ปัญหาที่ต้องเจอเมื่อเกิดเป็นลูก ในยุคอุตสาหกรรมเกษตร


ถ้าเป็นคุณ คุณจะตัดสินเลือกใคร

เกิดคดีเล็กๆในบ้านที่กำลังจะบานปลายเป็นปัญหาใหญ่ เมื่อครอบครัวเกษตรกรไทยต้องเข้าไปเป็นแรงงาน ทำงานในเมืองใหญ่ พอมีลูกก็ต้องเอากลับไปฝากพ่อแม่เลี้ยง เดือดร้อนถึงคนเป็นครู ที่ตอนแรกถูกวางตัวให้เป็นที่ปรึกษาแต่ไปๆมาๆถูกหาว่ายุ่งไม่เข้าเรื่อง ซะงั้น ถ้าเป็นคุณ คุณจะตัดสินยังไง

สถานการณ์คือ วันหยุดสุดท้ายของเทศกาลปีใหม่ พ่อและแม่เอาลูกคนโตอายุ 4 ขวบมาฝากปู่ย่า เพราะตอนนี้แม่ก็คลอดน้องคนเล็กอีกคนอายุ 4 เดือน พ่อลูกอ่อนวางแผนจะไปฝากปู่ย่าเหมือนเดิม แต่แม่ไม่ยอมอยากจะเอาไปฝากตายายเลี้ยงมั่ง จะได้ยุติธรรมดี เลี้ยงหลานฝั่งละ 1 คน ระหว่างที่ครอบครัวยังตกลงใจไม่ได้ เจ้าหลานชายคนโตดันแผลงฤทธิ์ นอนร้องไห้ดิ้นพล่านๆแล้วหนีออกจากบ้านตอนอายุ 4 ขวบครึ่ง จนปู่ไปตามกลับมา เจ้าหนูสารภาพพร้อมอ้อนว่า "ก็หนูอยากไปอยู่กรุงเทพกับพ่อแม่" พอสิ้นคำสารภาพเท่านั้นเอง ทุกคนก็รุมดุเด็กว่าพูดไม่รู้เรื่อง ถึงตอนนี้ ทุกคนก็ยืนยันความคิดของตนเอง

ก.หลานคนโตบอกว่า หนูจะไปอยู่กับพ่อแม่ที่กรุงเทพฯ(เพราะตอนนี้อิจฉาน้องหน่อยๆแล้ว)

ข.ปู่ว่า อุตส่าห์เลี้ยงลูกมันมา มันไม่รักไม่เห็นใจข้าสักนิด จะอยู่เป็นเพื่อนกันหน่อยก็ไม่ได้(น้อยใจทุกคนเลย)

ค.ย่า ขี้เกียจรบกับหลาน ซนจะแย่ จะเอาไม่อยู่แล้ว ปู่มันก็ไม่ค่อยช่วย ดีแต่พูด

ง.พ่อ ลูกทำไมดื้ออย่างงี้ พ่อต้องทำงาน นี่หนูอยู่กับปู่ย่าก็ดีกว่าไปอยู่กับตายาย บ้านตานะจนก็จน อยู่ก็ไกลกรุงเทพ

จ.แม่ แม่ก็ต้องทำงาน จะเอาไปจ้างเลี้ยงก็ไม่ไหว ค่าฝากแพงแถมไว้ใจไม่ได้ ไปอยู่กับตายายดีกว่า ดูแลเอาใจใส่ดีกว่าปู่ย่า เห็นไหม ก็เลี้ยงแม่มาจนโตใหญ่อย่างทุกวันนี้

