มองดูนาฬิกา... ตอนนี้เวลาก็ 20.53 น. อิ่มมากกกกกก
เพราะพึ่งกินโจ๊กหมดตะกี้เอง (ข้าวเย็นของผม)
ก็ได้เวลาที่จะมานั่งเขียนบันทึกบอกเล่าเรื่องราวที่น่าสนใจ
ให้ชาว G2K อ่านกัน อาจจะไร้สาระบ้าง มีสาระบ้าง ก็แล้วแต่วันไปครับ (แฮะๆ)
เรื่องราวในวันนี้ผมได้แรงบันดาลใจมากจากบทความของ "น้องชาม"
น้องชาม ทำ AI เกี่ยวกับเรื่อง "ไหมพรหม" ครับ >>> สนใจคลิกอ่านได้ที่นี้ครับ <<<
เมื่อหลายวันก่อน น้องชามได้เขียนบันทึกบอกเล่าเรื่องราวของ"หมู่บ้านไหมพรหม"และ"การถักไหมพรหมให้ต้นไม้"ครับ
พออ่านจบปุ๊บ ผมเลยเกิด Idea ขึ้นมาว่า "ทำไมประเทศไทย ถึงไม่มีกับเขาบ้าง ???"
ในเมื่อประเทศไทยก็ไม่เป็น 2 รองใครในเรื่องงานฝีมือ เย็บปักถักร้อยอะไรพวกนี้อยู่แล้ว และในความคิดผม
คนไทยน่าจะทำได้ดีกว่าด้วยซ้ำ... บันทึกนี้จึงต่างออกไปจากทุกวันครับ... เพราะผมอยากที่จะ"ขอปลุกกระแส"เรื่องนี้สักหน่อย
เริ่มกันที่"การขอด้วยสถานที่"ก่อนครับ ทำให้สวนสาธารณะ/สวนหย่อม กลายเป็นสวนไหมพรหมสำหรับนักท่องเที่ยว มาเยี่ยมชม
พักผ่อน และถ่ายรูป ต้นแบบของเรื่องนี้เกิดขึ้นที่ เมืองเยลโลว์ สปริงส์ ในรัฐโอไอโอ สหรัฐอเมริกา จากงานศิลปะของคนกลุ่มหนึ่ง
กลายมาเป็นเอกลักษณ์ประจำเมือง ที่ผู้คนชื่นชอบ แล้วถ้าเมืองไทยมีแบบนี้บ้างละ ??? คุณคิดว่ามันจะเป็นยังไง
ต้นไม้ในสวนสาธารณะสักแห่ง (สมมุติว่าสวนหย่อมกลางเมืองโคราชบ้านผมละกัน) ถูกปกคลุมไปด้วยไหมพรหมลวดลายแบบไทยๆ
ทั่วทั้งบริเวณ จากสวนหย่อมธรรมดาๆก็จะกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าไปเยี่ยมชมอีกแห่งหนึ่งได้ในพริบตา
ผมคนหนึ่งละครับ ที่จะขอไปเยี่ยมชมดูสักครั้ง ขอถ่ายรูปกลับมาสักหน่อย คนไทยยังอยากไป ชาวต่างชาติคงไม่ต้องพูดถึงครับ
ยิ่งฝีมือการถักทอของไทยนั้นขึ้นชื่อระดับแนวหน้าของโลกอยู่แล้ว สวนแห่งนั้นคงกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สุดยอดมากแน่ๆ
เมื่อมีสถานที่ท่องเที่ยวเกี่ยวกับไหมพรหมแล้ว... สิ่งที่นักท่องเที่ยวจะต้องถือติดไม้ติดมือกลับไปเสมอเมื่อมาเยี่ยมชม
คงหนีไม่พ้นของฝาก ("การขอด้วยสิ้นค้า")... ซึ่งผมของนำเสนอนี้เลยครับ "เมืองไหมพรหมจำลอง" ทำให้เป็นแบบไทยๆสักนิด
และผลักดันสินค้าตัวนี้ให้กลายเป็นสินค้า OTOP 5 ดาว ของฝากประจำสวนไหมพรหม และจังหวัด ผมเชื่อเหลือเกินครับว่า
สินค้าตัวนี้สามารถดึงดูดเม็ดเงินของชาวต่างชาติได้ง่ายมากๆ เพราะพวกเขาชอบสินค้า HandMade เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
และยิ่งมาเจอความประณีตสวยงามแบบไทยๆเข้าไปอีก ยิ่งจะเพิ่มมูลค้าให้กับสินค้าตัวนี้ สร้างรายได้ให้กับคนในท้องถิ่น
ทั้งยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ และสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียวละครับ ^^
เป็นยังไงบ้างละครับ... กับ Idea ของผม จะเรียกว่า"การขอด้วย 2P"(Place+Product)ก็คงจะไม่ผิดอะไร
ผมเชื่อเหลือเกินครับว่า สิ่งนี้ไม่เกินความสามารถของคนไทยแน่นอน ขอแค่รัฐบาลหรือผู้ว่าราชการจังหวัดที่ไหนสักแห่ง
ให้การสนับสนุนและผลักดันอย่างจริงจัง... อาจจะตั้งเป็นสมาคม หรือชมรม หรือกลุ่มแม่บ้านอะไรก็ว่ากันไปครับ
สวนไหมพรหมในฝันของผม ก็จะกลายเป็นจริงขึ้นมาได้ครับ และมันจะกลายเป็น สถานที่ท่องเที่ยวที่สร้างรายได้
และชื่อเสียงให้กับประเทศของเราไม่น้อยเลยทีเดียว Blog "จิตวิทยาการขอ"... "ขอปลุกกระแสนิดส์นึง"ครับ ^^
แล้วคุณละคิดยังไง ^^
จอง......แล้วไปนอนพรุ่งนี้งานเช้า บ่ายค่อยอ่าน อิ.อิ.
