป็นตัวของตัวเอง * ในความมีอิสระ
- ต้องอยู่กันอย่าง "พวก"
* พ พอใจ * ว ไว้ใจ * ก เกรงใจ
- ผู้หญิงควรที่จะ
* ปิดปาก เสียบ้าง พูดให้พอประมาณ * ปิดตา เสียบ้าง ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นบ้าง
- ผู้ชายควรที่จะ * ปิดหู เสียบ้าง ต้องทนรับฟังได้อย่างอดทน ทำเหมือนไม่ได้ยิน - ที่สำคัญ คือ สิ่งที่แต่ละฝ่ายต้องการ คือ * การรับฟังกัน * การเข้าใจกัน * การคุยกันด้วยความรัก ( ใช้เหตุผลคุยกัน ไม่พอครับ)
และ คงความรักกันเสมอต้นเสมอปลาย อีกนิดนะคะท่าน
มิน่าล่ะคะท่านรองฯ จึงไม่ยอมปล่อย ... อย่างนี้นี่เอง ปูชอบงานท่านคาลิล ยิบรานค่ะอ่านแต่เด็กไม่ค่อยเก็ท
จำได้เรื่องสายพิณ กับ ความรัก จงตามมันไป แม้มีขวากหนามเท่าใด จงยอม ตามมันไป ... ถึงตอนนี้บทนี้ก็ยังไม่เก็ทนะคะ ๕ ๕
งั้นปูยอมปล่อยไปก่อนนะคะ ... ป๋าอี๋มักพูดว่า หากอีกคนร้อน อีกคนต้องเย็น สลับกันค่ะ
ยอดเยี่ยมครับ นี่คือหัวใจของคู่แต่งงานจริงๆครับ
แต่ละฝ่ายมีพื้นฐานความคิดที่แตกต่างกันย่อมต้องให้พื้นที่และเข้าใจพื้นฐานแต่ละฝ่ายที่มีมาแต่เดิม
รับฟัง ให้เกียรติ และยกย่องให้แก่กันและกันครับ
สวัสดีค่ะ
ข้อคิดนี้ นอกจากใช้กับคู่ชีวิตแล้ว ก็ใช้ได้ดีกับ เพื่อนหรือญาติที่ต้องอยู่ร่วมกันอย่างใกล้ชิดกันค่ะ
เพราะยิ่งใกล้ชิด คุ้นเคย รักใคร่กันมาก มักจะลืมที่เว้น "ช่องว่าง" ให้กับคนที่เรารัก เราคุ้นเคยไปอย่างไม่ตั้งใจ....
ขอบคุณค่ะ
(^___^)
อาจารย์ small man คะ
อ่านแล้วอยากแต่งงานค่ะ
ปรัชญาที่อ่านในบันทึกก็ดีนะคะ
เห็นภาพนี้แล้วชื่นใจค่ะ
cheer !!!
สวัสดีค่ะ...
ชอบบทนี้ค่ะ..."แต่ขอให้แต่ละคนได้มีโอกาสอยู่โดดเดี่ยว ดังเช่นสายพิณนั้น ต่างอยู่โดดเดี่ยว แต่ว่าสั่นสะเทือนด้วยทำนองดนตรีเดียวกัน"...เห็นด้วยค่ะว่าใช้เหตุผลยังไม่พอ...บางครั้งความรักไม่ต้องการเหตุผล...แต่ต้องการความเข้าใจมากกว่า นั่นคือมนุษย์ทุกคนต่างมีเหตุผลมากมายมากล่าวอ้าง และเหตุผลของแต่ละคนก็แตกต่างกันไป...สำคัญคือหากต่างฝ่ายต่างไม่ยอมรับเหตุผลของกันและกัน แล้วจะเกิดอะไรขึ้น...ดังนั้น ความเข้าใจ จึงน่าจะดำรงความรักให้คงอยู่ เพราะถ้าทั้งสองเข้าใจกันแล้วทุกอย่างย่อมไม่เป็นปัญหา
ขอบพระคุณมากค่ะ...
จะมีโอกาสเหลือสำหรับเราไหมนี่...เฮ้อ... มีน้องสาวคนนึงสอนว่า ตี้ใดมีฮักตี้นั่นมีทุกข์ แต้ๆ นา..ขอบคุณสำหรับข้อคิดดีๆค่ะ
ขอบคุณท่านรอง Small Man สำหรับข้อคิดชีวิตสำหรับคู่รัก....ที่จะครองรักแบบชั่วนิจนิรันดร์
ช่องว่างที่เว้นไว้ อย่าให้ห่างเกินไปนะคะ พองาม...อิอิ
น่าจะมีการให้เกียรติซึ่งกันและกันด้วยนะค่ะ ส่วนใหญ่พอแต่งงานแล้ว ชอบนึกว่าเธอเป็นของฉันแล้ว ห้ามทำโน่น ห้ามทำนี้
เป็นเจ้าชีวิตเสียทุกอย่าง จึงทำให้อีกฝ่ายเบื่อ รำคาญ เขาว่าการแต่งงานเปรียบเสมือนการซื้อล็อตเตอรี่ ว่าใครจะถูกรางวัลที่เท่าไรเท่านั้นเอง แต่สำหรับตัวดิฉันเองคิดว่าน่าจะ OK. ค่ะ ไม่ต้องถูกรางวัลที่เท่าไรหรอก ทุกวันนี้มีความสุข และก็สุข ก็พอแล้วค่ะ...
มันเป็นการยากนะค่ะสำหรับบางคู่ แต่มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับครอบครัวของเราค่ะ...เคยฟังเพลง...อิจฉา...ไหมค่ะ
ครับ...
ในหนังสือของญี่ปุ่นเล่มหนึ่งกล่าวในทำนองว่า การแต่งงาน เป็นเสมือนบึงใหญ่ที่ใครๆ ก็ปรารถนาที่จะกระโจนลงไป...
...
ระหว่างเราสองคน
ยิ่งแก่เฒ่า
ความรัก ยิ่งเป็นเงา..ติดตามตัว
ขอบคุณครับ
แต่งงานแล้วครับ
เอาหลักฐานมายืนยันครับ
* ความรักไม่ต้องการเหตุผล...แต่ต้องการความเข้าใจมากกว่า
* มนุษย์ทุกคนต่างมีเหตุผลมากมายมากล่าวอ้าง และเหตุผลของแต่ละคนก็แตกต่างกันไป
* หากต่างฝ่ายต่างไม่ยอมรับเหตุผลของกันและกัน แล้วจะเกิดอะไรขึ้น
* ความเข้าใจ จึงน่าจะดำรงความรักให้คงอยู่ เพราะถ้าทั้งสองเข้าใจกันแล้วทุกอย่างย่อมไม่เป็นปัญหา
อาจารย์น่าจะลองเขียนประเด็นนี้ขยายความต่อไปอีกนะครับ ชอบครับ
สวัสดีค่ะท่านรอง
อิอิอิ ไม่มีประสบการณ์ จึงมาเรียนรู้ค่ะ เพื่อจะมีมาแบบ
หนังเรื่อง...รถไฟฟ้ามาหานะเธอ...แบบว่าโปรดส่งใครมารักฉันที...นะคะ อิอิ
ขอบคุณค่ะท่านรอง...^_^