2.เข็มทิศ. ลองสังเกตแรงผลักในใจของเรา ทันทีที่มีความคิดเกิดขึ้นว่ามันจะจูงเราไปทำอะไร เพื่ออะไร ทุกวันนี้เราเห็นตำราของชาวตะวันตกมากมายที่สอนให้เรา be proactive บ้าง be in the present บ้าง หรือมี EQ บ้าง ความหมายของสิ่งเหล่านี้ก็คือ ให้เรามีสติ ระลึกรู้สิ่งต่างๆที่มากระทบตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ให้มีสติต่อทุกการรับสัมผัส มีช่องว่างที่จะใช้ตัดสินใจเลือกปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งต่างๆเหล่านั้น ที่น่าเศร้าก็คือ หนังสือดีๆ เหล่านั้น ไม่เคยช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตเรา ข้อคิดดีๆ เป็นเพียงความรู้ที่จบอยู่แค่สมอง แต่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของเราได้ เพราะมันเข้าไม่ถึงใจ จนกว่าเราจะยอมหยุด แล้วเริ่มต้นเข้าใจจิตใจตัวเอง .
3.เกิดมาทำไม ความรู้แผนใหม่ที่เพิ่งค้นพบไม่กี่ปีมานี้เอง บอกว่ามนุษย์จำเป็นต้องฝึกเพิ่มพูนความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) เพื่อดำรงตัวให้เหมาะสมงดงาม ในขณะที่ชาวพุทธรู้มากว่า 2500 ปีแล้วว่า มนุษย์เกิดมาเพื่อฝึกฝนพัฒนาตนเอง เราสามารถมีความรู้สึกตัว มีสติ เลือกปฏิกิริยาในการตอบสนอง คิด พูด กระทำ ด้วยสติปัญญาที่สมบูรณ์ถึงพร้อมและเป็นอิสระจากภายนอก แตกต่างจากสัตว์ที่มีปฏิกิริยาตอบโต้ไปตามสัญชาตญาณ แต่ดูเหมือนเรายังมัวแต่รอให้ฝรั่งเป็นผู้นำความรู้ดั้งเดิมของเรา มาบอกเราอีกครั้งเท่านั้นเอง เราได้แต่ทำตามๆกันไป ทำอย่างรีบเร่งโดยไม่มีโอกาสหยุดคิด แข่งกันเรียน แข่งกันทำงาน แข่งกันหาเงิน พอมีเงินก็รีบแต่งงาน รีบมีลูกให้ทันใช้ แต่ไม่รีบแก่ รีบเจ็บป่วย หรือรีบตาย ไม่ทันฉุกคิดว่าเราต้องแก่ เจ็บป่วย และอีกไม่นานนับจากวันนี้ ก็จะไม่มีเราบนโลกนี้อีกต่อไป แล้วชีวิตคนคนหนึ่งเร่งรีบเสียจนกระทั่ง ไม่มีโอกาสจะหยุดเพื่อถามตัวเองเลยหรือว่า ชีวิตนี้มีอะไรที่มากไปกว่าการหาเงิน การมีครอบครัว ทำชั่วบ้างดีบ้าง หัวเราะบ้างร้องไห้บ้าง มีสุขบ้างทุกข์บ้าง แล้วก็จากโลกนี้ไป การที่เราวิ่งเป็นหนูถีบจักร เพียงเพราะเป็นสิ่งที่ทุกคนทำกัน มันถูกต้องพอเพียง และเป็นเส้นทางที่จะพาเราไปสู่ความสุข ความสบายกาย ความสบายใจอย่างที่ใฝ่ฝันไขว่คว้าได้จริงหรือ Half our life is spent trying to find something to do with the time we have rushed through life trying to save (Will Rogers)
4.เด็กอ้วนกินอุจจาระ... ครั้งหนึ่งท่านชยสาโร พระภิกษุชาวอังกฤษ อดีตท่านเจ้าอาวาสวัดป่านานาชาติและเป็นลูกศิษย์หลวงปู่ชา สุภัทโท ได้เคยเล่าให้ฟังถึงภาพภาพหนึ่งว่า เป็นภาพของเด็กผู้ชายตัวอ้วนน่ารักกำลังทำท่าตักอาหาร และรัปประทานอาหารตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย หากแต่อาหารที่อยู่ในจานนั้น เป็นกองอุจจาระขนาดใหญ่ที่มีแมลงวันตอมอยู่เต็ม คำบรรยายใต้ภาพนั้นกล่าวว่า "แมลงวันหลายล้านตัวบนโลกนี้ จะหลงผิดทั้งหมดได้อย่างไร (ถ้าอุจจาระไม่อร่อยจริง) " ความจริงก็คือ การที่แมลงวันหรือคนมากมายทำตามๆกันไม่ได้แปลว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ดีเสมอไป วินาทีนี้ลองหยุดทบทวนการดำเนินชีวิตของพวกเราดูเราแน่ใจแล้วหรือว่า การที่เราทำเหมือนคนอื่นทำกันนั้น จะทำให้ชีวิตถึงจุดมุ่งหมายมีความสุขได้อย่างที่เราใฝ่ฝัน เราจะหยุดพัฒนาตัวเองเพียงเพื่อให้หาเงินได้ เข้าสังคมได้ เป็นที่ยอมรับ ทั้งที่เรารู้ว่า ไม่ว่าจะทุ่มเทมากแค่ไหน ทุกอย่างในชีวิตสามารถผกผันเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ภายในพริบตาเดียว ครอบครัว การงาน ทรัพย์สมบัติ หรือแม้แต่คนรัก อาจไม่อยู่กับเราดีๆ อย่างนี้ตลอดไป ชีวิตเป็นของเรา เราควรมีโอกาสเลือกวิถีทางเดินชีวิตของเราด้วยความรู้สึกตัวอย่างเต็มเปี่ยม ให้มั่นใจว่าเราอยากทำอย่างนี้ และสิ่งที่เรากำลังทำนี้จะพาเราไปสู่เป้าหมายที่เราต้องการจริงๆ About the time one learns to make the most of life, most of it gone