แม่จ๋า หนูขอโทษ


ไม่มีพ่อแม่คนไหนหลอกที่จะโกรธเกรียดลูกตัวเองได้ลงคอ แม่กับพ่อพร้อมจะให้อภัยลูกเสมอ

ลูกจ๋าแม่ขอโทษ

เหตุการณ์ในเวรดึกหน้าหนาววันนั้น ดิฉันยังจำมันได้ดี   เวรดึกที่แสนง่วงและเหนื่อยล้าดิฉันคิดว่า  ดิฉันต้องมาทำอะไรอยู่ที่นี้  ในขณะคนทั่วไปกำลังนอนหลับอยู่บนเตียงอันแสนอุ่น  ก่อนนั้นดึกคืนนั้น  ดิฉันได้นั่งภาวะนาว่าขออย่าให้ยุ่งเลย  เพราะดิฉันรู้สึกเหนื่อยล้าจากเมื่อตอนอยู่เวรเช้า  เหตุการณ์จะผ่านไปได้ด้วยดี   เพียงสามชั่วโมงขณะที่ดิฉันกำลังเข้าเวร  มีเสียงดังขึ้น  “ติ๊งต๋อง”  มีคนไข้มา  ดิฉันก็รีบลุกขึ้นมองนาฬิกา  เป็นเวลา  03.00 น. ดิฉันรีบเดินไปเปิดประตูรับคนไข้มา  ภาพที่ดิฉันเห็นนั้นคือ  ผู้ป่วยมาด้วยเปลนอน  ดิฉันได้มองสำรวจไปรอบ ๆ และมองไปที่ผู้ป่วย  ก็พบมูกเลือดชุ่มผ้าถุง  ผู้ป่วยร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด  ภาพที่เห็นเป็นเด็กวัยรุ่น  อายุประมาณ  15  ปี   ดิฉันรับให้เปลเข็นเข้าไปในห้องคลอด และดิฉันก็รีบตามไปอย่างรวดเร็ว  ตรวจภายในพบปากมดลูกเปิดหมด  ดิฉันบอกให้พยาบาลอีกคนเตรียม  ชุดทำคลอดและเครื่องมือและไม่นาน  “ แง  แง  แง ” ทารกคลอดในเวลา 03.17 น.  เป็นทารกเพศหญิง  หน้าตาน่ารัก  น่าชัง  มีลักษณะคลอดก่อนกำหนด  ดิฉันลองชั่ง นน.  ได้  1,400 gm  แต่ลักษณะทารกร้องครางเบา ๆ และรีบรายงานแพทย์  ขณะที่ช่วยเด็กอยู่  พยาบาลอีกคนได้ไปซักประวัติผู้ป่วย  ผู้ป่วยให้ประวัติว่าล้มก้นกระแทกพื้น    ปวดท้องมากจึงรีบมา  ดิฉันจึงขอสมุดฝากท้องผู้ป่วยเพื่อดูข้อมูลการฝากครรภ์  ผู้ป่วยบอกว่าลืมไว้ที่บ้าน  จากนั้นดิฉันก็ไห้กลับไปเอาสมุดฝากท้องที่บ้าน  แต่มารดาทำสีหน้าตกใจ  มาบอกดิฉันว่าผู้ป่วยไม่ได้ฝากท้อง   และเพิ่งทราบว่าบุตรสาวตั้งครรภ์  จากนั้นดิฉันก็กลับมาถามผู้ป่วยอีกครั้ง  ผู้ป่วยจึงยอมรับว่าตัวเองและแฟนกำลังเรียนอยู่และที่บ้านก็ไม่ทราบ  ตั้งครรภ์โดยไม่ได้ตั้งใจ  ขณะพูดผู้ป่วยก็ร้องให้โฮ บอกว่า  “หนูไม่รู้จะทำยังไงดี”  เพื่อนมันเลยแนะนำหนูไห้ไปขอยาที่ร้านขายยามาเหน็บ  “หนูยังอยากเรียนหนังสือ “  ดิฉันได้ปลอบผู้ป่วยเขาให้บอกถึงว่า  “ตอนนี้อาการทารกไม่ค่อยดี”  เพราะคลอดก่อนกำหนด  แพทย์ต้องมาใส่ท่อช่วยหายใจและไปรักษาต่อที่ รพ.ศูนย์จังหวัด  เมื่อได้ยินอย่างนั้นผู้ป่วยตะโกนร้องบอก  ดิฉันว่า  “หนูไม่เอาเด็กได้ไหม  หนูไม่อยากได้ ”  หนูต้องเรียนหนังสือต่อ  หมอไม่ต้องมาช่วยลูกหนู  เมื่อผู้ป่วยปฏิเสธดิฉันกำลังจะปลอบ  จากนั้นแพทย์ก็เข้ามาดูอาการมารดาและทารก  ขณะที่พยาบาลและหมอได้เข้าไปช่วยเหลือทารก  ดิฉันได้เข้าไปพูดกับผู้ป่วยว่า  น้องค่ะ  ลูกน้องเกิดมาไม่รู้เรื่องอะไร  ที่น้องจะทิ้งเขาไว้  น้องไม่รักเขาเหรอจะปล่อยให้เขาเสียชีวิตไปต่อหน้าต่อตาหรือค่ะ  สัตว์มันก็ยังรักลูกของมันนะค่ะ  มันยังเฝ้าทะนุทนอมดูแลลูกของมันไม่ให้สัตว์อื่นมาทำร้ายเลย  ผู้ป่วยร้องให้สะอึกสะอื้น  และยังปฏิเสธเอาลูกไว้  “แต่หนู”  หนูไม่จะทำยังไง  หนูคงไม่ได้เรียนต่อและพ่อกับแม่คงโกรธหนูมาก  ดิฉันพูดไปว่า  น้องค่ะไม่มีพ่อแม่คนไหนหรอกนะ  ที่เมื่อลูกทำผิดจะโกรธเกลียดลูกได้หรอกนะค่ะ  พ่อแม่ของน้องก็คงจะให้อภัยน้องได้ในทุกเรื่อง  พ่อแม่ของน้องคงไม่อยากให้น้องทำบาปมากไปกว่านี้หรอกนะค่ะ เอาอย่างนี้ดีไหมค่ะ  เดี่ยวพี่จะลองไปคุยกับพ่อแม่ของน้องดู  ผู้ป่วยไม่ตอบ  ได้แต่รับฟังและเอียงหน้าไปทางอื่น  และดิฉันก็ได้ออกมาพูดคุยกับพ่อและแม่ของเด็กเรื่องที่ผู้ป่วยไม่ต้องการเด็กไว้  มารดาของผู้ป่วยได้พูดว่า  จ้ะหมอ  ฉันในเมื่อเด็กเกิดมาแล้ว เราก็พร้อมดูแล  คงต้องให้ลูกกลับไปเรียนหนังสือต่อ  เด็กมันก็ไม่รู้เรื่องมันก็หลานฉัน  หมอดิฉันเข้าไปดู ลูกกับหลานหน่อยได้ไหม  ดิฉันจึงอนุญาตให้มารดาของผู้ป่วยเข้าไปในห้องคลอด เมื่อแม่ของผู้ป่วยเข้าไปเห็นลูกและหลานที่นอนใส่ท่อช่วยหายใจก็ร้องให้และพูดว่า  “แม่จ๋าหนูขอโทษ” หนูกลัวพ่อกับแม่จะโกรธหนู  “แม่พูดว่า” ไม่มีพ่อแม่คนไหนหลอกที่จะโกรธเกรียดลูกตัวเองได้ลงคอ  แม่กับพ่อพร้อมจะให้อภัยลูกเสมอลูกเองก็เหมือนกันลูกก็ต้องรัก ลูกของลูกให้เหมือนกับที่แม่รักลูกนะ  สักวันเมื่อลูกโตกว่านี้ลูกจะเข้าใจ  และทั้งคู่กอดกันร้องให้  และผู้ป่วยก็หันมาบอกหมอว่า  “หมอค่ะช่วยลูกของหนูด้วยนะค่ะ”  เมื่อได้ยินอย่างนั้นดิฉันก็รู้ดีใจ  ที่ได้ช่วยเหลือชีวิตน้อย ๆ ชีวิตหนึ่งให้ได้อยู่ต่อไป  และแพทย์ก็ได้ใส่ท่อช่วยหายใจสำเร็จและรับส่งผู้ป่วยและทารกไปรักษาต่อที่  รพ.จังหวัด    

หมายเลขบันทึก: 328356เขียนเมื่อ 15 มกราคม 2010 18:18 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 06:45 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

ทำไมน้องเขา เพิ่งอยากเรียน น๊า...เด็กอีกจำนวนมากที่เกิดมาจากความไม่ตั้งใจของผู้เป็นทั้งพ่อ และ แม่!!!

ทุกคนมีสิทธิที่จะพลาดได้ ให้กำลังใจ ให้โอกาส เมื่อเขามีลูกแล้วการเรียนอาจจะมีค่าสำหรับเขาบ้าง

สวัสดีคะ มาติดตามอ่านเรื่องเล่าค่ะ

ขอบคุณที่แบ่งปันนะคะ

อ่านแล้วรู้สึกว่า พยาบาลเป็นผู้ที่ได้รับความไว้วางใจจากแม่วัยรุ่น ที่คิดว่าจะเป็นที่พึ่ง ช่วยเหลือเขาได้ จริงๆแล้ว แม่ทุกคนรักลูก น้องเขาไม่ได้อยากจะทิ้งลูกแต่เขากลัว จึงต้องทำอย่างนั้น เมื่อพยาบาลช่วยให้เขาพ้นความกลัวไปได้ ชีวิตหนึ่ง ได้มีชีวิตรอด และครอบครัว ครอบครัวหนึ่งเข้าใจกัน ความรักจะทำให้ทุกคนเอื้ออาทรต่อกันในที่สุดค่ะ ขอบคุณเรื่องเล่าดีๆ นะคะ แต่เรื่องนี้ก็ให้บทเรียนในการทำงานของบุคลากรสาธษรณสุขอีกหลายเรื่องค่ะ หวังว่าทีมคงจะได้เรียนรู้ และหาโอกาสพัฒนาได้จากเรื่องนี้นะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ

อีกหนึ่งบทความที่สะท้อนอะไรๆ ได้เยอะ มากๆ ในสังคมเรา มีอีกหลายๆแง่ หลายๆมุม ที่เราอาจต้องทำความเข้าใจ

สิ่งที่ถูกเลือก สิ่งที่ไม่ได้เลือก ....

คงจะถึงเวลาแล้ว ที่เรา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสังคม/ชุมชน ต้องกลับไปมองย้อนชุมชนของเราเอง

ทุกวันนี้ เราให้อะไรกับชุมชนบ้าง

สู้ต่อไปนะคะ .... น้องๆคนทำงาน ในรั้วยุพราช

อยากรู้ว่าเด็กทารกรอดมั๊ย

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท