๑.รอยไม้เรียว


        ฉันมีความตั้งใจอยากจะเก็บรวบรวมเรื่องเล่าเกี่ยวกับเด็ก  ไว้เป็นหมวดหมู่  จากในสมุดบันทึกประจำวัน หรือจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใหม่ ๆ เพื่อเตือนใจว่าได้ผ่านเรื่องราวอะไรมาบ้าง  จึงสร้างบ็ลอกใหม่เพิ่มขึ้นมีชื่อว่า "วินัยเชิงบวก" ซึ่งเป็นเรื่องระหว่างฉันกับเด็กนักเรียนของฉันทั้งนั้น

        มีหลายท่านได้ถามฉันว่า "เป็นครูเคยตีเด็กไหม" ฉันตอบว่า "เคยค่ะ  แต่ถ้าตีด้วยการลงโทษนั้นไม่เคย  นอกจากตีเพื่อแกล้งหยอกเท่านั้นแต่ก็เจ็บนะ  ยกเป็นรอย เพราะไม่ทราบว่าผิวไม้ไผ่อันเล็ก ๆ บาง ๆ ที่ฉันหวดลงไปเล่น ๆ ที่น่องของแต่ละคนนั้นจะมีพลังแรงได้ เพราะนักเรียนเข้าห้องเรียนช้า เถลไถลตามร่มไม้  ฉันจึงเดินลงไปตามและเห็นไม้ผิวไม้ไผ่ชิ้นเล็ก ยาวประมาณ ๑ ฟุต วางอยู่กะจะเก็บไปทิ้งลงถังขยะ  แต่นึกสนุกจึงถือติดมือไป  ภาพแรกนักเรียนหญิงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ พากันวิ่งอ้อมเพื่อจะหลีกหนี  เมื่อเห็นฉันหน้าบึ้งจึงมาเข้าแถวให้ตีแต่โดยดี  ส่วนนักเรียนชายวิ่งหนีกระจัดกระจาย  ไปคนละทิศคนละทาง  ทำให้ฉันนึกสนุกไปด้วยหรือว่าสติแตกที่ตามไปเก็บนักเรียนในห้องเรียนอีกจนครบทุกคน"  นักเรียนชายคนหนึ่งพูดว่า  "คุณครูครับผมต้องไปรดน้ำมนต์กี่วัดครับ  ดูสิครับน่องผมเป็นรอยยกเลยครับ" นักเรียนพูดกันว่า "หากใครถูกครูคิมตีต้องไปรดน้ำมนต์ถึงเจ็ดวัดเจ็ดวา

          ฉันเห็นว่าเป็นรอยยกแดง ๆ กันทุกคน อยากจะเอ่ยคำว่าขอโทษเหลือเกิน  แต่คงทำไม่ได้ หากฉันพูดขอโทษนักเรียนอาจจะทำให้ระบบของคุณครูบางท่านเสียหายไปด้วย  ฉันจึงพูดเย้าหยอกแทนการขอโทษไปว่า "ให้นักเรียนมาตีครูเป็นการเรียกคืนคนละ ๒ ทีดีไหม จะได้หายกัน" นักเรียนพูดพร้อมกันทั้งชั้นว่า "ไม่เป็นไรครับ/ค่ะ พวกผม / พวกหนูอยากให้คุณครูตีพวกเราบ้างจะได้สำนึก  พวกเราไม่โกรธคุณครูครับ"

          ส่วนการบ่นว่าหรือดุฉันตอบว่า "ครูที่ไม่ดุ ไม่บ่นว่าเด็กคือครูที่ไม่สอนหรือครูที่ขาดความรักเพราะกลัวเด็กไม่รัก" ฉันเคยถามนักเรียนว่า "รู้สึกอย่างไรที่ถูกครูบ่น ดุ ว่ากล่าว" นักเรียนตอบว่า "พวกเรารู้สึกสนุก เพราะคำที่ครูพูด ดุว่า มันน่าตลกและครูดุไปยิ้มหรือหัวเราะไปด้วย " 

         ฉันจะพูดกับเด็กของฉันเสมอว่า "ไม้เรียวมีไว้ตีวัว ตีควายแต่นักเรียนเป็นลูกของคน และในสมัยปัจจุบันวัวหรือควายก็คงไม่ถูกคนตีแล้ว  เพราะคนเราอยู่ในยุคของความเจริญ  ได้รับการศึกษา มีการพัฒนาจิตใจ มีหัวใจให้ความรัก ความเมตตาต่อสัตว์มากขึ้น"รวมทั้งการสอนใจตัวเองว่า "การทำร้ายคนอื่นไม่ว่าทางกายหรือทางใจเจ็บด้วยกันทั้งนั้น"

       บันทึกฉบับนี้จบลงด้วย ข้อความข้างล่างนี้ที่ฉันเขียนติดไว้บนโต๊ะและอ่านทุกวัน 

     “ในเวลาที่เรามุ่งสอนแต่วิชาความรู้ เรากลับสูญเสียการสอนอีกอย่างหนึ่งซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดต่อพัฒนาการของมนุษย์ นั่นก็คือการสอนให้มีวินัยในตนเอง มีความมุ่งมั่น อดทน และความไวต่อการรับรู้ความต้องการของผู้อื่น ซึ่งการสอนเช่นนี้ เพียงมีผู้ใหญ่ที่มีวุฒิภาวะและมีความรักความเมตตาคอยอยู่ใกล้ชิดเด็กเท่านั้นก็ทำได้แล้ว...” อีริค ฟรอมม์ :  The Art of Loving หรือ ศิลปะแห่งการรัก  

        บันทึกต่อ ๆ ไปในบล็อกนี้จะเป็นเรื่องเล่าที่สอดคล้องกับข้อความข้างบนนี้ทุกเรื่องค่ะ 

9941 
น่าตีไหมคะ

หมายเลขบันทึก: 330277เขียนเมื่อ 23 มกราคม 2010 14:18 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:17 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (24)

คิดถึงคะ ประทับใจในบทความ ที่มีใจและศิลปะ ของการเป็นครูคะ ตีเด็กเพื่อช่วยเด้กได้คิดและได้ตระหนัก ในการถูกลงโทษมีเหตุและผล ทำไปเถอะคะ คนได้ดีเพราะไม้เรียวก็มีมากมายหลายคน ไม่ใช่ตีเพราะอารมณ์ ครูคิมเพียงเย้าเด็ก เผอิญมีไม้เรียวติดมือ  แต่ไม้ไผ่เล็กๆ  เป็นเรียวเล็ก มันจะรู้สึกเจ็บลึกๆนะคะ ไม่เคยโดนครูคิมตี พอโดนต้องไปรดน้ำมนต์ เขาก็คงตระหนักว่า เขาทำตัวแย่แล้ว ต้องแก้ไขใหม่ หรือแก้ตัวใหม่ 

ในเวลาที่เรามุ่งสอนแต่วิชาความรู้ เรากลับสูญเสียการสอนอีกอย่างหนึ่งซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดต่อพัฒนาการของมนุษย์ นั่นก็คือการสอนให้มีวินัยในตนเอง มีความมุ่งมั่น อดทน และความไวต่อการรับรู้ความต้องการของผู้อื่น ซึ่งการสอนเช่นนี้ เพียงมีผู้ใหญ่ที่มีวุฒิภาวะและมีความรักความเมตตาคอยอยู่ใกล้ชิดเด็กเท่านั้นก็ทำได้แล้ว...” อีริค ฟรอมม์ :  The Art of Loving หรือ ศิลปะแห่งการรัก

บทความเหล่านี้ ที่ครูคิมตั้งใจจะพิมพ์เป็นเล่มใช่ไหมคะ แล้วจะเข้ามาเยี่ยมอ่านนะคะ แต่เวลาอ่านมีไม่มากเหมือนเดิมแล้วคะ สวัสดีคะ คิดถึงเสมอคะ

สวัสดีค่ะ

  • สมัยที่น้องซิลเวียเรียนชั้นมัธยมเคยถูกตียกชั้นค่ะ..เจ็บสุดๆ เจ็บจนน้ำตาไหล คือไม่ได้ตั้งใจร้องไห้เลยค่ะ ..แต่น้ำตาไหลมากกว่าเพื่อน อายจัง อิอิ..
  • พอครูลงไม้โดนกระโปรงเท่านั้นน้ำตาไหลพรากๆ..เพราะไม่เคยถูกตีมาก่อนในชีวิต
  • จำได้ว่าตอนนั้นห้องเรียนติดกับห้องประชุม และนักเรียนในห้องส่งเสียงดังรบกวน คนที่ไม่มีส่วนก็โดนหมด เหมือนปลาที่อยู่ในข้องเดียวกัน...ก็ต้องรับผิดชอบร่วมกัน..
  • สรุปน้ำตาไหล...น่าจะสาเหตุมาจากเราไม่ได้ทำผิดแต่อยู่ในกลุ่มนักเรียนที่ส่งเสียงดังรำคาญเลยต้องถูกทำโทษ...จึงเป็นที่มาของเสียใจสุดๆ (ในตอนนั้น)
  • ยังจำได้ไม่เคยเลือน..อิอิ ขอบคุณค่ะ..

สวัสดีค่ะคุณสุ-มหาวิทยาลัยชีวิต ที่ไม่มีวันปิดทำการ

  • ขอขอบคุณที่มาแลกเปลี่ยนค่ะ
  • คนที่ได้ดีด้วยไม้เรียว  นั่นคือสมัยก่อนนะคะ  สภาพสังคมต่างกับปัจจุบัน
  • รวมทั้งความคิด ความอ่าน ก็ย่อมแตกต่างกันไป สมัยก่อนสภาพบริบทแวดล้อมไม่สับสน
  • สมัยนี้เด็ก ๆ ต้องได้รับการดูแลอย่างมีเมตาจากผู้ใหญ่ ไม่เฉพาะแต่ครูเท่านั้น  ถ้าเขารู้เขาก็คงไม่มานั่งให้เราสอนเขาหรอกนะคะ
  • ไม่เห็นด้วยเลย  การลงโทษด้วยการเฆี่ยนตี  หากจะตีต้อง "มองหน้าให้แน่ใจว่าเด็กมีศรัทธาในตัวครูหรือไม่"
  • ครูหรือผู้ใหญ่ควรทบทวนด้วยนะคะว่า "ยุงหรือมดกัดรู้สึกอย่างไร"
  • แค่ครูยกไม้เรียวขึ้นเท่านั้น...จิตใจของเด็กก็สุดที่จะหวาดผวา
  • แทนที่จะได้คนดี  ก็จะได้คนเสียคนเพราะการถูกทำร้ายได้นะคะ 
  • การทำผิดของเด็กเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์  หากได้รับการช่วยเหลือเห็นอกเห็นใจ  ถือว่าเป็นการให้โอกาส
  • วินัยเชิงบวก  กำลังเฟื่องฟูเพื่อลดความรุนแรงหรือความป่าเถื่อนต่างหากค่ะ

