ฝาท่อที่รักยิ่ง


คำถามฝังใจตั้งแต่วัยเด็ก นับจากรับรู้ข่าวสาร ประสบเหตุ เห็นเหตุการณ์ และจากประสบการณ์ตรงประสบการณ์อ้อม ในความไร้สติของสังคมไทย และ อาการไร้ความรับผิดชอบ ต่อกรณีการตกท่อ การเปิดฝาท่อ และท่อระบายน้ำที่ชำรุดเสียหาย ซึ่งสร้างบาดแผลและความตายกับคนไทยมากมาย จนวันนี้ก็ยังคงเป็นเช่นเดิม เสมือนหนึ่งเตือนคนไทยที่เดินเท้า ให้มีสติในชีวิตให้มากเข้าไว้

ฝาท่อที่รักยิ่ง

 

 

อ้างอิง - ภาพ Kati1789

ตั้งแต่เด็กยันโต

ผมมีเรื่องฝังใจมากมาย

หนึ่งในนั้นก็เป็นเรื่องท่อ และ ฝาท่อ

 

ฝาท่อระบายน้ำ ซึ่งควรจะอำนวยประโยชน์ อำนวยสุขให้กับผู้คน ที่ยังคงมีขาไว้เดินข้างถนน เดินตามฟุตบาท โดยไม่ได้นั่งรถยนต์ รถมอเตอร์ไซต์ หรือยานพาหนะใดใด ได้ค้นพบความสุขอย่างเรียบง่ายว่า การเดินด้วยขานั้น ถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์ แต่จนแล้วจนรอด สิ่งเหล่านั้นกลับกลายเป็นความน่าหวาดหวั่นใจ และ น่ารำคาญในเวลาเดียวกัน

ผมเคยตั้งคำถาม ตั้งแต่เด็กยันโต

ถึงข่าวคราวอันน่าขำขัน

และ น่ารันทดใจ

 

หนึ่งในนั้น คือ เหตุการณ์ของผู้คนที่ตกท่อระบายน้ำ เสมือนหนึ่งกิ้งก่ากิ้งกือตกท่อ ที่ดูจะเป็นคำน่ารักสนุกสนาน แต่สำหรับผม ผมไม่เห็นด้วยกับความสนุกสนาน ยามเห็นฝาท่อระบายน้ำที่เป็นเหล็ก ทิ่มแทงตามแข้งขาของคนเดินถนน กระทั่งอุบัติเหตุตกท่อระบายน้ำจนเสียชีวิต

ซึ่งผมยอมรับ

กับคนที่รู้จักทุกคนเสมอ

ยามเดินตามถนนด้วยกัน ถึงความระแวงนี้

 

ที่ผมจะไม่เดินเหยียบฝาท่อระบายน้ำ ไม่ว่าจะเป็นฝาปูน ฝาเหล็ก ฝาตัน ฝาโปร่ง ฝาที่มีสภาพแข็งแรง หรือ ฝาท่อระบายน้ำที่มองด้วยตา ว่ามั่นคงแข็งแรง ผมไม่เคยไว้ใจ และ ไม่เคยไว้วางใจให้กับความจริงอันทุเรศในบ้านเมืองของเรา ซึ่งมักจะมีคนบาดเจ็บและเสียชีวิต จากสิ่งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น จนกลายเป็นเรื่องชาชิน และ เห็นได้ตามหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์

ผมรับไม่ได้ กับข่าวสารที่ไม่มีวันแก้ไข

ไม่มีวันได้รับความเข้าใจจากผู้คน

หรือคนทั่วไปที่พึงตระหนัก

 

ในอุบัติเหตุที่ไม่ควรเกิดขึ้น เสมือนหนึ่งการรณรงค์ไม่ให้ผู้คนดื่มสุรายามขับขี่ เพราะเชื่อว่า ไม่อาจควบคุมเครื่องยนต์กลไกได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ หรือ แม้แต่คิดว่า หากปล่อยไปตามท้องถนน ก็เสมือนหนึ่งหยิบยื่นความตายให้กับผู้อื่น แต่สำหรับอุบัติเหตุจากฝาท่อระบายน้ำ กลับเป็นสิ่งที่แอบซ่อน อยู่ในความไร้สาระ และ ภาวะไร้ความรับผิดชอบ

ผมพยายามพูดเสมอ

ถึงภาวะที่ไม่น่าขำขันของสิ่งเหล่านี้

ว่าเป็นภาวะที่แย่มาก ในสังคมไทยของเรา

 

ภาวะที่เราต้องดูแลตัวเอง ตัวใครตัวมัน และคิดเสมอว่า บ้านนี้เมืองนี้ไม่มีความปลอดภัย ดังนั้น อย่าไว้ใจพื้นที่สาธารณะ อย่าไว้ใจทางเดินเท้า หรืออย่าไว้ใจสาธารณชน สำหรับแนวคิดง่ายๆ ว่าดูแลกันไปตามยถากรรม ตามโชคชะตาฟ้าดินจะลิขิต หากวันนี้เราโชคดีที่ไม่ตกท่อ หรือ ไม่ต้องเอาขาไปค้างท่อ จนต้องร้องเรียกให้ใครต่อใครมาช่วยเหลือ

ไม่ใช่อย่างแน่นอน สำหรับความจริง

ในความไร้สามัญสำนึกเหล่านี้

ที่จะมีการขบคิดกันได้

 

หรือ เป็นสาระสำคัญในการสร้างความสนใจ เพื่อให้ผู้คนตระหนัก ก็ต่อเมื่อมีคนเจ็บคนตาย และมีผู้เสียหาย จากการลืมปิดฝาท่อ จากฝาท่อที่ชำรุดเสียหาย ทั้งจากความพลั้งเผลอของผู้คน หรืองบประมาณซึ่งคาดไม่ถึง ที่ควรดูแลสาธารณะสมบัติเหล่านี้ ด้วยความตระหนักว่า สิ่งเหล่านี้อาจทำร้ายใครก็ได้ที่คุณรู้จักมักคุ้น  หรือแม้แต่ ฆ่าคนที่คุณรักได้เสมอ หากยังคงเดินถนน

 

ความจริงอันพิกลพิการ

ที่ผมถามตัวเองมาตลอดเวลา

ตั้งแต่เด็กยันโต ยันมีผมหงอกขึ้นหัว

 

ผมถามตัวเองว่า ผมอ่านข่าวมากี่ข่าว ผมเห็นภาพมากี่ครั้ง ผมเห็นคนบาดเจ็บล้มตายกับฝาท่อระบายน้ำมากี่ครั้ง จนแทบนับไม่ถ้วน สำหรับความเจริญของท่อระบายน้ำ ยามขยายถนนไปตามเมืองใหญ่ ให้ผู้คนได้ปลาบปลื้มใจ ว่ามีถนนดีดีใช้ แต่มีทางเท้าเลวเลวคอยแอบซ่อนพิษภัยเอาไว้

บางคนอาจยืนยันว่า เป็นปัญหาของหน้าที่

และ ปัญหาของความรับผิดชอบ

ซึ่งสุดท้ายตกอยู่ที่หน่วยงาน

 

องค์กรที่เกี่ยวข้อง หรือ เจ้าหน้าที่ซึ่งดูแลรับผิดชอบ แต่สำหรับผม ที่ติดตามข่าวมานานจนเลิกเบื่อ จนทุกวันนี้ ผมมีความเชื่อมั่นส่วนตัวอย่างแรงกล้าว่า อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจท่อ โดยเฉพาะท่อระบายน้ำเมืองไทยของเรา ผมกลับเห็นว่า เป็นความพิการทางสังคม ในความพิกลพิการอันไม่เท่าเทียมของสังคมไทย ที่ไม่ปรารถนาให้มีคนเดินถนนอยู่ในเมืองนี้

ผมกลับไม่โทษระบบ

แต่ผมกลับมองสิ่งเหล่านี้ว่า

คือ ดัชนีชี้วัดบางสิ่งอย่างในสังคมไทย

 

เป็นดัชนีชี้วัดง่ายๆ ในมุมมองส่วนตัวของผม ยามเห็นผู้คนในชุมชนพยายามปักป้ายปักเสา หรือ เอาอะไรมาขวางไว้ เพื่อบอกผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาว่า ท่อชำรุดเสียหาย อย่าเหยียบอย่าเดินผ่าน เพราะไม่อาจเปลี่ยนฝาท่อได้ด้วยตัวเอง เนื่องจากของสาธารณะ ไม่ใช่ทรัพย์สินชุมชน

ผมเห็นความปรารถนาดี ของผู้คนมากมาย

ที่ไม่สามารถจัดการกับท่อสาธารณะ

เพราะกฎหมายที่ค้ำคอผู้คน

 

เหมือนกับที่เห็นท่อดีดี ในพื้นที่รับผิดชอบขององค์การบริหารส่วนท้องถิ่นมากมาย ที่ท่อระบายน้ำดูแข็งแรงแข็งแกร่ง จนบางครั้งเผลอลองเหยียบดูไม่ได้ ว่าจะแข็งแรงเพียงใด หรือแสดงความรับผิดชอบ ต่อความทุกข์ยากของคนเดินถนนมากน้อยเพียงใด กระทั่งเห็นภาพท่อระบายน้ำกลางเขตกรุงเทพมหานครชั้นใน ที่ฝรั่งมากมายเดินผ่าน

ผมพบกับความจริงว่า

ในพื้นที่ ซึ่งต้องเกี่ยวพันคนต่างชาติ

มีแขกต่างบ้านเท้าต่างเมือง เอาเท้ามาเดิน

 

มักเป็นทางเท้าที่ได้รับการดูแลเป็นพิเศษ หรือ แม้แต่ประกันความปลอดภัยของชาวต่างชาติ มากกว่าชีวิตและสวัสดิการของคนไทย กระทั่งเห็นฝาท่อในทุกรูปแบบ ยามที่เดินไปมาตามขอบข้างทาง จนอดคิดไม่ได้ว่า เมืองไทยของเรา น่าจะเป็นเมืองแห่งปริศนาธรรม ที่พยายามบอกสอนให้ผู้คนไม่ประมาท ไม่พลั้งเผลอหลงลืม หรือมีสติในทุกครั้งที่เดินข้างถนน

วันนี้ ผมมองปริศนาธรรมของความบ้าบอ

ที่ฝาท่อระบายน้ำ มีต่อคนไทย

ว่าอาจเป็นดัชนีชี้วัดที่ดี

ถึงความไร้สติ ในแต่ละพื้นที่ของสังคมไทย

 

หมายเลขบันทึก: 329560เขียนเมื่อ 20 มกราคม 2010 20:17 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 12:05 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

สวัสดีค่ะ เออ่านแล้ว..ก็..ทำให้นึกถึงคำที่ว่า...

----?--ขี้แล้วแจว แมวขี้แล้วกลบ ชัดเจนดีจังค่ะ..

ขอบคุณนะคะ ที่กรุณานำมุมหนึ่งในสังคมบ้านเรา ออกมาย้ำเตือน ผู้ที่น่าจะออกมาแก้ไขสิ่งเหล่านี้ซักที...สิน่า....

โดนใจมากๆเลยเชียวค่ะ บันทึกนี้

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท