ความสุขของผู้ให้


เด็กผู้หญิงคนหนึ่งอายุประมาณ 2 ขวบ ฉันพยายามคิดว่าเคยรู้จักผู้หญิงคนนี้ที่ไหนและชื่ออะไร เพราะถ้าบอกว่าจำไม่ได้ก็กลัวเขาจะรู้สึกอายที่ทักคนผิด หรือฉันก็จะอายเสียเองที่จำไม่ได้ฉันยิ้มและบอกว่า มาซื้อของค่ะ ขณะที่ฉันก็พยายามคิดอยู่นั้น ผู้หญิงคนนั้นก็บอกลูกสาวเขาว่าไหว้น้าหมอซิลูก นี่แหละคนที่ทำคลอดลูก

ความสุขของผู้ให้

 

เมื่อพูดถึงห้องคลอด  บางคนก็จะคิดถึงห้องที่เต็มไปด้วยเสียงร้องครวญคราง ด้วยความเจ็บปวดของมารดาที่นอนรอคลอด  กลิ่นน้ำคร่ำและเหม็นคาวเลือด  หรือบางคนก็จะคิดถึงความน่ากลัวของการคลอด  หรือความเสี่ยงที่จะโดนฟ้องร้องจากความคาดหวังของคนไข้และญาติเมื่อมาคลอดว่าลูกจะต้องเกิดรอดและแม่จะต้องปลอดภัย  ซึ่งเหตุผลข้อนี้เองที่ทำให้ฉันก็นึกหวั่น ๆ เมื่อต้องปฏิบัติงานอยู่ในแผนกห้องคลอดและก็เป็นต้นเหตุผลที่ทำให้พยาบาลอีกหลายคนก็ไม่อยากจะมาปฏิบัติงานอยู่ในห้องคลอด  ที่เติมไปด้วยความเสี่ยงที่จะต้องกลายเป็นเจ้าที่  ทั้งที่ไม่อยากเป็นเลย  แจ้งที่ก็คือต้องขึ้นศาลค่ะ 

          ฉันปฏิบัติงานอยู่ในห้องคลอดมา 8  ปี แล้วแต่ก็มีเหตุการณ์หลายอย่างที่ทำให้รู้สึกประทับใจ และรักที่จะปฏิบัติงานอยู่ในห้องคลอด

          ย้อนไปเมื่อ  5 ปี ที่ผ่านมาจากประสบการณ์การการทำคลอด  ก็เพิ่มความชำนาญเกี่ยวกับทักษะการประเมินและการทำคลอดให้ฉัน  จนฉันคิดว่าการทำคลอดก็แค่ดึงเด็กออกมาแล้วตัดสายสะดือ  ให้ลูกเกิดรอดแม่ปลอดภัย แต่จริง ๆ แล้วมันมีอะไรมากกว่านั้นสำหรับคนไข้และญาติและมันเป็นความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่รอยยิ้มปนคราบน้ำตา  เสียงโห่ร้องอย่างดีใจ  เมื่อฉันออกมาที่หน้าประตูว่า  คนไข้คลอดแล้วนะค่ะเด็กเป็นเด็กผู้หญิงหรือผู้ชาย  ฉันก็พลอยดีใจไปกับเขาด้วย  วันหนึ่งฉันเดินไปในตลาด โดยที่ฉันก็ไม่ได้สนใจใครเลย  พลับก็มีเสียงทักทายว่า มาซื้ออะไรค่ะฉันหันไปมองเห็นไปมองเห็นผู้หญิงคนหนึ่งยิ้มแย้ม กับฉันอยู่ข้าง ๆ ก็มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งอายุประมาณ 2 ขวบ  ฉันพยายามคิดว่าเคยรู้จักผู้หญิงคนนี้ที่ไหนและชื่ออะไร  เพราะถ้าบอกว่าจำไม่ได้ก็กลัวเขาจะรู้สึกอายที่ทักคนผิด  หรือฉันก็จะอายเสียเองที่จำไม่ได้ฉันยิ้มและบอกว่า  มาซื้อของค่ะ  ขณะที่ฉันก็พยายามคิดอยู่นั้น  ผู้หญิงคนนั้นก็บอกลูกสาวเขาว่าไหว้น้าหมอซิลูก  นี่แหละคนที่ทำคลอดลูก  เด็กผู้หญิงคนนั้นยกมือไหว้ฉัน  ตอนนี้เองฉันก็ถึงบางอ้อ  ที่แท้ก็คือ  คนไข้ที่ฉันทำคลอดนั้นเองผู้หญิงคนนั้นก็บอกกับลูกสาวต่อว่า  โตขึ้นอยากเป็น หมอมั้ย !  ลูกเป็นเหมือนน้าหมอไง เด็กผู้หญิงคนนั้นก็ตอบตามประสาเด็กว่าเป็นหมอ  ฉันยิ้มให้และบอกว่าเป็นเด็กดีตั้งใจเรียนหนังสือนะจะได้เป็นหมอ  ขณะที่ฉันเดินออกมาจากผู้หญิงคนนั้นกับลูกสาว  ฉันก็คิดว่าเวลาผ่านมาตั้ง 2 ปีแล้วฉันก็จำไม่ได้หรอกว่า  ทำคลอดใครไปบ้างแล้วตอนนั้นฉันได้ดูแลเขาดีหรือเปล่านะแต่เขาจำฉันได้  เขาคงจะจำสิ่งที่ฉันทำกับเขาได้  เหตุการณ์ในวันนั้น  ทำให้ฉันคิดทบทวนและคิดว่าฉันทำคลอดตัดสายสะดือเป็นเหมือนงานประจำ โดยไม่ได้ใสใจลงไปด้วย แต่สำหรับคนไข้  พยาบาลทำคลอดคือ  ฮีโร่ที่ช่วยเขา  เขาจำสิ่งที่เราทำกับเขาได้  ไม่วาจะเป็นคำพูดหรือการกระทำไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี  หลังจากวันนั้น  ฉันก็ใส่ใจคนไข้และการทำคลอดมากขึ้น  เพื่อให้เขามีประสบการณ์เกี่ยวกับการคลอดและความรู้สึกที่ดีกับคนที่เขาพูดว่า   พยาบาลคนนี้แหละที่ทำคลอดฉัน

          อีกเหตุการณ์หนึ่ง  ก็เป็นเหตุการณ์ที่ฉันก็รู้สึกดีเช่นกัน  เมื่อฉันต้องมาอยู่เวรบ่าย  ขณะนั้นมีคนไข้รอคลอดอยู่  3  คน  ฉันดูแลคนไข้อยู่จน  22 ทุ่ม  ก็เกิดปัญหากับคนไข้เตียง 2 ซึ่งคนไข้ตั้งครรภ์ที่  2  ปากมดลูกเปิด  4  ซม. 80%  - 1 IM ถุงน้ำแตกพบว่าน้ำคร่ำมีลักษณะเป็นสีเขียวข้นหรือเราเรียกว่า  Thick meconium  เสียงหัวใจเด็กไม่สม่ำเสมออยู่ในช่วง 108-126 ครั้ง/นาทีฉันให้มารดานอนตะแคงซ้าย ให้ดม ออกซิเจน ติด NSO และรายงานแพทย์ทราบแพทย์ก็รีบมาดูอาการ  และตัดสินใจส่งตัวผู้ป่วย ไปรักษาต่อที่ รพศ. ในตัวจังหวัด  แพทย์ได้อธิบายให้ญาติทราบซึ่งก็เป็นสามีคนไข้  ฉันเตรียมส่งคนไข้และบอกญาติว่าจะต้องไปกับคนไข้ ซึ่งไปกับรถ รพ.และมีพยาบาลไปด้วย สามีคนไข้บอกฉันว่าเข่าไม่สามารถไปได้ เขาไม่มีเงินเลยและต้องดูแลลูกสาวอายุ  3 ขวบ  ฉันอธิบายถึงความจำเป็นที่ญาติจะต้องไปด้วย  และคนไข้ต้องรีบส่งตัวไปรักษาต่อโดยด่วนสามีคนไข้  ยืนยันว่ายังไงเขาก็ไม่ไป  เขาบอกว่าถ้าไปเขากับลูกจะกินอะไร  เขาบอกกับฉันว่าขอตามไปพรุ่งนี้  ขอไปยืมเงินจากญาติที่อยู่ต่าง ๆ อำเภอก่อน ฉันมองสามีคนไข้กับลูกสาวแล้วคิดว่าจะทำยังไงดีขณะนั้นพยาบาล  Refer ก็มาถึงและอีกไม่นานพนักงานเปลก็มารับคนไข้ สามีคนไข้ก็จูงมือลูก   สาวเดินออกนอกประตูไป  ฉันเดินไปส่ง คนไข้ที่รถ  Refer เมื่อไม่เห็นญาติตามมาฉันบอกให้คนขับรถรอญาติอีกสักครู่  ฉันวิ่งไปหาญาติคนไข้  พลันสายตาฉันก็เห็นสามีคนไข้กำลังอุ้มลูกสาวขึ้นรถมอเตอร์ไซด์ กำลังจะสตาร์ทเครื่อง ฉันตะโกนเรียกและวิ่งไปหา เมื่อไปถึง เขาก็บอกกับฉันว่า  ยังไงผมก็ไปไม่ได้หรอก

          ลูกผมต้อกินข้าวกินนม  ฉันจึงเอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อกาวน์แล้วหยิบเงินมา 200 บาท  ส่งให้สามีคนไข้และบอกว่าเอาเงินนี้ไปใช้ก่อนซื้อข้าว+นมให้ลูกกินแล้วส่วนที่เหลือเอาไว้จ่ายค่ารถโดยสารกลับมาจะได้ไปหาญาติได้  สามีคนไข้ทำท่าลังเลอยู่สักครู่  ฉับรีบบอกว่ารับไว้เถอะค่ะแล้วรีบไปขึ้นรถเถอะคนไข้รออยู่  ก่อนจะรับเงินสามีคนไข้บอกว่าขอบคุณมากครับ  แล้วผมจะรีบนำเงินมาคืนฉันบอกว่าไม่เป็นไรค่ะ  สามีคนไข้รีบลงจากรถแล้วรีบวิ่งไปขึ้นรถส่งคนไข้

          จากนั้นผ่านไป 1 อาทิตย์ สามีคนไข้มาหาฉันที่ รพ. พร้อมนำเงิน  200 บาท มาคืนให้ฉันซึ่งฉันก็บอกว่าไม่เป็นไรค่ะ ฉันให้ลูกคุณละกัน  ฉันถามถึงลูกคนที่ 2 ที่ไปคลอด  รพ.ในตัวจังหวัดสามีคนไข้  บอกว่าไปถึงที่โน่นหมอให้รอคลอดเอง แต่เด็กออกมาไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่ต้องให้ออกซิเจน  นอน รพ .3 วัน  ตอนนี้แข็งแรงดีครับ  ก่อนจะกลับเค้ายกมือไหว้ขอบคุณฉันอีกครั้ง 

          ฉันยกมือไหว้ตอบยิ้มให้และบอกว่าไม่เป็นค่ะ การให้ในครั้งนั้นทำให้ฉันรู้สึกดีและมีความสุขทุกครั้งที่คิดถึงเหตุการณ์ในวันนั้น  ดั่งพุทธสุภาษิตที่ว่า ................................พึงชนะความตระหนี่ด้วยการให้  หรือยิ่งให้ยิ่งมี  ยิ่งขอยิ่งขาด

หมายเลขบันทึก: 331079เขียนเมื่อ 26 มกราคม 2010 08:15 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน 2012 02:52 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

อ่านแล้วรู้สึกซึ้งและอึ้งมาก

.... ให้ถ้าให้ได้...... ทำด้วยใจ...... แล้วเราจะได้ใจ.......

สิ่งนั้นอาจเป็นสิ่งเล็กน้อยสำหรับเรา แต่สำหรับบางคนมันยิ่งใหญ่มาก ..........

เป็นกำลังใจให้กับคนทำงาน สู้ๆๆๆๆ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท