ความงดงาม.........ในความทุกข์
คุณป้าเบื้องหน้าฉันเป็นสตรีวัย 62 ปี รูปร่างผอมน้ำหนักประมาณ 30 กิโลกรัม ผิวหนังเหี่ยวย่นค่อนข้างคล้ำ ผมสีดำแซมด้วยสีขาวประปราย ดูยุ่งเหยิงมัดไว้ด้วยยางเส้น ใบหน้าอีกข้างปิดไว้ด้วยผ้าก๊อสท่าทางอ่อนล้า นั่งอยู่บนเตียงผู้ป่วยภายในตึกผู้ป่วยหญิง เวลาพูดเสียงแหบแห้งเบาเหมือนกระซิบ เผยให้เห็นฟันในปากสีเหลืองที่เหลือไม่กี่ซี่ คุณป้ามานอนพักรักษาตัว 2-3 วันแล้ว ด้วยอาการเพลีย กินไม่ได้ ไม่มีแรง แผลบริเวณใบหน้ามีน้ำเหลืองไหลซึม ด้วยสาเหตุหลัก คือ มะเร็งโพรงจมูก ซึ่งเป็นมา 2 ปีแล้ว รักษาที่ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคมะเร็งภาคใต้ ด้วยการฉีดยาคีโม และฉายแสง ครบแล้วแต่เนื่องจากเป็นในระยะหลังทำให้การรักษาไม่ได้ผล ทำให้ลุกลามไปถึงตาขวา ตามัวมองไม่ชัด มีขี้ตาตลอดเวลา คุณป้ามานอนโรงพยาบาล โดยมีสามีมาส่ง หลังจากนั้นแวะเวียนมาดูแลเป็นบางครั้ง ด้วยภาระทางเศรษฐกิจกับอาชีพรับจ้างที่ไม่แน่นอน แล้วแต่ใครว่าจ้าง ทำให้คุณป้าไม่มีคนเฝ้าดูแล ส่วนลูก ๆ อีก 5 คนต่างมีครอบครัวไปหมดแล้ว ทำให้ไม่มีใครดูแลใกล้ชิด ด้วยเหตุผลที่คุณป้าบอกว่าเขาต้องดูแลครอบครัวของเขา แม้แต่ลูกคนที่อยู่ใกล้กันก็ไม่สามารถดูแลได้ คุณป้าบอกว่าเคยคิดจะไปออกรายการโทรทัศน์ ที่ลูก ๆ ทิ้งพ่อแม่ ให้อยู่กันอย่างลำบาก ข้าวสารแทบไม่มีกรอกหม้อ เจ็บป่วยต้องดิ้นรนไปหาหมอเอง แต่ก็เป็นอารมณ์ชั่ววูบ ที่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเท่านั้น
“ มาโรงพยาบาลครั้งนี้ต้องขายตู้เย็นมา ที่บ้านขายจนหมดแล้ว เหลือเพียงจักรยานยนต์เก่า ๆ ที่สามีไว้ขับ เพื่อไปรับจ้างเท่านั้น” ฉันฟังแล้วอึ้ง รู้สึกเสียใจว่าไม่ได้มาพูดคุยตั้งแต่คุณป้ามานอนที่นี่ในครั้งแรก ๆ อาจทำให้ได้รับรู้ปัญหามากกว่านี้ สิ่งที่คุณป้ากังวลคือ เรื่องแผลที่ใบหน้าว่าเมื่อไหร่จะหาย ถ้าแผลไม่แห้งก็ต้องทำแผลที่โรงพยาบาล การเดินทางไปมาลำบากด้วยไม่มีใครได้พามาทุกครั้ง ถ้าฝนตกก็กลัวแผลเปียกส่วนค่ารถจักรยนต์รับจ้างก็แพงไป กลับ 200 บาท ด้วยรายได้ที่ไม่เพียงพออยู่แล้วทำให้กังวลเพิ่มขึ้น แต่ยังดีที่เวลาไปตามนัดที่สถาบันมะเร็ง ยังมีลูกชายพาไป โดยลูกชายคนนี้แหละที่ดูเหมือนคุณป้าจะรักมาก พูดถึงที่ไร แววตาสีหน้าดูสดชื่น อ่อนโยนทันที ทำให้ฉันนึกถึงเด็กหนุ่มอายุ 20 กว่า ๆ ที่เคยมาดูแลในครั้งแรก ๆ ที่คุณป้ามานอนรักษาตัว จากนั้นฉันก็ดำเนินการประสานงานเพื่อการเยี่ยมบ้าน โดยเฉพาะการดูแลเรื่องแผลของคุณป้า วันนั้นมีน้ำใจจากน้องพยาบาลที่ได้มอบเงินส่วนตัวให้คุณป้าอีกด้วย