สวัสดีค่ะน้องซิลเวีย

  • การลงโทษด้วยไม้เรียว  อาจจะทำให้คนเกรงกลัว หรือเปลี่ยนพฤติกรรมได้ก็จริง
  • แต่แทนที่เราจะได้การเปลี่ยนแปลงที่สวยใส  อาจจะได้ความขุ่นมัวติดตัวไปชั่วชีวิตของผู้ถูกลงโทษก็ได้นะคะ
  • ถ้าเป็นสมัยก่อน  ที่ไม่มีการค้นพบทฤษฏีเกี่ยวกับมนุษย์หรือจิตวิทยาการเข้าใจมนุษย์  ก็เป็นไปอีกอย่าง
  • สมัยนี้บนภูเขา ชาวเขา ชาวดอยเขามีมือถือใช้ ถนนหนทางราดยางอย่างทั่วถึงแล้วนะคะ..ไม่เห็นด้วยเลยค่ะ
  • แต่ทว่าการลงโทษ..จำเป็นต้องมีแต่ควรสร้างสรรค์และได้ประโยชน์สมกับคำว่า..ได้พัฒนาแล้วนั่นเอง
  • ขอขอบคุณค่ะ

สวัสดีครับพี่คิม

@ ต้องขออภัยครับที่ไม่ค่อยได้มาเยี่ยม

@ ขอแสดงความยินดีกับบันทึกใหม่ "วินัยเชิงบวก"

@ แอบนึกถึงหนังสือคุณภาพจากผู้เขียนที่ชื่อ "ครูคิม" วางแผง

@ แล้วจะมีอะไรเกิดขึ้นน๊า...

@ เคยโดนครูตีในวัยเด็กวัยซน

@ เพราะกระโดดข้ามรั้วโรงเรียนหนีเรียนกับเพื่อนแค่ครั้งเดียวครับ "เจ็บแล้วต้องจำ"

@ ขอบคุณครับ

สวัสดีค่ะพี่ครูคิม..ยังใช้ได้ค่ะรักวัวให้ผูกรักลูกให้ตี..แต่ลงท้ายด้วยการบอกว่าทำไมถึงถูกตี....และต่อไปไม่โดนตีอีกต้องทำอย่างไร...คิดว่าเด็กคงจะสำนึกอยู่นะคะ..วินัยเชิงบวก..กำลังมาแรงจริงๆค่ะ

