เรื่องเล่าจากลูกของ ด.ต. ปรีชา จันทร์พี
เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. 52 แม่ได้พาพ่อ ( ด.ต. ปรีชา จันทร์พี ) ไปโรงพยาบาลตำรวจตามปกติ เพื่อที่ไปพบแพทย์ที่ได้มีการนัดหมายไว้และทำการตรวจรักษาตามปกติ แต่ขณะนั้นเองแม่ได้กลับมาบอกว่า แม่ได้เจอหมอแล้วหมอก็มาดูแผลที่เท้าขอพ่อ แล้วหมอพูดว่า “ คุณลุงแผลคุณลุงน่ะ 1 อาทิตย์ ก็หายแล้ว ” แม่กลับมาบอกด้วยความตื่นเต้นมากๆๆ ซึ่งหมอก็บอกว่าให้พ่อไปหาหมอที่ โรงพยาบาลตากสิน ในวันที่ 6 มิ.ย. นั้นก็คืออีก 2 วันต่อมา หลังจากนั้น พวกเราก็พากันไปที่โรงพยาบาลด้วยความหวังว่า หมอจะทำการรักษาแผลที่เท้าของพ่อให้หายขาดได้ ซึ่งบาดแผลนี้พ่อเป็นมาประมาณ 3-4 ปี เห็นจะได้ โดยในการไปครั้งนี้พวกเราไม่รุ้เส้นทางในการเดินทางแต่อย่างใด ซึ่งอาศัยการถามคนโน่นคนนี่ เอาบ้าง และจากแผนที่ที่ คุณหมอเขียนไว้บ้าง
และแล้วในเช้ามืดเวลา ตี 4 พวกเราก็ตื่นขึ้นมาด้วยรีบร้อนกลัวว่าจะไปโรงพยาบาลไม่ถูก แล้วก็ตื่นเต้นด้วยว่าวันนี้คุณหมอจะทำการรักษาพ่ออย่างไร ( อยากรู้ใจจะขาดเลย ) พอพวกเราไปถึงโรงพยาบาลซึ่งนี้เป็นการมาครั้งแรก ( จริงๆๆนะ ) เราก็ได้ทำการยื่นเรื่องบัตรแล้วก็ขอพบคุณหมอ เชิดพงศ์ ตามที่คุณหมอได้ให้รายละเอียดไว้เมื่อตอนที่ได้พบคุณหมอเชิดพงศ์ที่โรงพยาบาลตำรวจ
พวกเรานั่งรอหมออย่างใจจดใจจ่อ เพราะเราอย่างรู้กันเต็มที่แล้วว่าคุณหมอจะทำการรักษาอย่างไร และแล้วคุณหมอก็มาซักที คุณหมอเข้ามาทักทายอย่างเป็นกันเองและน่ารักมากด้วย จากนั้นคุณหมอเริ่มก็ทำการรักษาแผลที่เท้าพ่อ โดยการที่คุณหมอเรียกดิฉันเข้าไปแล้วก็อธิบายถึงการรักษาบาดแผลว่าจะทำการรักษาอย่างไร ซึ่งคุณหมอก็ให้พ่อทำการใส่เฝือกอ่อนที่เท้าเหมือนการใส่รองเท้าและคุณหมอก็ให้ใส่ตลอดเวลาเลยล่ะ แล้วก็ใส่ในทุกอย่างก้าวในการเดินยกเว้นจะถอดได้ก็ต่อเมื่อตอนนอนเท่านั้น และห้ามให้แผลนี้ถูกน้ำเป็นอันขาดเลยนะ ( จะบอกให้ )
ซึ่งเมื่อกลับถึงบ้านพวกเราก็เลยมาคุยกันว่า พ่อลูกขอร้องทำตามที่คุณหมอแนะนำ แค่ 2 อาทิตย์เองเพราะหลังจากวันที่ 6 มิ.ย ที่เราไปกันนั้น คุณหมอก็นัดอีกที่ในวันที่ 20 มิ.ย. พวกเราลูก และแม่ก็ขอร้องพ่อว่าให้ทำตามคำแนะนำนั้น โดยที่พ่อเค้าก็ทำตามทุกเงื่อนไขเลย
จนวันที่ 20 มิ.ย. มาถึงพวกเราออกเดินทางกันแต่เช้าเพื่อไปหาคุณหมอตามที่ได้นัดกันไว้ และเมื่อไปถึงพอคุณหมอเปิดแผลออก ทันใดนั้นเอง ! หมอก็เอ่ยปากชมว่าแผลดี และก็บอกด้วยว่า คุณลุงดีใจไหมคุณลุงหายแล้วนะ
เราไปทำการตัดรองเท้าใส่ได้เลยไม่ต้องใส่เฝือกแล้ว ( คุณรู้ไหมพวกเราดีใจกันแค่ไหนที่แผลของพ่อหายแล้ว ) และอีกอย่างก็ไม่ถูกตัดนิ้วด้วย เหมือนที่พ่อเคยถูกตัดนิ้วมาแล้วเนื่องจากการรักษาที่ไม่ตรงจุด เมื่อลองย้อนกลับไปในวันนั้น วันที่พ่อต้องตัดนิ้วโป้งเท้า พวกเราเองยังเสียดายไม่หายเลยว่า ทำไมเราไม่เจอคุณหมอเชิดพงศ์ก่อนหน้านี้นะ พ่อจะได้ไม่ถูกตัดนิ้วเท้า แล้วพวกคุณรู้ไหมว่าทุกวันนี้พวกเรามีความสุขกันมากแค่ไหน ที่แผลที่เท้าของพ่อหายแล้วแล้วพ่อก็สามารถใช้ชีวิตได้ตากปกติ แล้วคนภายในบ้านก็ไม่เครียดอีกต่อไป โดยที่แผลของพ่อจากที่รักษามานาน ถึง 3 ปี แต่เมื่อมาเจอคุณหมอเชิดพงศ์ คุณหมอสามารถทำให้หายได้ภายในระยะเวลาไม่ถึง 1 เดือน คุณเชื่อเถอะนี้คือเรื่องจริงที่ลูกคนหนึ่งอยากจะเล่าให้พวกคุณได้ฟัง
ขอบคุณที่รับฟัง
ป.ล.จากลูกสาวพ่อ
ไม่มีความเห็น