ที่บ้าน.....ไปตามแผนที่ตามถนนสายหลักระหว่างอำเภอ บ้านอยู่กลางทุ่งนาห่างจากถนนเข้าไป 300 เมตร ลักษณะบ้านสร้างมานานแล้ว มีฝาไม่ครบ 4 ด้าน ผนังเป็นไม้และปูน มีห้องโล่ง ๆ เพียงห้องเดียว เฟอร์นิเจอร์ในบ้านไม่มีอะไรนอกจากเตียง 1 หลังและฟูกเก่า ๆ ส่วนห้องน้ำห้องส้วมแยกไปต่างหาก ไฟฟ้านั้นอาศัยโยงสายจากบ้านลูกที่อยู่ใกล้กัน ส่วนอาหารการกินต้องหุงหาด้วยตนเอง มีบางครั้งที่ลูกเจียดมาให้บ้าง วันนี้คุณป้ามานอนโรงพยาบาลอีกครั้งด้วยเพลีย กินไม่ได้
ทีมที่ไปเยี่ยมบ้านทำแผลให้แล้วส่งต่อมาล่วงหน้าแล้ว วันนี้ตรงกับวันสำคัญเป็นวันพระราชสมภพของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมาร ทางโรงพยาบาล จัดงานเทิดพระเกียรติเป็นทุกปีอยู่แล้ว ส่วนภายในตึกก็มีการมอบถุงยังชีพพระราชทานให้กับผู้ป่วยทุกรายที่นอนพักรักษาตัว เมื่อมาถึงเตียงคุณป้า ซึ่งนั่งอยู่บนเตียงได้ยกมือท่วมศีรษะพึมพำเบาๆ ว่า “เจ้าฟ้าชาย” พร้อมกับนำถุงพระราชทานไปไว้บนหัวนอนอย่างทะนุถนอม สีหน้าแววตาดูอิ่มเอิบ มีความสุข ก่อนกลับบ้านครั้งนี้ ทางตึกได้ดำเนินการจัดสรรเงินจากกองทุนพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เพื่อสงเคราะห์คนไข้ยากจน ให้จำนวนหนึ่งไว้เป็นค่าใช้จ่ายเพื่อไปพบแพทย์ที่สถาบันมะเร็งภาคใต้ สีหน้าแววตาดูมีความสุขเมื่อรับทราบที่มาของเงินพร้อมกับยกมือท่วมศีรษะอีกครั้งด้วยความสำนึกในพระกรุณาธิคุณ
คุณป้าซึ่งมีความเจ็บป่วยทางกาย หาได้หมกมุ่นอยู่แต่กับความเจ็บป่วยของตัวเองไม่ จิตใจยังยึดมั่นในชาติ ศาสน์ กษัตริย์ อย่างเหนียวแน่น เพื่อได้เป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจในยามที่ต้องต่อสู้กับโรคร้าย ด้วยความจงรักภักดีนั้นยังมีอยู่เต็มเปี่ยมในหัวใจมิเสื่อมคลาย
ผู้ที่เห็นคนอื่นมีทุกข์เดือดร้อนแล้วสามารถมองเห็นสิ่งนั้นเป็นสิ่งดีที่มีอยู่ในทุกข์นั้นก็น่าชื่นชมเช่นกัน
อนุโมทนา
สวัสดีค่ะ
ในท่ามกลางความทุกข์ท้อ ย่อมมีดอกผลไพบูลย์รออยู่เสมอ
ส่งกำลังใจให้คุณป้าค่ะ
(^__^)
ทุกคน เดิมมีจิต ประภัสสร แต่เมื่อมี ผัสสะ ทำให้จิตหม่นหมอง