มาทักทาย และชวนไปชมดอกไม้ที่น่ารักของฉัน ที่นี่
ขอบคุณที่แวะเข่้ามาครับ ^^
@ท่านทนาย >>> มีจองด้วย 555+ ขอบคุณครับ พรุ่งนี้ก็ทำงานราบรื่นครับท่าน ^^
@ครูอ้อย >>> สวัสดีครับครูอ้อย... แหมๆ ผมก็นึกว่าดอกไม้ที่ไหน ที่แท้ก็ดอกไม้ในใจครูอ้อยนี่เอง ขอบคุณที่ชวนเข้าไปชมนะครับ ^^
ขอบคุณทุกท่านทีแวะเข้ามานะครับ... แสดงความเห็นกันได้เต็มที่ว่ามันจะเป็นไปได้ไหม
และถ้ามันมีจริงๆท่านสนใจที่จะไปเยี่ยมชม หรือไปเที่ยวกันบ้างหรือเปล่า ขอบคุณมากครับ ^^
เดี่ยวพรุ่งนี้แวะมาอีกทีนะ วันนี้แก้ IS จนเบลอ
อ่านไปอ่านมา งงกว่าเดิม ฮ่าๆๆๆ
ขอบคุณที่แวะมานะหนิง ^^
เหอๆ มันเป็นประมาณว่า เอิร์ท อยากให้เมืองไทยมีแบบนี้บ้าง เลยลองเอามาปลุกกระแสดู
เพราะเรื่องถักทออะไรแบบนี้ ไทยเราถนัดนักแล ทำไมไม่เอาความชำนาญนี้ มาพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งเลยละ
อะไรประมาณนั้นอะจ๊ะ
ก็แชร์ความคิดกันได้เต็มที่เลยนะครับ ว่าเมืองไทยน่าจะมีแบบนี้ไหม มีข้อดีข้อเสียอย่างไร
แล้วถ้ามันเกิดขึ้นจริงๆท่านจะไปเที่ยว/เยี่ยมชม สวนไหมพรหมแห่งนี้ดูสักครั้งไหม
ขอบคุณมากครับ ^^
เป็นความคิดที่ดีคะคุณเอิร์ท ถ้าทำได้จริงประเทศไทยก็มีสถานที่ท่องเที่ยวเพิ่มอีก 1 แห่งเลยนะค่ะ
โห ขอบคุณนะคะพี่เอิร์ทที่นำเรื่องไปขยายต่อ
ถ้ามีคนสนับสนุนแล้วน่ะก็ ชามขอร่วมด้วยคนนะคะ
มาๆแป้งจังมาช่วยกัน
เป็นไอเดียที่ดีมากนะเอิร์ท
มันไม่จำเป็นต้องลอกเลียนใคร คืออาจจะเป็นหมู่บ้านผ้าไหม หรือหมู่บ้านผ้าหมี่ขิด(ซึ่งจิงๆก็มีอยู่แล้ว ใกล้อุดรเนี่ยแหละ)
แต่ที่มีอยู่นั้นมันเป็นเำพียงแค่หมู่บ้านหัตถกรรมไง ซึ่ง คนส่วนใหญ่จะไปซื้อผ้ากัน ฉะนั้น product ของเขาก็มีแค่ผ้าเท่านั้น
แต่เราเข้าใจนะว่าเอิร์ทต้องการให้มันเป็นแหล่งท่องเที่ยวไปเลย ... ใช่ป่ะ
หากเป็นสวนการลงทุนอาจจะไม่มาก แต่ความน่าสนใจมันก็อาจจะไม่มากตามไปด้วยนะ
ถ้าไม่ต้องเหมือนใครเลยล่ะ เราอาจจะสร้างเป็นเมืองที่ประดับประดาไปด้วยผ้าไหมที่มีลวดลายงดงาม
แอบขอเสนอนิดนึงนะ
สร้างเป็นบ้าน เป็นเมืองจำลองไปเล๊ยย... เอาเครื่องปันดินเผาไปผสมผสาน เพิ่มความสวยงาม เพราะเป็นหัตถกรรมที่โด่งดังของไทยอยู่แล้ว
อยู่อย่างฮาร์บินดิ(ที่เป็นเมืองหิมะอ่ะ) มีหลายๆประเทศที่เป็นเมืองหนาว หนาวกว่าก็มี แต่เค้าก็ไม่ได้ทำ
แต่เมืองเล็กๆอย่างฮาร์บิน(ประเทศจีน)ที่ไม่ค่อยจะน่าสนใจอะไรนัก ไม่น่าอยู่เลยในอดีต เพราะมันหนาวทั้งปี
ตอนนี้ได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว และเป็นที่สนใจของคนทั่วโลกเลย
สินค้าไม่ก็จะไม่ใช่แค่ผ้าไหมแล้วเน้อะ มันจะเป็นได้ทุกอย่างเลย ตั้งแต่สินค้าหัถตกรรม เครื่องปั้นดินเผาต่างๆ
หรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวข้อง หรือเป็นไทยๆ
---- ถ้ามีจิงๆ เราคนนึงแหละที่จะไปเที่ยว ชอบอยู่แล้วของสวยๆงามๆ อิอิ
....สวัสดีค่ะ...คุณเอิร์ท...
ปกติแล้วคนไทยก็ไม่ยากนักหรอกนะที่จะ ทำของลักษณะแบบนี้ มันอยู่ที่ว่าเขาจะริเริ่มกันอย่างจริงจังหรือปล่าวล่ะ มีเงินทุนมากแค่ไหน มีตลาดให้ลงไหมเพราะเดี๋ยวนี้เห็นแย่งกันจัง จนแม่ค้ามากกว่าลูกค้าเสียอีก
แต่ถ้าคนไทยคนไหน ริเริ่มทำสิขอแนะนำเลยนะ ให้ทำสถานที่สำคัญๆของไทยนะ รับรองดังทันที แต่กลัวว่าจะดังไม่นาน คนไทยลืมง่ายจะตาย( เห็นด้วยมั้ย )
ขอบคุณสำหรับความเห็นครับ
@แป้ง >>> ขอบคุณที่แวะมานะแป้ง... เอิร์ทว่าประเทศเราทำได้นะ เพียงแค่ต้องทำอย่างจิรงจังแค่นั้นเอง ^^
@น้องชาม >>> เป็นอะไรที่ บ้านเราน่าจะทำได้อะจ๊ะ ต้องขอบใจชามมากกว่าที่นเรื่องดีๆ มาทำให้พี่คิดอะไรใหม่ๆออก ^^
@หนิง >>> อะฮะ... ขอบใจหนิงมากมาย ความคิดเห็นสุดยอดเลยนะ ทำเป็น"เมืองแห่งงานฝีมือจำลอง"เนอะ เอาไหมพรหมเอาเครื่องปั้นดินเผา อะไรที่มันดูไทยๆมาทำให้เป็นเมืองท่องเที่ยวสักแห่ง เอิร์ทว่ามันจะดึงดูดนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะชาวต่างชาติได้ดีเลยละ ^^
@คุณสายลมที่หวังดี >>> ผมเห็นด้วยนะ... คนไทยลืมง่ายมากมาย แต่สถานที่ท่องเที่ยวแบบนี้ ผมว่าน่าจะสร้างความประทับใจให้ฝรั่งได้มากเลยทีเดียวละครับ เราต้องเน้นตรงจุดนี้มากกว่า และต้องสนับสนุนกันอย่างจริงจัง ดูแลให้มันสมบูรณ์อยู่ตลอดเวลา ผมว่าไม่แน่มันอาจจะกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆ ของโลกเลยก็ได้ ใครจะไปรู้ ^^
ขอบคุณทุกความคิดเห็นนะครับ เป็นประโยชน์อย่างมากเลย
แสดงความคิดเห็นกันได้เต็มที่เลยนะครับ ^^
ไอเดียบรรเจิดจริงๆค่ะ น่าจะลองเอามาใช้เป็นตัวดึงดูดนักท่องเที่ยวดูนะคะ ดูอย่าง ปาย สิ จากหมู่บ้านบนเขาไม่มีอะไรเลยจริงๆ
แต่ยัง boom ได้ขนาดนั้นเลยค่ะ ต้องสร้างกระแส
ขอบคุณสำหรับความเห็นครับคุณอร
ผมก็เห็นว่ามันเป็นโอกาสอันดีเบยละ ถ้าประเทศไทยทำได้แบบนั้น
มาลองช่วยกันจุดกระแสดูครับ ผมว่ามันน่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงมากมายเลยทีเดียว
ขอบคุณสำหรับความเห็นครับ
วันนี้ขออู้ 1 วันครับ พอดีต้องดูแลเพื่อนนิดนึง พรุ่งนี้จะกลับมาอัพบทความดีๆให้ทุกท่านอีกครับ ^^