สวัสดีครับคุณครูคิม

  • ประเด็นเรื่อง"การสร้างวินัยในตนเอง"เป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากในสังคมบ้านเรา
  • ผมมีความเห็นว่าเรื่อง"วินัย"เป็นเรื่องที่สังคมไทยให้ความสำคัญมาก ๆ
  • แต่ผมเข้าใจว่าคนไทยโดยทั่วไปไม่ค่อยเข้าใจเรื่องวินัยในตนเอง ทั้งในแง่ว่ามันคืออะไรและวิธีการที่จะพัฒนาให้มันเกิดในตัวคน
  • ผมอยากจะพูดแบบสุด ๆว่า "คนไทยไม่มีวินัย"แต่อยากให้คนอื่นมีวินัย การไม่มีวินัยในตนของคนไทย สะท้อนออกมาให้เห็นในอาการที่เรียกว่า " double standard" เป็นต้น
  • การปฏิบัติที่ดูเหมือนมีวินัยแต่จริง ๆไม่มี (วินัยในตนเอง)มีมากในคนบ้านเรา
  • พ่อแม่อยากให้ลูกมีวินัย แต่ตนเองไม่มีวินัย ก็มักไปกะเกณฑ์เอากับลูกโดยมาตรการต่าง ๆ ครูอยากให้นักเรียนมีวินัย แต่ตนเองไม่มี ก็มักไปกะเกณฑ์เอากับนักเรียนโดยมาตรการต่าง ๆ ซึ่งโดยส่วนใหญ่มาตรการเหล่านั้นเป็นการบังคับโดยอาศัยอำนาจภายนอก ในรูปแบบของการลงโทษ และที่เป็นที่นิยมคือการเฆี่ยนตี
  • เมื่อไม่นานมานี้ผมไปเห็นครูที่โรงเรียนใกล้บ้านให้นักเรียนเดินเข้าแถวตอนเรียงหนึ่งเพื่อมารับการลงโทษโดยการตีคนละ 2 ที สอบถามได้ความว่าเพราะนักเรียนมาเข้าชั้นเรียนช้า
  • ผมถามคุณครูว่า"เรื่องเท่านี้ทำไมจึงต้องตีกันด้วย พูดกันไม่รู้เรื่องหรือ"
  • คุณครูบอกว่า"พูดนะไม่ได้ผลหร็อก ครูทุกคนพูด ผู้อำนวยการก็พูด  ในห้องเรียน ห้องประชุม และหน้าเสาธง มีการพูดอบรมเรื่องต่าง ๆที่อยากให้นักเรียนทำ แต่ไม่ค่อยได้ผล ต้องมีการลงโทษกำกับด้วย  พอโดนลงโทษไปทีสองทีก็จะดีขึ้น นาน ๆไปก็กลับเข้ารอยเดิมอีก ก็เอาไม้เรียวกระหนาบหนัก ๆอีกที ก็จะดีขึ้นอีก ทำอยู่อย่างนี้แหละจึงจะสามารถควบคุมพวกเขาได้  ถ้าไม่ตีบ้างมีหวังเป็นทะโมนกันหมด"
  • ผมมักหยิบเรื่อง"การลงโทษด้วยการตี"ไปคุยกับคุณครูคนอื่น ๆ ในกรรมและวาระต่าง ๆกัน ได้ความว่าคุณครูส่วนใหญ่มีความเห็นว่า การตีเป็นเรื่องได้ผล เป็นเรื่องจำเป็น คุณครูส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับมาตรการหักไม้เรียวของรัฐมนตรีฯสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล
  • สิ่งที่ผมเห็นเป็นที่น่าสังเกตก็คือนักเรียนชั้นเล็ก ๆ เช่น อนุบาล ประถมต้น ครูแทบจะกำไม้เรียวไว้ติดมือตลอดเวลา
  • ผมบอกคุณครูว่า "ผมไม่สนับสนุนการฝึกให้นักเรียนมีวินัยด้วยการตี"และได้ชวนคุณครูสนทนาถึงผลร้ายต่าง ๆที่เกิดจากการใช้การตีเป็นเครื่องมือ
  • คุณครูกลับย้อนผมว่า"อาจารย์ไม่ได้สอนเด็ก ๆก็พูดได้ ลองมาสอนดูบ้างซี แล้วอาจารย์จะไม่เอาความคิดของ อีริค ฟรอมม์ มาคุยกับหนูหร็อก"
  • ผมจำเป็นต้องอึ้งกิมกี่ ใจหนึ่งผมเชื่อว่ามีวิธีสร้าง "วินัยเชิงบวก"ที่ได้ผล แต่คุณครูบอกว่า"เป็นไปไม่ได้ในประสบการณ์ของคุณครูภาคปฏิบัติ" ใจหนึ่งก็เห็นใจคุณครู แต่อีกใจหนึ่งก็แลเห็นผลร้ายที่มันเกิดขึ้นจากการใช้ไม้เรียว
  • ผมเชื่อว่า การซื้อสิทธิ์ขายเสียง  การคอรัปชั่น การค้าและการเสพยาเสพติด และการยิงกันของนักศึกษาอุเทนฯกับประทุมวัน ฯลฯ เป็นต้น การใช้ไม้เรียวมีเอี่ยวอยู่ด้วยทุกเรื่อง
  • หวังว่า เวที "วินัยเชิงบวก"ของคุณครูคิม จะเป็นช่องทางหนึ่งที่ช่วยให้เห็นทางออกของการเสริมสร้าง"วินัยเชิงบวก"ในบ้านเรา
  • สวัสดีครับ

paaoobtong
23/01/53
18:58

สวัสดีค่ะพี่คิม

  • มาชื่นชมและเป็นกำลังใจให้.. "คุณครูเพื่อศิษย์"  
  • เมื่อตอนอยู่ป. 1 เคยถูกคุณครูตีเพราะคุยกันไม่ตั้งใจเรียน จำติดใจจนถึงปัจจุบันเลยค่ะ
  • จะฝึกวินัยเชิงบวกให้กับตัวเองบ้างนะคะ
  • ขอบคุณค่ะ...^_^

                           

                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                     

  • จะไปเก็บไม้เรียวทิ้งให้เกลี้ยง อิอิ
  • เอา ฟ้าเป็นใจ มาฝากพี่สาวค่ะ

 

สวัสดีค่ะน้องชายไทบ้านผำ

  • ขอขอบคุณค่ะที่แวะมาเยี่ยมให้กำลังใจพี่คิม
  • เอาไว้ใกล้งานบั้งไฟ  พี่คิมจะร่วมบุญด้วยนะคะ
  • ตอนนี้เรียบเรื่อง..การสอนจิตสาธารณะ อยู่ค่ะ  ยังนึกไม่ออกว่าจะนำไปอย่างไรที่ไหน  รอให้เสร็จก่อนนะคะ
  • เป็นเรื่องเล่าคล้าย ๆ กันนี่แหละค่ะ
  • การลงโทษด้วยไม้เรียว  มันอาจจะดีกับคนยุคหนึ่ง บริบทหนึ่ง แต่เด็กจะจดจำถาวรหรือไม่นั้น พี่คิมขอยืนยันว่า...ไม่  โดยเฉพาะเด็กวัยรุ่น
  • หรือแม้แต่เด็กวัยเล็ก  ก็จะทำให้เจตคติกับครูหรือวิชาที่เรียนลดลงไปด้วย
  • การลงโทษ  เด็กเสียคนเสียโอกาสไปเลยก็มีนะคะ  มาโรงเรียนไม่มีความสุขกลับบ้านก็แบบเดียวกัน ไปที่อื่นดีกว่า

สวัสดีค่ะน้องrinda

  • พี่คิมอธิบายเด็ก ๆ ว่า "รักวัวให้ผูก  รักลูกให้ตี" หมายถึงตีด้วยวิธีอื่นเช่นการให้เด็กลงโทษตัวเองโดยการทำประโยชน์ การเขียนบันทึกความคับข้องใจ การอ่านคติธรรมหรือนิทานที่สอดคล้องกับความผิดแล้วนำมาเล่าให้เพื่อน ๆฟัง
  • เด็กบ้านนอกที่โรงเรียนพี่คิม ร้อยละ ๘๐ เป็นเด็กขาดความรัก ความอบอุ่น เมื่อถามถึงสารทุกข์สุกดิบ แต่ละคนพูดไปด้วยน้ำตาคลอเบ้าค่ะ
  • แต่การแก้ด้วยวินัยเชิงบวกที่ได้ผล  พี่คิมจะเล่าในบันทึกต่อ ๆ ไปค่ะ
  • ขอขอบคุณค่ะที่มาแลกเปลี่ยน
  • ขอบคุณที่แบ่งปันค่ะ

+ สวัสดีค่ะพี่ครูคิม...

+ อิ อิ...มาบอกว่าอ๋อยคนหนึ่งแหละค่ะที่ใช้ไม้เรียวบ้าง...เมื่อเด็ก ๆ ไม่ทำตามกติกาที่ตกลงร่วมกัน...และหนึ่งในข้อเสนอที่หนักสุด โดยการตกลงร่วมกันของนักเรียน คือ  การตี

+ แต่ทุกครั้งของการตี...อ๋อยไม่เคยตีก่อนการทำความเข้าใจ...และให้ผู้ถูกลงโทษยอมรับว่าตนเองสมควรโดนตี...

+ ข้อเสียของอ๋อย  คือ การตีที่เจ็บ...แบบจำ...ไปนานค่ะ...

+ โดยปกติ...เมื่อเด็กก่อปัญหา...อ๋อยมักเรียกไปพูดคุย...โดยลำพัง...จะไม่วิจารณ์เด็กต่อหน้าเด็กคนอื่น ๆ ...เด็กบางคนก็ยังทำผิดซ้ำ ๆ ...เชิญผู้ปกครองมาพบเพื่อหาทางแก้ปัญหาด้วยกัน...ก็ยังทำผิดแบบเดิม...สุดท้ายก็จบลงที่การตี...

+ เวลาตีเด็กนักเรียนทีไร...กลับมาหลับฝันร้ายทุกที...ไม่ยักกะเหมือนเวลาตีแอมแปร์เลยค่ะ...

+ บางทีก็ปลอบใจตนเองว่า "รักวัวให้ผูกรักลูกให้ตี" ค่ะ...

+ ตอนสอนที่ปัตตานี...นาน ๆ จะตีเด็กสักที...ใครโดนอ๋อยตี...เด็ก ๆ จะโจษขานไปนาน...เพราะความผิดนั้นเกินอภัย...และไม่ใช่ความผิดครั้งแรก...แต่พอมาอยู่ที่ควนเสม็ด...รู้สึกว่าจะตีเด็กถี่ขึ้นค่ะ...และสุขภาพจิตก็แย่ตามไป...บางครั้งเหมือนอยากย้ายกลับไปอยู่ที่เดิมค่ะ...เด็กกึ่งบ้านกึ่งเมืองนี่...สุด ๆ เลยค่ะพี่คิม...

+ อ๋อย...คิด...คิด...และคิด...ว่าครุบ้านนอกอย่างอ๋อย...คงเหมาะกับเด็กบ้านอกอันไกลโพ้นมากกว่าค่ะ

+ ด้วยความคิดถึงค่ะ

สวัสดีค่ะอาจารย์paaoobtong

  • ประเด็นเรื่อง"การสร้างวินัยในตนเอง"เป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากในสังคมบ้านเรา
  • สโลแกนมากมายที่เคยอ่าน และติดไว้ตามที่ต่าง ๆ
  • ความจริงแล้วถ้ามีวินัยจริงไม่สมควรจะนำข้อห้ามมาติดไว้นะคะ
  • ห้ามทิ้งขยะ/ห้ามเดินลัดสนาม/ห้ามปัสสาวะ ฯลฯ
  • ผมมีความเห็นว่าเรื่อง"วินัย"เป็นเรื่องที่สังคมไทยให้ความสำคัญมาก ๆ
  • แต่ผมเข้าใจว่าคนไทยโดยทั่วไปไม่ค่อยเข้าใจเรื่องวินัยในตนเอง ทั้งในแง่ว่ามันคืออะไรและวิธีการที่จะพัฒนาให้มันเกิดในตัวคน
  • เพราะความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา
  • และคุณภาพชีวิตจากครอบครัวใช่ไหมคะ
  • ผมอยากจะพูดแบบสุด ๆว่า "คนไทยไม่มีวินัย"แต่อยากให้คนอื่นมีวินัย การไม่มีวินัยในตนของคนไทย สะท้อนออกมาให้เห็นในอาการที่เรียกว่า " double standard" เป็นต้น
  • ความไม่จริงใจต่อการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานจริงไหมคะ
  • การทำงานเอาหน้า หวังลาภยศ สรรเสริญหรือเปล่าคะ
  • การปฏิบัติที่ดูเหมือนมีวินัยแต่จริง ๆไม่มี (วินัยในตนเอง)มีมากในคนบ้านเรา
  • พ่อแม่อยากให้ลูกมีวินัย แต่ตนเองไม่มีวินัย ก็มักไปกะเกณฑ์เอากับลูกโดยมาตรการต่าง ๆ ครูอยากให้นักเรียนมีวินัย แต่ตนเองไม่มี ก็มักไปกะเกณฑ์เอากับนักเรียนโดยมาตรการต่าง ๆ ซึ่งโดยส่วนใหญ่มาตรการเหล่านั้นเป็นการบังคับโดยอาศัยอำนาจภายนอก ในรูปแบบของการลงโทษ และที่เป็นที่นิยมคือการเฆี่ยนตี
  • ดิฉันถูกอบรมให้เป็นผู้มีวินัยมาตั้งแต่จำความค่ะ เพราะเป็นลูกทหาร
  • เมื่อโตขึ้นไปอยู่หอพักถูกเพื่อน ๆ บอกว่าเรื่องมาก เจ้าระเบียบ ภายหลังเพื่อน ๆ ทำตามได้หมดทุกคนค่ะ
  • การบังคับให้เด็กปฏิบัติตามสร้างความกดดันให้เด็กมากนะคะ
  • เมื่อไม่นานมานี้ผมไปเห็นครูที่โรงเรียนใกล้บ้านให้นักเรียนเดินเข้าแถวตอนเรียงหนึ่งเพื่อมารับการลงโทษโดยการตีคนละ 2 ที สอบถามได้ความว่าเพราะนักเรียนมาเข้าชั้นเรียนช้า
  • ผมถามคุณครูว่า"เรื่องเท่านี้ทำไมจึงต้องตีกันด้วย พูดกันไม่รู้เรื่องหรือ"
  • คุณครูบอกว่า"พูดนะไม่ได้ผลหร็อก ครูทุกคนพูด ผู้อำนวยการก็พูด  ในห้องเรียน ห้องประชุม และหน้าเสาธง มีการพูดอบรมเรื่องต่าง ๆที่อยากให้นักเรียนทำ แต่ไม่ค่อยได้ผล ต้องมีการลงโทษกำกับด้วย  พอโดนลงโทษไปทีสองทีก็จะดีขึ้น นาน ๆไปก็กลับเข้ารอยเดิมอีก ก็เอาไม้เรียวกระหนาบหนัก ๆอีกที ก็จะดีขึ้นอีก ทำอยู่อย่างนี้แหละจึงจะสามารถควบคุมพวกเขาได้  ถ้าไม่ตีบ้างมีหวังเป็นทะโมนกันหมด"
  • น่าจะได้คิดว่า..ไม่นานก็กลับเข้ารอยเดิมอีก
  • เด็กไม่ได้ฝึกมาจากบ้าน โรงเรียนมีหน้าที่ต้องใช้เวลานานหน่อยก็ตองอดทน
  • ผมมักหยิบเรื่อง"การลงโทษด้วยการตี"ไปคุยกับคุณครูคนอื่น ๆ ในกรรมและวาระต่าง ๆกัน ได้ความว่าคุณครูส่วนใหญ่มีความเห็นว่า การตีเป็นเรื่องได้ผล เป็นเรื่องจำเป็น คุณครูส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับมาตรการหักไม้เรียวของรัฐมนตรีฯสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล
  • ดิฉันก็ถูกต่อต้าน แต่ดิฉันไม่หวั่นไหวคะ
  • เคยทำให้เด็กหนีเรียนกลับมาเรียน เป็นคนดีของเพื่อนของครู
  • ภายหลังถูกตี...เด็กหนีไปเลยเรียนไม่จบหลักสูตรเสียโอกาส
  • ปัญหาของใครคะ  สังคมรับเละ
  • สิ่งที่ผมเห็นเป็นที่น่าสังเกตก็คือนักเรียนชั้นเล็ก ๆ เช่น อนุบาล ประถมต้น ครูแทบจะกำไม้เรียวไว้ติดมือตลอดเวลา
  • ผมบอกคุณครูว่า "ผมไม่สนับสนุนการฝึกให้นักเรียนมีวินัยด้วยการตี"และได้ชวนคุณครูสนทนาถึงผลร้ายต่าง ๆที่เกิดจากการใช้การตีเป็นเครื่องมือ
  • เป็นเรื่องน่าคิดนะคะ  โจทย์ใหญ่มาก
  • บันทึกต่อ ๆ ไปจะว่าด้วยผลของวินัยเชิงบวกที่เป็นรูปธรรมค่ะ
  • คุณครูกลับย้อนผมว่า"อาจารย์ไม่ได้สอนเด็ก ๆก็พูดได้ ลองมาสอนดูบ้างซี แล้วอาจารย์จะไม่เอาความคิดของ อีริค ฟรอมม์ มาคุยกับหนูหร็อก"
  • จิตวิญญาณอาจหยุดชงักชั่วคราวมั้งคะ
  • ผมจำเป็นต้องอึ้งกิมกี่ ใจหนึ่งผมเชื่อว่ามีวิธีสร้าง "วินัยเชิงบวก"ที่ได้ผล แต่คุณครูบอกว่า"เป็นไปไม่ได้ในประสบการณ์ของคุณครูภาคปฏิบัติ" ใจหนึ่งก็เห็นใจคุณครู แต่อีกใจหนึ่งก็แลเห็นผลร้ายที่มันเกิดขึ้นจากการใช้ไม้เรียว
  • ถ้าหากครูทุกคนได้สนใจอ่าน ความคิดของ อีริค ฟรอมม์ ก็น่าจะทบทวนตัวเองได้นะคะ
  • ผมเชื่อว่า การซื้อสิทธิ์ขายเสียง  การคอรัปชั่น การค้าและการเสพยาเสพติด และการยิงกันของนักศึกษาอุเทนฯกับประทุมวัน ฯลฯ เป็นต้น การใช้ไม้เรียวมีเอี่ยวอยู่ด้วยทุกเรื่อง
  • ใช่ค่ะ  เห็นด้วยกับอาจารย์จริง ๆ
  • ขอขอบพระคุณอาจารย์เป็นอย่างสูงค่ะ

สาวัสดีค่ะน้องหมวยสีตะวัน

  • มันเป็นเรื่องที่ควรนำมาใช้นานแล้วนะคะ
  • บางคนคิดว่าเป็นเรื่องใหม่
  • เด็กส่วนใหญ่มาจากพื้นฐานที่ขาดวินัยร้อยเปอร์เซ็นต์ค่ะ
  • แต่โรงเรียนมีความจำเป็นต้องขัดเกลา  ไม่มีโรงเรียนใดเลยหรือเด็กคนใดเลยที่จะไม่ทำผิด
  • นิดเดียวเอง..เมื่อเรารู้สาเหตุก็แก้ได้ค่ะ และครูต้องให้เกียรติและยอมรับเด็กด้วย
  • ขอขอบคุณน้องหมวยที่มาแลกเปลี่ยนค่ะ

สวัสดีค่ะ...พี่ครูคิม...

แวะมาเยี่ยมค่ะ...เคยโดนครูตีตอนเด็ก ๆ ค่ะ...และยังจำอยู่เลยค่ะ...

แต่ไม่ทราบว่าเด็กรุ่นใหม่เคยโดนไม้เรียวกันบ้างหรือเปล่า ?....

 

สวัสดีค่ะน้องครูแมวมนัสนันท์

  • หักไม้เรียวทิ้งได้แล้วค่ะ
  • เสียบุคลิกภาพของครูหมดเลยนะคะ
  • รออ่านเรื่องต่อไปนะคะเดชกี่ยวกับวินัยเชิงบวก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

สวัสดีค่ะน้องtamtam1

  • ขอขอบคุณค่ะที่มาส่งกำลังใจ
  • ยอมรับได้ไหมคะ  วินัยเชิงบวก
  • สนใจหนังสือก็บอกได้นะคะ จัดส่งให้ได้ค่ะ

สวัสดีค่ะน้องอ๋อยแอมแปร์~natadee

+ อิ อิ...มาบอกว่าอ๋อยคนหนึ่งแหละค่ะที่ใช้ไม้เรียวบ้าง...เมื่อเด็ก ๆ ไม่ทำตามกติกาที่ตกลงร่วมกัน...และหนึ่งในข้อเสนอที่หนักสุด โดยการตกลงร่วมกันของนักเรียน คือ  การตี

+ แต่ทุกครั้งของการตี...อ๋อยไม่เคยตีก่อนการทำความเข้าใจ...และให้ผู้ถูกลงโทษยอมรับว่าตนเองสมควรโดนตี...

  • ครูมีอานุภาพเหนือกว่าอย่างไรเด็กต้องยอมจำนนค่ะ
  • เห็นถือไม้เรียว..แม้ไม่กลัวก็เป็นการข่มขู่ในความรู้สึก

+ ข้อเสียของอ๋อย  คือ การตีที่เจ็บ...แบบจำ...ไปนานค่ะ...

+ โดยปกติ...เมื่อเด็กก่อปัญหา...อ๋อยมักเรียกไปพูดคุย...โดยลำพัง...จะไม่วิจารณ์เด็กต่อหน้าเด็กคนอื่น ๆ ...เด็กบางคนก็ยังทำผิดซ้ำ ๆ ...เชิญผู้ปกครองมาพบเพื่อหาทางแก้ปัญหาด้วยกัน...ก็ยังทำผิดแบบเดิม...สุดท้ายก็จบลงที่การตี...

  • ถามว่าเสียใจไหมคะ 
  • เสียใจนะคะในความรู้สึกลึก ๆ ถ้าเขาตีลูกเราบ้างละเราจะรู้สึกอย่างไร

+ เวลาตีเด็กนักเรียนทีไร...กลับมาหลับฝันร้ายทุกที...ไม่ยักกะเหมือนเวลาตีแอมแปร์เลยค่ะ...

