ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ได้กำหนดรูปแบบของการจัดการศึกษาเป็น 3 รูปแบบ คือ การศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และ การศึกษาตามอัธยาศัย จากรูปแบบของการจัดการศึกษาทั้ง 3 รูปแบบดังกล่าว จะเห็นได้ว่าการจัดการศึกษาในยุคของการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศได้เปลี่ยนแปลงกระบวนการเรียนรู้และความต้องการในการศึกษาในอนาคต สื่อและอุปกรณ์การศึกษารูปแบบใหม่เข้ามาแทนที่สื่อแบบเก่า มีแหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ที่หลากหลาย ฉะนั้นการจัดการศึกษาไม่ว่าจะเป็นในระบบ นอกระบบและตามอัธยาศัย จะเชื่อมโยงและเข้าหากันมากขึ้น การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศจะช่วยให้การจัดการเรียนการสอนผสมผสานกันและเอื้อประโยชน์ในทุกกลุ่มเป้าหมาย การนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ให้สอดคล้องกับยุคปฏิรูปการศึกษาตามระบบการศึกษา จะส่งผล ดังนี้
1. ทำให้ผู้เรียนเกิดความรู้และความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ โดยฝึกการคิดวิเคราะห์อย่างมีเหตุผล เพื่อนำความรู้และองค์ความรู้ที่เกิดขึ้นไปใช้ในการพัฒนาตนเองและสังคมได้
2. มีแหล่งความรู้ที่หลากหลาย สำหรับการค้นคว้าหาความรู้ทุก ๆ ด้านที่ผู้เรียนต้องการและเหมาะสมกับผู้เรียน
3. การปรับกระบวนการเรียนเปลี่ยนวิธีสอน 4. ส่งเสริมการเรียนรู้ตามอัธยาศัย
การนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาช่วยพัฒนาการศึกษาตามแนวทางการปฏิรูปการศึกษาทั้งในระบบ นอกระบบและตามอัธยาศัย เชื่อว่าในอนาคตอันใกล้นี้การศึกษาจะไร้พรมแดน เทคโนโลยีดังกล่าว ยังช่วยให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ตลอดไป ถึงแม้จะไม่ได้เป็นนักเรียนของสถานศึกษาแล้ว ก็ยังสามารถศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมผ่านระบบอินเตอร์เน็ตได้อย่างไม่สิ้นสุด เป็นการศึกษาตลอดชีวิต เพราะความรู้ มีการพัฒนาไปอย่างไม่หยุดยั้ง เช่นเดียวกับคลื่นในทะเลที่ซัดเข้าหาฝั่งตลอดเวลา ไม่มีวันสิ้นสุด.
ไม่มีความเห็น