แม้พระพุทธศาสนาจะมองว่า ชีวิตของมนุษย์เป็นสิ่งที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง เพราะว่า “การเกิดมาเป็นมนุษย์นั้น เป็นสิ่งที่ทำได้ยาก” ฉะนั้น เมื่อเกิดเป็นมนุษย์ยาก พุทธจริยศาสตร์ชี้ให้เห็นว่าบางสถานการณ์ก็ควรที่จะสละทรัพย์ไปเพื่อรักษาอวัยวะ และสละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิตเอาไว้ ทำไม? จะต้องรักษาชีวิต จุดประสงค์เพื่อต้องการให้มนุษย์ทุกคนนั้นการฝึกฝนพัฒนาตนเองในอันที่จะก้าวไปสู่เป้าหมายสูงสุดในทางพระพุทธศาสนา กล่าวคือ “พระนิพพาน” อันจะทำให้มนุษย์นั้นจะได้ไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารอีก
แต่ถึงกระนั้น พุทธจริยศาสตร์ก็มองว่า หากมนุษย์มีตัวแปรบางอย่างที่ทำให้ไม่สามารถที่จะรักษา หรือประคับประคองชีวิตของตนเอง เพื่อพัฒนาไปสู่เป้าหมายสูงสุดในชาตินี้ได้ ซึ่งตัวแปรบางอย่างนั้นอาจจะทำให้มนุษย์ต้องตัดสินใจ “ฆ่าตัวตาย”
ประเด็นปัญหาทางศีลธรรมในทางพุทธจริยศาสตร์จึงเกิดขึ้นว่า การที่มนุษย์บางคนเลือกที่จะหนีปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นแก่ตนเองโดยการฆ่าตัวตาย เป็นสิ่งที่ผิดหรือไม่ ควรหรือไม่ควรอย่างไร คำตอบในเบื้องต้นนั้นก็คือ พุทธจริยศาสตร์มองว่า เมื่อกล่าวถึง “การฆ่า” ไม่ว่าจะเป็นการฆ่าตัวตาย หรือฆ่าคนอื่นตายก็ตาม พุทธจริยศาสตร์มิได้มีท่าทีสนับสนุน หรือส่งเสริมให้มนุษย์หาทางออกด้วยการฆ่าตัวตายแต่อย่างใด แต่สิ่งที่พุทธจริยศาสตร์พยายามที่จะมุ่งเน้นให้มนุษย์ฆ่านั้น ไม่ใช่ร่างกายของตนเองหรือคนอื่น หากแต่เป็นการ “ฆ่ากิเลส” ที่มีอยู่ในตัวเอง
คำถามที่จะเกิดตามมาก็คือว่า “การเลือกทางออกด้วยการฆ่าตัวตาย” นั้น พุทธจริยศาสตร์มองว่า ควรหรือไม่? การกระทำดังกล่าวจะไม่เป็นการขัดกับหลักการที่พุทธจริยศาสตร์มองว่า “ชีวิตเป็นสิ่งที่มีคุณค่า” เพราะได้มายากหรือไม่? พุทธจริยศาสตร์มองว่า การฆ่าตัวตัวตายนั้นไม่ได้มีปัญหาในทุก ๆ กรณีแต่อย่างใด ในบางกรณีก็มีทางออกให้ เช่น บางคนเป็นโรคอย่างร้ายแรง รักษาอย่างไรก็ไม่หายขาด การที่บุคคลที่จะฆ่าตัวตายโดยใช้สังขารของตนเองเป็นเครื่องมือในการสร้างองค์ธรรมอย่างใดอย่างหนึ่งให้เกิดขึ้นให้เกิดมีขึ้นในขณะฆ่าตัวตายนั้น ดังกรณีของพระฉันนะ และพระโคธิกะนั้น พุทธจริยศาสตร์มองว่า เป็นสิ่งที่เจ้าของชีวิตสามารถที่หาทางออกด้วยการฆ่าตัวตายได้ ซึ่งทางออกดังควรที่จะมีปัญญาเป็นเครื่องกำกับอยู่ตลอด ซึ่งการใช้ปัญญาของพระเถระทั้งสองท่านนั้น เป็นปัญญาที่ยืนอยู่บนฐานของฌาน และญาณในทางพระพุทธศาสนา
เราจะเห็นว่า การหาทางออกของพระโคธิกะ หรือพระฉันนะ เป็นการเลือกที่จะฆ่าตัวตายบนฐานของสภาพจิตที่บรรลุฌานในระดับใดระดับหนึ่งในทางพระพุทธศาสนา แต่หากพุทธ ศาสนิกชนบางคนที่ยังเป็นปุถุชนจะใช้ข้ออ้างจากกรณีของพระเถระทั้งสองรูป และตัดสินใจฆ่าตัวตาย โดยมองว่า ท่านทั้งสองสามารถที่จะทำเลือกที่จะฆ่าตัวตายได้ การยกกรณีของพระเถระทั้งสองมาเป็นฐานในการเลือกของปุถุชนนั้น ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ท้าทายต่อปัญหาในเชิงศีลธรรมเป็นอย่างยิ่ง เพราะเมื่ออยู่ในฐานะของปุถุชน เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่า การฆ่าตัวตายของเรานั้น จะทำให้การฆ่าตายนั้นดำรงอยู่บนฐานของความบริสุทธิ์ทางใจโดยไม่ได้ถูกกิเลสครอบงำ เพราะเมื่อกล่าวถึงคำว่า “ปุถุชน” นั้น หมายถึงผู้ที่ยังหนาไปด้วยกิเลส เมื่อมนุษย์ที่เป็นปุถุชนเลือกที่จะฆ่าตัวตายท่ามกลางสภาพจิตที่หนาไปด้วยกิเลส ย่อมทำให้การฆ่าตัวตายด้วยสภาพจิตที่สงบ สะอาด สว่างนั้น เป็นสิ่งที่ทำได้ยากอย่างยิ่ง
ในขณะเดียวกัน การฆ่าตัวตนเองบนฐานของความไม่พร้อมในแง่มุมต่าง ๆ กล่าวคือ สภาพจิตของตัวเองถูกครอบงำด้วยโลภะ โทสะ หรือโมหะนั้น ครอบครัวของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การที่บิดา มารดา ต้องเจ็บปวด และร้องไห้คร่ำครวญต่อการตัดสินใจฆ่าตัวตายของเขา ลูก ๆ ของเขาต้องไร้ที่พึ่งพาอาศัย ฉะนั้น การฆ่าตัวตายในบรรยากาศเช่นนี้ เป็นสิ่งที่พุทธจริยศาสตร์เห็นว่าไม่ควรที่บุคลใดบุคคลหนึ่งจะเลือกกระทำอย่างยิ่ง สาเหตุก็เพราะว่า การฆ่าตัวตายของเขาในสภาพการณ์เช่นนี้ นอกจากจะทำให้เขาไปเกิดในทุคติภูมิแล้ว ยังทำให้บุคคลอื่น ๆ ที่ยังมีชีวิตอยู่ต้องประสบกับความทุกข์ในลักษณะต่าง ๆ
ฉะนั้น ทางออกที่ดีที่สุดต่อประเด็นนี้ก็คือ การที่มนุษย์ซึ่งเผชิญกับวิกฤติการณ์ต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตนั้น ควรที่จะนำเอาปัญหาเหล่านั้นมาเป็นเครื่องมือในการสร้างปัญญาให้เกิดขึ้นแก่ตัวเอง และนอกจากนั้นแล้ว การพยายามที่จะระบาย หรือบอกความจริงที่เกี่ยวกับความทุกข์ใจ หรือปัญหาต่าง ๆ ที่ตนเองกำลังประสบนั้น ให้แก่บิดามารดา หรือเพื่อน ๆ ในสังคมได้รับทราบปัญหาและหาทางออกร่วมกัน วิกฤติการณ์ที่ตนเองคิดว่าเป็นเรื่องที่เลวร้าย และหาทางออกไม่ได้นั้น อาจจะมีแนวทางที่สามารถหาบทสรุปได้ หากเปิดใจกว้าง และพร้อมที่จะเปิดใจรับฟัง เมื่อเป็นเช่นนี้ การเลือกที่จะฆ่าตัวตายก็อาจจะกลายเป็นเพียงแค่เสี้ยวหนึ่งของความคิดเท่านั้น ซึ่งการคิดในลักษณะนี้เป็นเพียงกิเลสตัวหนึ่ง หากเราพยายามที่จะพิจารณาให้เห็นถึงความเป็นจริงอยู่เรื่อย ๆ แล้ว ในระยะยาวเราก็สามารถที่จะมีความสุขท่ามกลางวิกฤติต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตและสังคมได้อย่างปกติสุข
ไม่มีความเห็น