ความรู้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับองค์การ ความรู้เป็นทรัพยากร บุคลากรต้องการความรู้เพื่อเพิ่มความสามารถในการปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์และบริการ การจัดการความรู้ต้องประยุกต์ใช้ความรู้ที่ได้รับ (acquired) สร้างองค์ความรู้ (created) จัดเก็บความรู้ (storaged) และถ่ายโอนความรู้ (transfered) องค์การจะเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลนั้น กระบวนการในระบบย่อยด้านการเรียนรู้ต้องดำเนินไปอย่างมีปฎิสัมพันธ์กัน การกระจายข้อมูลสารสนเทศควรเกิดขึ้นหลายช่องทาง และมีกรอบของเวลาแตกต่างกัน รวมถึงข้อมูลสารสนเทศภายในองค์การควรได้รับการกลั่นกรอง การจัดการความรู้นั้น ต้องการทั้งวิธีที่เป็นเชิงรุก(proactive)และเชิงรับ (reactive) ขั้นตอน 4 ประการที่เป็นหัวใจของการเรียนรู้เชิงองค์การ ได้แก่
1. การแสวงหาความรู้ (knowledge acquisition) เป็นการรวบรวมความรู้จากภายนอก (external collection of knowledge) และรวบรวมความรู้จากภายในองค์การ (internal collection of knowledge)
2. การสร้างองค์ความรู้ (knowledge creation) การสร้างความรู้ ภายใต้หน่วยงานหรือคนในองค์การ หมายถึงทุกๆคนสามารถเป็นผู้สร้างองค์ความรู้ได้ ทำให้เกิดความรู้ใหม่และแบ่งปันไปทั่วทั้งองค์การ
3. การจัดเก็บข้อมูลและสืบความรู้ (knowledge store and retrieval) องค์การควรมีการจัดเก็บความรู้ ซึ่งความรู้ที่เก็บสะสมไว้ควรจะ มีโครงสร้างและมีการเก็บข้อมูลเป็นระบบที่สามารถหาและ
ส่งมอบได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว
4. การถ่ายโอนความรู้และการใช้ประโยชน์ (transfer and utilization) การถ่ายโอนและการใช้ประโยชน์จากความรู้มีความจำเป็นสำหรับองค์การแห่งการเรียนรู้ ความรู้ควรกระจายและถ่ายทอดไปอย่างรวดเร็วและเหมาะสมทั่วทั้งองค์การ การถ่ายโอนความรู้โดยตั้งใจ มีวิถีทางต่างๆ ได้แก่ การสื่อสารด้วยการเขียน การฝึกอบรม การประชุมภายใน การสรุปข่าวสาร สื่อสารภายในองค์การ การเยี่ยมชมงาน การหมุนเวียนงาน การเปลี่ยนงาน ระบบพี่เลี้ยง (mentoring) การถ่ายโอนความรู้โดยที่ไม่ได้ตั้งใจ มีความรู้ถูกถ่ายโอนไปโดยไม่ตั้งใจหรือไม่เอาใจใส่ อาจเป็นไปได้โดยการเรียนรู้อย่างไม่เป็นทางการ ที่เกิดขึ้นตามหน้าที่ที่ทำทุกวันโดยไม่มีแบบแผน เช่น การหมุนเวียนงาน เรื่องราวที่เล่าต่อกันมา คณะทำงานหรือเครือข่ายที่ไม่เป็นทางการ
ไม่มีความเห็น