ป้ามีอาชีพเลี้ยงวัว เวลาที่ป้าเข้าไปในป่าจะบอกเพื่อนๆที่เลี้ยงวัวด้วยกันว่า ..ฉันเป็นเบาหวาน..ช่วยฟังเสียงฉันหน่อยนะ ฉันจะตัดต้นไม้หรือเคาะให้มันเกิดเสียงดัง ถ้าฉันเงียบหรือไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย..ก็ไปดูฉันหน่อยนะ
ก่อนปีใหม่สักเล็กน้อยผู้เขียนได้รับรายงานผู้ป่วยหญิงรายหนึ่งเข้านอนโรงพยาบาลด้วยอาการไม่รู้สึกตัวค่ะ ขณะที่ผู้เขียนซักถามประวัติการเจ็บป่วยอยู่นั้น ในใจก็อดคิดไม่ได้ว่า เออป้าคนนี้ ดูภายนอกเหมือนชาวบ้านธรรมดาๆทั่วไป..แต่ป้าเข้าใจและมีวิธีการจัดการดูแลตนเองพอสมควร..วันนั้นป้าเล่าว่า " ป้ามีอาชีพเลี้ยงวัว เวลาที่ป้าเข้าไปในป่าจะบอกเพื่อนๆที่เลี้ยงวัวด้วยกันว่า ..ฉันเป็นเบาหวาน..ช่วยฟังเสียงฉันหน่อยนะ ฉันจะตัดต้นไม้หรือเคาะให้มันเกิดเสียงดัง.. ถ้าฉันเงียบ..หรือไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย..ก็ไปดูฉันหน่อยนะ"..เยี่ยม !!
(ทั้งสองภาพนี้ได้รับการอนุญาตจากผู้ป่วยแล้วค่ะ:ผู้เขียน)
ผู้เขียนจึงถามต่อว่าทำไมป้ารู้ว่าต้องทำแบบนี้?? ป้าตอบว่า..
เพราะป้าเคยมีประสบการณ์น้ำตาลในเลือดต่ำ ถ้าช่วยเหลือไม่ทันจะหมดสติ..เยี่ยม!! ผู้เขียนถามต่อว่าถ้าน้ำตาลต่ำต้องแก้ไขยังไงคะ" ป้าบอกว่าถ้ามีอาการหิว สั่น ก็รีบกินข้าว"ผู้เขียนจึงชมว่า"ป้าเก่งจริงๆตอบถูกหมดเลย.."ป้าตอบสวนมาอย่างภาคภูมิใจว่า "ก็ป้าเป็น อสม..เคยอบรมมาก่อน(อ้าว!!เหรอค่ะ..ในใจค่ะ)
แล้ววันนั้นพลาดได้ยังไงคะ??
ป้าเล่าพลางหัวเราะเขินๆว่า "..วันนั้นไปเลี้ยงวัวกับสามีสองคน เหมือนทุกวัน เตรียมห่อข้าวไปด้วย แต่เกรงว่าสุนัขจะขโมยกินข้าว จึงเอาห่อข้าวไปซ่อนไว้บนขื่อเถียงนา>> พอถึงเวลาใกล้เที่ยง เริ่มหิว สั่น มีอาการเหมือนน้ำตาลต่ำ จึงรีบออกจากป่าจะมาทานข้าว..แต่ตอนนั้นรู้สึกว่าสามีซ่อนห่อข้าวไว้สูงเกินไป..ตัวเองเหนื่อย เพลีย ปีนเอาห่อข้าวไม่ได้..จึงนอนรอสามี..แล้วเผลอหลับ(หมดสติ)ไปเลย..สามีมาเจอ..ปลุกไม่ตื่น..จึงรีบพามาส่งโรงพยาบาล ค่ะ
หลังจากสะท้อนการเรียนรู้จากประสบการณ์น้ำตาลในเลือดต่ำของผู้ป่วย คราวนี้ผู้เขียนแนะนำให้ผู้ป่วยและสามีพกน้ำตาลก้อนติดตัวไปด้วยทุกครั้งเผื่อฉุกเฉิน..และเราก็สัญญากันว่าภายในปีนี้เราจะไม่เจอกันในโรงพยาบาลอีก(No readmission)..ผู้ป่วยหัวเราะ