ที่ประชุมได้รับฟังคำชี้แจงเกี่ยวกับหลักสูตร การจัดการเรียนสอน การประมินผล การสนับสนุน การจัดองค์กรนักศึกษา ฯลฯ นักศึกษาได้มีส่วนร่วมในการพิจารณาแผนการสอนและการมีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนการสอน และการจัดการ ซึ่งสรุปได้ดังนี้
ในรายวิชา Public Health Skill Development
ลองอ่านกันดูนะครับ และช่วยแสดงความคิดเห็นด้วย
ชนินทร์
1.สุขภาพ=สุขภาวะ= ภาวะปกติสุข ของ รา่งกาย(ไม่บาดเจ็บ,ไม่มีโรค)+จิดใจ(ไม่เครียด,ไม่เศร้า)+สังคม(ครอบครัวมั่นคง,ชุมชนเข็มแข็ง,สิ่งแวดล้อมดี+ปัญญา(ความรู้,ทักษะ การดูแลสุขภาพตนเองและสังคม)
2.สุขภาพ จึงเกิดจาก
ความรู้และทักษะด้านสุขภาพ(บุคลลทั่วไป+บุคลกรสาธารสุข+ผู้ปกครองสังคมทั้งภาครัฐและเอกชน)
เทคโนโลยี่(ทางการแพทย์,ทางเภสัชกรรม,ทางการสร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรค,การสื่อสาร)
ระบบการจัดการ(ท้องถิ่น,หน่วยบริการ,หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง)
นโยบาย(สร้างความรู้,สร้างเสริมสุขภาพ,สร้างบริการ,สร้าง โอกาศและปัจจัยเอื้อต่อสุขภาำพ,ลดสาเหตุ/ปัจจัยกระทบ ต่อสุขภาพ)
3. ทุกคนมีส่วนเกียวข้องและบทบาทสำคัญต่อการมีสุขภาวะ
จะทำอย่างไรให้ ทุกคน รู้และทำ บทบาทหน้าที่ของตัวเอง
เรา(บุคลากรสาธารณสุขระดับต่าง) รู้และเข้าใจ มีทักษะความสามารถ แค่ไหนอย่างไร
คำตอบสุดท้ายคือ.....
ประเด็นของ Human capital มีอยู่แล้วในทุกคน ผมว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิต คนบางกลุ่มได้ ที่มีตัวอย่างเห็นได้ชัด เช่น ผู้พิการ บางคนต้อง นอนอยู่กับบ้านรอการดูแลจากญาติๆ บางคนออกขอทาน ขณะที่บางคนทำมาหาเลี้ยงตัวเองได้ และบางคนถึงขนาดได้รับการยกย่องให้เป็น หัวหน้าของคนซึ่งร่างกายปกติ เช่นผู้พิการที่อยู่ในอำเภอผมคนนึงแกทำงานก่อสร้างปีนเสา ปีนตึกได้เท่าคนปกติ แต่ที่แกมีมากกว่าคนอื่นคือเป็นคนซื่อสัตย์ไม่เอาเปรียบคนจึงถูกยกย่องให้เป็นหัวหน้า มีหน้าที่ไปรับงานก่อสร้างตามหมู่บ้านแล้วมาแบ่งให้ลูกน้องซึ่งเป็นคนร่างกายปกติ แต่ผมว่ายังไงมันก็เสี่ยงกว่าคนปกติอยู่นั่นแหละ เลยขอร้องให้แกเลิกทำงานในที่สูงที่มันเสี่ยง ซึ่งแกก็ยังไม่ยอม สุดท้ายก็เลยชวนแกมาทำงานในโรงพยาบาล ให้ทำงานเป็นช่างซ่อมรถเข็น อุปกรณ์ของผู้พิการ ผมว่าแกเป็น ยิ่งกว่าซุปเปอร์แมน
ส่วนประเด็นHuman poverty ผมว่าหาคนไทยได้นำวิธีคิดแบบเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ผมว่าจะช่วยได้เยอะเลยและเป็นไปได้จริงๆด้วย แต่ที่เป็นปัญหาทุกวันนี้คือ การพอเพียงแบบครึ่งๆกลางๆ(ภาษาอีสานเรียกว่า พอกะเทิน)คือเวลาทำงานก็ทำน้อย ซึ่งไม่ได้หมายถึงขี้เกียจเพียงอย่างเดียว บางคนขยันแต่ก็ไม่รู้จะทำอะไรก็เลยเกิด productivityน้อย แต่พอเวลาจะใช้จ่ายก็อยากจะมีเหมือนกับคนอื่น ยิ่งเจอช่วงที่ผ่านมามีนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจ แปลงสินทรัพย์ให้เป็นทุน(หนี้) ยิ่งไปกันใหญ่ บางที่ก็ไปได้ดีบางที่ ก็กู่ไม่กลับ กลายเป็นหนี้ซ้ำซาก ไม่ทราบว่าจะใช้คำ poverty trap ได้หรือเปล่าครับ แต่เอาเถอะบางคนมีเงินถึง7หมื่นล้านก็ยังจนอยู่ ก็มีให้เห็นเพราะไม่เข้าใจคำว่าเศรษฐกิจพอเพียง แต่ระยะหลังกลับมีการหากินกับคำว่าพอเพียง เลยมีวลีว่า โกงแบบพอเพียงให้เห็นอีก อนิจจา..
. " คุณลักษณะ เศรษฐกิจพอเพียงสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการปฏิบัติตนได้ในทุกระดับ โดยเน้นการปฏิบัติบนทางสายกลาง และการพัฒนาอย่างเป็นขั้นตอน
• คำนิยาม ความพอเพียงจะต้องประกอบด้วย 3 คุณลักษณะ พร้อม ๆ กัน ดังนี้
• ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีที่ไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไปโดยไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น เช่นการผลิตและการบริโภคที่อยู่ในระดับพอประมาณ
• ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับของความพอเพียงนั้น จะต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผลโดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้องตลอดจนคำนึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทำนั้น ๆ อย่างรอบคอบ
• การมีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นโดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ ต่าง ๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งใกล้และไกล
• เงื่อนไข การตัดสินใจและการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ให้อยู่ในระดับพอเพียงนั้น ต้องอาศัยทั้งความรู้ และคุณธรรมเป็นพื้นฐาน กล่าวคือ
• เงื่อนไขความรู้ ประกอบด้วย ความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน ความรอบคอบที่จะนำความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการวางแผน และความระมัดระวังในขั้นปฏิบัติ
• เงื่อนไขคุณธรรม ที่จะต้องเสริมสร้างประกอบด้วย มีความตระหนักในคุณธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริตและมีความอดทน มีความเพียร ใช้สติปัญญาในการดำเนินชีวิต "
(ข้อมูลส่วนหลัง จาก คณะกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง)
สิ่งที่รู้สึกในฐานะของผู้บริหาร CUP คือ การเพิ่มสมรรถนะในเชิงบริหาร เดิมเป็นการแก้ปัญหา รายบุคคล(Individual Approach) ก็เป็นเพียงแค่การ Fix and go ภาระการจัดการสุขภาพเป็นภาคผู้ให้บริการเป็นส่วนใหญ่ ต่อมาแนวคิดในการจัดการดูแลสุขภาพในมิติใหม่ ที่เน้นการสร้างนำการซ่อม ซึ่งน่าจะยังเร็วไปสำหรับการเปลี่ยนแปลงในภาคประชาชน เหมือนการกลับหลังหันทันทีทันใด ผู้บริหาร CUP ส่วนใหญ่ก็ปรับตัวไม่ทัน การพัฒนาทักษะในการดูแลสุขภาพในชุมชนเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการบรรลุเป้าหมายในการดูแลสุขภาพ ในชุมชน จะพยายามแลกเปลี่ยนและพัฒนาทักษะร่วมกับเพื่อน ๆ และอาจารย์ครับ
กสิวัฒน์
-ถ้ามองสุขภาพ ใน มุม ของ ศักยภาพและทรัพยากร = ความสามารถในการดูแลตนเอง(ความรู้และทักษะในการเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงหรือสร้างปัจจัยปกป้อง)+โอกาสการเข้าถึงบริการที่มีคุณภาพอย่างเท่าเทียม
-อุปสรรคใหญ่ ของสุขภาพดีในมุมมองนี้ น่าจะเป็น
1.การศึกษา(ความสามารถในการเรียนรู้และการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร)-->ทำให้ขาดศักยภาพ
2.เศรษฐกิฐ(รวมถึง ลักษณะงาน,ความมั่นคงในอาชีพ,รายได้)-->ไม่สามารถพัฒนาศักยภาพและเสียโอกาสเข้าถึงบริการ
3.การกระจายของสถานบริการคุณภาพ --> เสียโอกาสเข้าถึงบริการ
-ระบบสุขภาพของสังคมไทยปัจจุบัน
1. มีระบบประกันสุขภาพ(UC+ประกันสังคม+สวัสดิการราชการ) ได้ให้โอกาสการเข้าถึงบริการอย่างทั่วถึง ช่วยแก้ปัญหาการเข้าถึงบริการสุขภาพที่ไม่เท่าเทียมได้มาก ถือเป็นจุดแข็งที่สำคัญ แต่ก็ยังมี ปัญหาจากปัจจัยทางเศรษฐกิจ ของ กลุ่มผู้ยากจน ขาดคนดูแล (เช่น ส่งต่อ รพ.จังหวัด ไม่มีเงิน ไม่มีคนพาหรือ ไม่สามารถลางานได้จนอาการหนัก)
2. มีระบบการพัฒนา คุณภาพสถานบริการ และปัจจัยเอื้อหรือกระแสกดดัน อย่างต่อเนือง ถึงแม้จะยังไม่สามารถพูดได้ว่ามีสถานบริการคุณภาพอย่างทั่วถึง แต่ต้องยอมรับว่า เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดผลในทางที่ดีมาก และมีโอกาสดีขึนอย่างต่อเนื่อง
3. เริ่ม ให้ความสำคัญกับ การสร้างเสริมสุขภาพ และกิจกรรมเชิงรุกเพื่อการป้องกันโรคมากขึ้น แต่ตรงนี้ ยังไม่ลงถึงการพัฒนาความรู้และการเรียนรู้ อย่างเป็นระบบ ยังต้องพึงพา สถารบริการและเป็นการรับบริการมากกว่า (เช่นโครงการตรวจสุขภาพและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพของสปสช)
4. เริ่ม พัฒนาบริการปฐมภูมิ ซึงถือเป็นจุดเชื่อมต่อที่สำคัญทีจะ ช่วยให้เข้าถึงบริการที่มีคุณภาพอย่างเป้นระบบได้ สามารถดูแลต่อเนื่องได้อย่างใกล้ชิด และสามารถพัฒนาศักยภาพ ความสามารถในการดูแลตนเอง การดูแลซึงกันและกันของชุมชน
- ข้อ 1และ 2 มีระบบและทิศทางที่จัดเจน พวกเราช่วยกันสนับสนุน พัฒนาและแก้ปัญหาในกระบวนการอย่างต่อเนื่อง ก็จะเป็นเสาหลักของระบบสุขภาพที่มั่นคง
-ข้อ 3และข้อ 4 แม้ทิศทางจะค่อนข้างชัด แต่แนวทางยังแกว่งมาก และยังขาดความพร้อมในเกือบทุกพื้นที่ จึงเป็นเรื่องที่ต้องศึกษาเรียนรู้เพิ่มเติมให้มาก(สนับสนุน สปสช.ลงทุนแบบนี้อย่างต่อเนื่อง) จนกว่าจะตกผลึกได้แนวทางที่จัด ผู้ปฏิบัติตามไม่สับสน ไม่เช่นนั้น ถึงแม้ทรัพยากร(งบประมาณและบุคลากร)พร้อม ก็ไม่อาจบรรลุวัตถุประสงค์(สุขภาพดี)ที่ถูกต้องได้ เช่น รพ.สต.ที่กำลัง implement ในปัจจุบันนี้ ภาพรวมพวกเรามั่นใจแค่ไหน....? ในมือเรา เราจะช่วยได้มากแค่ไหน... ?
หมอเอก
เรียน อ.ชนินทร์ ที่เคารพ
ผมมองว่า“สุขภาพ” ที่เป็น สถานะ (State) กับการมองสุขภาพในฐานะที่เป็นศักยภาพ (Capacity) และทรัพยากร (Resource) มีนัยยะที่แตกต่างกันและมีผลต่อการพัฒนาและการกำหนดยุทธศาสตร์พัฒนาที่แตกต่างกันด้วย เพราะถ้ามองว่า“สุขภาพ” เป็น สถานะ (State)ย่อมมองแต่เพียงว่าเราจะทำให้สุขภาพดีขึ้นได้อย่างไร เป็นการมองภาพแค่ภาพเดียว หรือแค่จุดเดียว แต่ถ้ามองสุขภาพในฐานะที่เป็นศักยภาพ (Capacity) และทรัพยากร (Resource) จะเป็นการมองแบบหลายมิติ จะเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น จะมองเห็นการเปลี่ยนแปลงที่มีพลังในตัวเอง มีความสามารถในการพัฒนาหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นปัจเจกบุคคลหรือในเชิงสังคมก็ตาม และยิ่งถ้ามองสุขภาพเป็นทรัพยากรด้วยแล้ว คนเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่า สามารถพัฒนาได้ สามารถทำให้มีสุขภาพดีขึ้นมาได้ การมองเช่นนี้ น่าจะทำให้ภาพของสุขภาพชัดเจนขึ้นและสมบูรณ์ขึ้นครับ
นพ.สุพัฒน์ ธาตุเพชร