  • ลูกก็ไม่ควรตีค่ะ
  • รอรับหนังสือของหนูดีนะคะ

+ บางทีก็ปลอบใจตนเองว่า "รักวัวให้ผูกรักลูกให้ตี" ค่ะ...

  • มันคนละสมัย คนละบริบทกันค่ะ
  • รอติดตามเรื่องเล่าของพี่คิมนะคะ

+ ตอนสอนที่ปัตตานี...นาน ๆ จะตีเด็กสักที...ใครโดนอ๋อยตี...เด็ก ๆ จะโจษขานไปนาน...เพราะความผิดนั้นเกินอภัย...และไม่ใช่ความผิดครั้งแรก...แต่พอมาอยู่ที่ควนเสม็ด...รู้สึกว่าจะตีเด็กถี่ขึ้นค่ะ...และสุขภาพจิตก็แย่ตามไป...บางครั้งเหมือนอยากย้ายกลับไปอยู่ที่เดิมค่ะ...เด็กกึ่งบ้านกึ่งเมืองนี่...สุด ๆ เลยค่ะพี่คิม...

  • ตั้งสติให้ดีนะคะ  อดทนใช้ความรัก ความเมตตาสักหน่อย
  • ไม่นานเกินกว่าที่จะรอไม่ได้
  • แล้วผลของมันจะหวานชื่นค่ะน้อง
  • เราเปลี่ยนอาชีพกันไม่ได้แล้วสนะคะ
  • นอกจากจะลาออกมาเป็นราษฏรเต็มขั้น

+ อ๋อย...คิด...คิด...และคิด...ว่าครุบ้านนอกอย่างอ๋อย...คงเหมาะกับเด็กบ้านอกอันไกลโพ้นมากกว่าค่ะ

  • อย่าลงโทษตัวเอง
  • พี่คิมเป็นครูบ้านนอกไกลยิ่งกว่าน้องอ๋อยหลายเท่า
  • เป็นกำลังใจให้ค่ะ
  • โหลดหนังสือที่นี่นะคะ เป็นคู่มืออย่างดีเยี่ยมค่ะ
  • รักและคิดถึงเช่นกัน

http://www.noviolenceinschools.net/books/download/handbook_teacher1.pdf

สวัสดีค่ะน้องบุษยมาศ

  • ขอขอบคุณที่มาเยี่ยมค่ะ
  • การลงโทษด้วยไม้เรียว ก็ยังมีอยู่เหมือนเดิมค่ะ
  • ปรากฏทางสื่อก็ออกบ่อยนะคะ
  • คนที่ไม่ลดละเพราะไม่เคยทดลอง  ก็ไม่เชื่อ
  • แต่พี่คิมเชื่อค่ะว่า..วินัยเชืงบวดเผ็ผลดีต่อการสร้างวินัย
  • รออ่านเรื่องเล่านะคะ

สวัสดีค่ะ

  • ยังเป็นครูสมัยเก่าค่ะ
  • ไม้เรียว  ติดมือบ้าง  ไว้..ปราม..เด็ก
  • สอนวิทยาศาสตร์  นักเรียนสนุกค่ะ 
  • ได้ตีน้อยมาก  ส่วนใหญ่ไว้..เงื้อ..อิๆๆ..เดี๋ยวตีแน่ๆๆ
  • แต่กับลูกยังใช้สุภาษิต "รักวัวให้ผูก  รักลูกให้ตีค่ะ "
  • เรื่องนี้พิสูจน์ได้จนปัจจุบัน  ลูกอายุ 26 ,21 ปี  ยังกลัวแม่ตีเลย
  • แต่ลูกไม่ดื้อ  ไม่เกเร  ซนบ้างตามวัย  แต่ตั้งใจเรียน
  • ยังดีใจที่เลี้ยงลูกคนเดียวแต่ลูกไม่ออกนอกลู่นอกทางค่ะ
  • ขอบคุณค่ะ ที่มีบันทึกดีๆไว้ให้อ่านแลกเปลี่ยนเรียนรู้ค่ะ

เด็กๆของพี่คิมน่ารักน่าตีนะคะ

9941

อยากฝากลูกมาเรียนกับพี่คิมด้วยซักคน

สวัสดีค่ะน้องดาวเรือง

  • ขอขอบคุณที่มาติดตามอ่านค่ะ
  • พี่คิมก็เป็นครูสมัยเก่ากว่าน้องนะคะ  อายุแก่กว่าไงคะ
  • ดีใจและภาคภูมิใจที่ลูก ๆ น่ารักและไม่ทำปัญหานะคะ
  • เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง
  • ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ

สวัสดีค่ะน้องนาง...มณีวรรณ ตั้งขจรศักดิ์

  • แบบนี้จะตีได้ลงคอหรือคะ
  • หน้าตายิ้มแย้ม  แต่ในหัวใจของเด็กไม่ทราบว่าเขาจะได้ยิ้มอย่างเป็นสุขไหมคะ
  • นัคนได้ว่ามีครอบครัวอยู่พร้อมหน้าพ่อแม่
  • ขอขอบคุณที่มาแลกเปลี่ยนค่ะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท