แม่ลูกคุยกัน 1 การอยู่เวรอย่างไม่เครียด


เพียงแต่หวังว่าวันหนึ่งที่ลูกทุกข์ใจ บางที่สติจะเกิดเอง ถ้าเราฟังไปบ่อยๆและจะค่อยๆเกิดความเข้าใจ

12-10-52

วันนี้ดิฉันโทรหาลูกสาวในเวลาเที่ยงว่าทานกลางวันเหรอยัง

หมอปานตอบ     กำลังอารมณ์ไม่ดีแม่    วันนี้เหนื่อยมากๆเลย

จะให้ไปรับไหมลูก?   ดิฉันถามเบาๆ

ก็ดีแม่   ขอเวลาเคลียร์งาน10นาทีนะ

ดิฉันขับรถออกจากกรมไปรับลูกและชวนกันไปทานกลางวันที่บิ๊กซีหน้ากระทรวงสธ.

เหนื่อยอะไรเหรอลูก  ดิฉันถามไปเรื่อยๆ

เมื่อคืนมีคนไข้ตายไป1คน  

เมื่อเช้าก็ใส่ท่อช่วยหายใจไปอีก1คน   แต่ก็น่าจะรอดนะ

หลังจากซักละเอียด ทราบว่าเป็นคนไข้ติดเชื้อเอดส์มีไข้   มาอยู่กับญาติ   เสียชีวิตที่ward

หลังจากทานอิ่ม ดิฉันไปส่งลูกที่สถาบันบำราศ  

ในระหว่างขับรถไปทานอาหาร     ดิฉันบอกลูกสาวให้หัดดูกายดูจิตตามที่หลวงพ่อปราโมทย์สอน

(รถดิฉันและคุณชัยณรงค์จะมีเทปท่านที่เราเปิดตลอดเวลาที่ขับเพื่อให้เกิดความเข้าใจ       ซึ่งฟังกี่ครั้งก็ไม่เหมือนเดิมเพราะความเข้าใจเราเปลี่ยนไป       แต่ลูกสาวจะขอปิดเทปเพราะฟังแล้วเครียดเวลามีคนถามหลวงพ่อ 

ดิฉันแนะว่าลูกหัดรู้กายใจ     จะได้ไม่เครียดเวลาคนไข้ตาย   

 หมอปานบอกว่า       จะมัวมาดูอะไรกัน   ตรวจอย่างเดียวก็ยุ่งจะตาย

ดิฉันเล่าว่าดิฉันเคยผ่าตัดและมีคนไข้ตายซึ่งเราเครียดมากแต่ก็ไม่เอามาฝันค่ะ  

 ที่แนะให้หัดดูจิตจะได้รู้จักการฝึกสติ          รู้จิตที่เครียดซึ่งเป็นอกุศลจิต  

 ถ้าสติตัวจริงเกิดความเครียดจะดับไปเพราะสติจะไม่เกิดร่วมกับอกุศลจิต        จะทำให้เราทำงานแล้วไม่เหนื่อยถึงแม้คนไข้ไม่หายป่วยดั่งที่เราคาดหวัง 

เป็นการใช้การปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวันจริงๆค่ะ

เวลาดิฉันเปิดเทปก็อยากให้ลูกฟังและนำไปปฏิบัติ   แต่ไม่เคยชักชวน

เพียงแต่หวังว่าวันหนึ่งที่ลูกทุกข์ใจ      บางที่สติจะเกิดเอง   ถ้าเราฟังไปบ่อยๆและจะค่อยๆเกิดความเข้าใจ

ดิฉันไม่กล้าชวนลูกมาก   เคยออกอุบายให้ไปอยู่วัดเป็นเพื่อนที่พุทธมลฑล 3วัน    พระท่านให้ตื่นตี4    คุณหมอก็ไม่อยากตื่น

เคยมาที่สวนสันติธรรม1ครั้ง   ก็อ่านหนังสือที่เอามาด้วย   ดิฉันไม่กล้าให้ส่งการบ้านหลวงพ่อ   

ฟังจากหลวงพ่อว่าเวลามีปัญหาบางทีสติจะเกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติค่ะ   คนที่ทำงานหนักหัดรู้กายใจก็สามารถช่วยการทำงานอย่างมีความสุขได้ค่ะ   

คนเป็นแม่ก็อยากให้ลูกมีทักษะชีวิตสามารถทำงานได้ทุกๆสภาวะค่ะ   

หมายเลขบันทึก: 312963เขียนเมื่อ 12 พฤศจิกายน 2009 11:58 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน 2012 02:47 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

อ.อัจฉรา

คนเป็นแม่ ก็อยากให้ลูกมีทีกษะ ชีวิตสามารถทำงานได้ทุกๆๆสภาวะ ใช่เลยค่ะ ช่วงนี้บ่อยครั้งก่อนซักประวัติผู้มารับบริการ ก็ชวนเข้ากลุ่มเล็กๆๆ4-5 คน แลกเปลี่ยนประเด็นว่า สัจธรรมแห่งชีวิต 1. เกิด 2.แก่ 3.เจ็บ 4.ตาย พวกเรากลัว ข้อ4หรือไม่ ร้อยละ 70-80 บอกว่ากลัว เพราะยังมีห่วง ลูก หลาน วันก่อนบุตรชายคุณยาย(คุณยายอายุ 70กว่า..ๆที่มาตรวจ บอกว่าอยากให้ทุกคนจู้จักปลง ..... พวกเราอยู่วงการสาธารณสุข ... เราก็

อยากให้ทุกคน หาย จากโรคที่เขาเป็น แต่จริงๆแล้ว คงไม่ใช่ร้อยละ100 ที่จะหาย คง

ขึ้นอญุ่กับหลายๆประเด็น ไม่ว่าในเรื่องการปฏิบัติ พฤติกรรม และอื่นๆ

ฝากส่งกำลังใจให้หมอปานด้วยค่ะ

ขอบคุณ คุณท้องฟ้าที่มาเยียมค่ะ

หมอปานกำลังอยู่เวรค่ะ ขอบคุณแทนหมอปานด้วยนะคะ

ให้กำลังใจคุณท้องฟ้าและน้องๆในทีมด้วยค่ะ

พวกเราทำงานหนักแต่ก้ต้องอดทนค่ะเพราะเราเลือกเดินเองด้วยความเต็มใจ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท