ชื่อพ่อคำเดื่อง ภาษี ดังกระเดื่องเลื่องลือ เป็นที่รู้จักของคนในวงการพัฒนามาช้านาน ผมเองก็ได้รู้จักท่านจากการอ่าน จากการดู vcd เกี่ยวกับท่านมานานนับ 10 ปีแล้ว แต่เพิ่งได้มีโอกาสพบท่าน และได้พูดคุยกับท่านจริง ๆก็เมื่อวันที่ 5-6 เดือนนี้นี่เอง
นี่คือหลักฐานครับ
ผมไปถึงที่ศูนย์การเรียนรู้ของพ่อคำเดื่อง ช่วงเย็นของวันที่ 5 เวลาประมาณ 16 นาฬิกาเศษ ขณะนั้นที่ห้องประชุมของศูนย์การเรียนรู้ได้มีการบรรยายโดยพ่อคำเดื่องอยู่แล้ว ผู้เข้ารับฟังการบรรยายเป็นกลุ่มนักพัฒนาตะวันตกและกลุ่มแกนนำชาวบ้านที่ร่วมอยู่ในโครงการตำบลสุขภาวะ ซึ่งประกอบด้วยผู้นำจากตำบลที่เข้าร่วมโครงการจาก 5 จังหวัด ได้แก่ เพชรบุรี ราชบุรี กาญจนบุรี นครปฐม และสมุทรสาคร
พ่อคำเดื่อง ได้พยายามชี้ให้ผู้เข้าฟังเข้าใจถึงว่าสภาพความเป็นอยู่และการดำเนินชีวิตของคนไทยส่วนใหญ่ ตกอยู่ภายใต้การครอบงำของระบบทุนนิยมบริโภคอย่างไร ด้วยภาษาง่าย ๆ แต่คมคาย และด้วยลีลาที่รื่นเริง ทำให้น่าติดตาม เข้าใจ และฝังใจ ผมคิดว่าการบรรยายของพ่อคำเดื่องอย่างนี้ น่าจะได้มีการเผยแพร่ออกไปให้ให้คนระดับชาวบ้าน ๆ อย่างเรา ๆท่าน ๆได้รับฟัง ได้นำเอาไปขบคิด ใคร่ครวญ ได้นำเอาไปวิเคราะห์ วิจารณ์ ผมคิดว่า กระบวนทัศน์ดังที่พ่อคำเดื่องท่านเสนอนี่แหละ คือ กระบวนทัศน์ที่คนระดับชาวบ้านอย่างเรา ๆ ท่าน ๆควรมี ผมเสียดายที่วันนั้น ผมไม่ได้นำเอาเครื่องมือไปบันทึกภาพบันทึกเสียงของท่านเอาไว้ แต่ก็ได้จดบันทึกไว้ จะได้เรียบเรียงนำเสนอไว้ในบล็อกนี้ในโอกาสต่อไป
รุ่งเช้าวันที่ 6 ผมได้มีโอกาส เรียนรู้เกี่ยวกับการปลูกป่า โดยวิธีการนำชมประกอบการบรรยายของพ่อคำเดื่อง จากการเรียนรู้ในภาคเช้าวันนี้ พ่อคำเดื่อง ได้อธิบาย ชี้แนะ และให้คำแนะนำถึงวิธีการปลูกป่าโดยวิธีแบบธรรมชาติ อธิบายไป ชี้ไป คุ้ยไป และพร้อมกับผู้เข้าร่วมการเรียนรู้ถามไป จดบันทึกไป และ ถ่ายรูปไป ผมเห็นดวงตา และดวงใจที่เป็นประกายของความหวัง ความฝัน และความมุ่งมั่นของของผู้คนที่เข้าร่วมเรียนรู้ ผมเห็นว่าบทเรียนแบบนี้คือบทเรียนที่มีคุณค่า การเรียนการสอนแบบนี้ ผมพบเห็นปราชญ์ชาวบ้านหลายท่านสามารถใช้อย่างเชี่ยวชาญชำนาญยิ่ง ไม่ว่าจะเป็น พ่ออยู่ สุนทรชัย ครูบาสุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์ ครูชบ ยอดแก้ว ลุงประยงค์ รณรงค์ เป็นต้น แต่ไม่เคยเห็นครูในโรงเรียนใช้วิธีการอย่างนี้
จากที่ได้ฟัง ดู สูด สัมผัส และรู้สึกซาบซึ้งในการเรียนรู้ครั้งนี้ ทำให้ผมรู้สึกว่า อุตส่าห์เป็นถึงครูบาอาจารย์ ในชีวิตของตัวผมเองรู้อะไรต่อมิอะไรแค่หางอึ่งเท่านั้น ไม่ถึงเศษเสี้ยวของปราชญ์อย่างพ่อคำเดื่องเลย
**************************
paaoobtong
07/11/52
21:56
ไม่มีความเห็น