พอครูตัดสินบอกว่า ให้ทุกคนฟังเด็ก มองหัวใจของเด็ก เด็กเขาคิดถูกต้องแล้ว เด็กย่อมต้องรักและผูกพันต่อพ่อแม่ตามสายเลือด หน่อเนื้อเชื้อไขของตัว วัยนี้ยิ่งเป็นวัยที่ต้องการความรักความเอาใจใส่ เขาก็โตพอที่จะเข้าโรงเรียน กลางวันก็ส่งไปโรงเรียน กลับมาเย็นได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่ลูก ร่วมสุขร่วมทุกข์กันไปทั้งครอบครัว ลูกของเรา เราก็ต้องเลี้ยงให้เขาได้ดีจนได้ ทำให้สมกับที่ได้มีโอกาสเป็นพ่อเป็นแม่ ส่วนปู่ย่าตายายก็คอยเป็นทัพหนุน เป็นพี่เลี้ยงของพ่อแม่ คอยให้คำปรึกษาให้เขาได้มีโอกาสทำหน้าที่พ่อแม่ที่ดีบ้าง ไม่ใช่จะยึดหลานไว้เป็นสิ่งของคลายเหงาหรือเลี้ยงหลานแบบตามใจทุกสิ่งอย่าง ซื้อหาวัตถุให้ไม่อั้น นั่นก็ไม่นับว่าเป็นวิธีการที่ดีในการเลี้ยงเด็ก

แล้วคุณล่ะ จะตัดสินเลือกใคร แต่สำหรับเฉลยในชีวิตจริง ครูมีโอกาสได้พูดแค่ 2 ประโยคเท่านั้นล่ะค่ะ ว่าให้ทุกคนหยุด ครูเห็นด้วยกับเด็กเขา และยังไม่ทันได้อธิบายเหตุผล เขาก็เชิญให้กลับไปบ้านตัวเองแทบไม่ทัน ไอ้หย่า งั้นเชิญครูให้มาเป็นหมาทำไม โฮ่ง โฮ่ง

หมายเลขบันทึก: 333164เขียนเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2010 22:58 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน 2012 02:52 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

สวัสดีค่ะ

เมื่อวานนี้(วันจันทร์)มีเด็กอายุ 15 ปี มาขอเรียนภาษาอังกฤษ มีโอกาสได้พูดคุยกะเด็ก รายแรกแม่มีสามีใหม่เป็นชาวต่างชาติ เด็กอยู่กับตายายที่บ้านนอกเห็นลูกลำบากอยู่ในที่ทุรกันดารจึงไปเช่าบ้านให้อยู่ในเมืองกับพี่สาว 2 คน สรุปเรียนไม่จบทั้งพี่ทั้งน้อง ส่วนแม่ต้องอยู่กับสามีชาวต่างชาติที่ไทย 6 เดือน ที่เยอรมัน 6 เดือน แล้วไม่มีญาติผู้ใหญ่ดูแลเลย

รายที่สองแม่มีลูกสาว 3 คน 15,12,9 ปี ตามลำดับ แม่มีสามีใหม่เป็นชายไทย ซึ่งชอบดื่มเหล้าเมา แม่ต้องทำงานตลอดเวลาเพราะเลี้ยงลูก 3 คน คนโตตอนนี้เรียนจบแค่ ป.6 แม่ไม่มีเงินส่ง ส่วนอีก 2 คนแม่บอกว่าคงต้องเรียนจบแค่ป.6 เพราะแม่ไม่สามารถส่งเสียให้เรียนได้ เด็กผู้หญิง 3 คนกับพ่อเลี้ยงขี้เมา ไม่อยากนึกภาพ

ก้อเลยเสนอทางเลือกให้เขาไปอยู่ที่บ้านเด็กและเยาวชนที่ดินแดง ซึ่งรายที่สองเต็มใจไปเพราะอยากเรียนหนังสือ ส่วนรายแรกยังไม่ตัดสินใจค่ะ เราเสนอทางเลือกให้เขาได้ แต่แม่และเด็กต้องตัดสินใจเลือกที่จะอยู่หรือจะไป

ให้กำลังใจสำหรับคนทำงานนะคะ

ขอบคุณค่ะ

 

ขอบคุณค่ะสำหรับกำลังใจ แต่บางครั้งครูต้องกำหนดตัวเองว่าให้เฝ้าดูต่อไปเท่านั้น เพราะไม่มีใครฟังเสียงของเด็กเลย ทั้งที่ครูพยายามช่วยตะโกนบอกคำตอบที่อยู่ในใจของเด็กว่า สิ่งของ เงินทองหรือคนๆไหนก็ไม่สามารถมาทดแทนเวลาและความรักที่เขาจะได้จากพ่อแม่ของเขาไปไม่ได้เลย

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท