paaoobtong
21/01/53
13:00
สวัสดีค่ะ
ครูดี ก็มีเยอะที่ทุ่มเทเพื่อเด็ก เพราะครูบางคนถือว่าไม่ใช่เรื่องของเราพ่อแม่เด็กยังไม่สนใจเลย บ้างครั้งครูที่ดีก็ต้องการความร่วมมือจากผู้บริหารและเพื่อนครูเหมือนกัน แต่ครูสมัยนี้สนใจเด็กมากน้อยแค่ไหน ดูได้ตามป้ายรถเมล์ เด็กมัธยม ไว้ผม(ตามใจฉัน ซอย ทำสี) ใส่กระโปรงสั้น (มาก)ไม่มีกระเป๋าเรียน ยืนตะโกนอยู่ตามป้ายรถเมล์ทั้งหญิงชาย ดูป้ายหน้าอกพอรู้เลยว่า โรงเรียนอะไร ทำให้มองไกลถึงผู้อำนวยการโรงเรียน ชื่อเสียงโรงเรียน และบรรดาครูโรงเรียนรัฐบาล ของโรงเรียนที่มีชื่อยู่บนหน้าอกเด็ก (เห็นแล้วรู้สึกว่าครูทำอะไรกันอยู่ ครูดีดี ไปไหนหมด
สวัสดีครับคุณนงนาท สนธิสุวรรณ
paaoobtong
21/01/53
22:55
สวัสดีครับคุณครูคิม
paaoobtong
21/01/53
23:07
สวัสดีค่ะอาจารย์
เจริญพร ครูดี (จริงๆ)
อาตมาจะไม่ขอตอบคำถามที่ "ครูดี" กรุณาถามพวกเราว่า "เมื่อไ่ม่ได้รับความเป็นธรรม เราจะร่วมมือ หรือวางมือดี" แต่สิ่งที่อาตมาอยากจะร่วมแบ่งปัน คือ "อำนาจ" อำนาจโดยทั่วไป มี ๒ อย่าง คือ อำนาจที่เกิดจากตำแหน่ง หรือที่มากับตำแหน่ง (Position Power) กับ อำนาจส่วนตัว หรืออำนาจเฉพาะตัว (Personal Power) ผู้บริหารมักจะใช้อำนาจทั้งสองเป็นเครื่องมือในการบริหาร แต่ปัญหาที่เกิดก็คือ เรามักจะใช้อำนาจสองอย่างผิดที่ผิดทาง กล่าวคือ บางสถานการณ์แทนที่จะบริหารโดยใช้ตำแหน่งกลับใช้เรื่องส่วนตัวไปตัดสินใจ กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง
เมื่อเห็นความไม่ชอบมาพากลจากการใช้อำนาจ เราอาจจะใช้กุศโลบายอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อกระตุ๊กหนวดแมว แต่ธรรมชาติของแมว คือ ความดื้อ (ตามสายตามนุษย์) เมื่อ ดึงบนลงล้าง ดึงล้างขึ้นบน ดึงหัวไปทางหาง เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะผู้บริหารแบบนี้ คิดว่ามีอำนาจเหนือเรา (Power Over) จึงไม่ใส่ใจต่อข้อคิดเห็น หรือควาห่วงใจของเรา แม้เราจะหากุศโลบายแล้ว ถ้าโชคดี เจ้านายบางคนที่มีหิริโอตตัปปะ หรือเกรงกลัวต่อการทำชั่ว ก็อาจจะระมัดระวัง และใส่ใจการใช้อำนาจมากขึ้น
ปัญหาคือ ผู้บริหารที่ขาดธรรมาภิบาลจะทำอย่างไร หน้าที่ของเราไม่ใช่ "เอาหูไปนา เอาตาไปไร่" แต่คือการดูสถานการณ์ หรือรอเวลาที่เหมาะสม (อุเบกขา) โดยใช้ปัญญาเข้าไปวิเคราะห์สถานการณ์ที่เกิดขึ้นตามหลักอริยสัจ ๔: คืออะไร เกิดจากอะไร จะหมดปัญหาอย่างไร และจะแก้โดยวิธีใด
หากความผิดที่เกิดจากการใช้อำนาจทั้งสองอย่างได้ก่อให้เกิดผลเสียต่อ องค์กร หน่วยงาน สังคม และชาติบ้านเมืองจนยากที่จะเยียวยาได้แล้ว เรามีเครื่องมือหลายอย่างที่บัญญัติเอาไว้ในกฏหมายรัฐธรรมนูญและกฎหมายลูก เพื่อจะดำเนินการจัดการกลุ่มคนดังกล่าว ซึ่งมีทั้งเปิดเผยตัวเรา และไม่จำเป็นต้องเปิดเผย
แต่ปัญหาก็คือ เรามีความ "กล้าหาญทางจริยธรรม" มากน้อยเพียงใด ที่จะเข้าไปช่วยเหลือประเทศชาติของเรา สังคมของเรา และเพื่ออนาคตที่ดีกว่า การเกิดเป็นมนุษย์นี่ยากแล้ว แต่สิ่งที่ยากกว่านั้นก็คือ การใช้คุณค่าของความเป็นมนุษย์ในการช่วยเหลือประเทศชาติ และสังคม สักวันหนึ่ง มนุษย์ทุกคนจะต้องตายตามกฎธรรมชาติ แต่ก่อนจะตายถ้าเราได้สร้าง "ธรรมเจดีย์" หรือ "อนุเสาวรีย์แห่งความดีงาม" เอาไว้ให้ลูกหลาน และอนุชนรุ่นหลัง เราคิดว่า "คุ้มค่ากับการเกิดมาเป็นมนุษย์" หรือไม่?
ขอสมัครเป็นสมาชิกต่อสู้ เพือคนที่อยู่ในอาชีพครู เพื่ออนาคตผู้ที่ได้ชื่อว่านักเรียนไท
อย่าเห็นพลังอันยิ่งใหญ่ในวงการครู (ไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย) ช่วยกันต่อสู้เพื่อวิชาชีพครู
อยากให้ครูทุก ๆ ท่านช่วยกันพัฒนาอาชีพ ช่วยกันดันให้คนที่มีอาชีพครู เสมอหน้ากันทั้งรัฐและเอกชน
ครูต่างชาติไม่ใด้รับความเป็นธรรมโดนบีบให้ออกจากโรงเรียน จากรอง ผอ.ใจร้าย ที่เพิ่งจะย้ายมมาอยู่ประมาณ1 เทอมใด้ ,ไม่ชอบเขาโดยไม่รู้สาเหตุทั้งๆที่เขาสอนอยู่ที่นั่นนานมากกว่า 3 ปีแล้ว เห็นใจเขามากๆเลย,เขารักเด็กๆที่โรงเรียนแห่งนั้นมากๆเลยที ไม่ยอมย้ายไปสอนโรงเรียนอื่นทั้งๆที่จะใด้ค่าจ้างแพงกว่าที่นั่นด้วยซ้ำ
อ่านข้อความของพระคุณเจ้า ธรรมะหรรษาแล้ว ได้ข้อคิดและกำลังใจมากขึ้นว่า เราควรมีความ "กล้าหาญทางจริยธรรม" ที่จะเข้าไปช่วยเหลือประเทศชาติของเรา สังคมของเรา และเพื่ออนาคตที่ดีกว่า และก่อนจะตายเราควรสร้าง "ธรรมเจดีย์" หรือ "อนุเสาวรีย์แห่งความดีงาม" เอาไว้ให้ลูกหลาน และอนุชนรุ่นหลัง เพื่อได้ข้อคิดว่า "คุ้มค่ากับการเกิดมาเป็นมนุษย์" หรือไม่? ถ้าครูไม่เป็นตัวอย่างให้เด็ก ก็อย่าหวังว่าจะเปลี่ยนระบบการศึกษาไทยได้
น่าสนใจหัวข้อนี้ "เมื่อครู หรือ ผู้บริหาร ไม่ได้รับความเป็นธรรม:จะ"วางมือ" หรือจะ "ร่วมมือ"ดี ..."
เมื่อเริ่มมาเป็นครู ก้าวแรกที่เข้ามา คงต้องขอให้ถามตนเองก่อนว่า มาเป็นครูเพราะอะไร.?.... บางคนมีความมุ่งมั่นด้วยอุดมการณ์ ? บางคนเข้ามาด้วยความคาดหวัง ? บางคนเข้ามาเพราะบุญวาสนา ? บางคนเข้ามาเพราะขอเพียงให้ได้งานทำ ? ฯลฯ และด้วยเหตุหลายปัจจัย...
แต่ในขณะเดียวกันธรรมชาติของคน จะเป็นอะไร คนก็คือคน... ธรรมชาติของคนจะสวมหัวโขนเป็นตัวอะไรก็ตาม นิสัยคนก็ไม่พ้น ความโลภ โกรธ หลง ..... ปัญหาทุกอย่าง หยุดได้ที่ตัวเรา คาถาตัวสุดท้ายคือคำว่า "หยุด" ถ้าไม่หยุด ก็จะไม่รู้จักคำว่า พอเพียง...........
จงสู้ต่อไปบนคุณค่าของความเป็น "ครูดี"
ครูดี คือปูชนียบุคคลที่ควรค่าแก่การเคารพบูชาอย่างแท้จริง แต่ต้องอาศัยเวลาและความอดทน คือ ขํนติ บารมี
บารมี คือ ความดี ที่ต้องสะสม ด้วยความเพียร และสร้างสมมาอย่างสมำเสมอ ทำอย่างต่อเนื่องจนเป็นธรรมชาติของตนเองโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ถ้าหวังสิ่งตอบแทนเมื่อไรจะกลายเป็นความโลภ ความอยาก ความดีนั้นจึงกลายเป็น อกุศลที่แอบแฝงด้วยผลประโยชน์ผลแห่งกรรมก็จะตามมา แต่เมื่อเห็นความไม่พึงพอใจเกิดขึ้นในภาพงานของสังคม(ครู) จงหยุดมองและพิจารณาให้ถ่องแท้ถึงผลที่จะเกิดตามมาในอนาคต แล้วเฝ้าดูเถอะว่า เวรกรรมมีจริง ไม่ช้าก็เร็ว ขอเพียงตัวเราอย่าเอา อารมณ์ เข้าไปยึดติด เป็นเวรที่เขาทำ กรรมที่เขาสร้าง ตัวของเราดีพอหรือยัง...?
ถ้าเขาเลว เราทำตามเขา หรือทำประชดเขา เราก็เลวกว่าเขา เพราะรู้แล้วยังทำ
ถ้าเขาเลว เราไม่ทำตาม เราดีกว่าเขา เพราะรู้แล้วไม่ทำ
ถ้าเขาดี เราทำตามเขา เราดี เพราะรู้แล้วทำ
ถ้าเขาดี เราไม่ทำตาม เราเสมอตัว หรืออาจจะไม่ดี เพราะ....?....(อยู่ที่ตัวท่านเอง)