โรงพยาบาลชุมพลบุรี
ท่ามกลางดินแดนกว้างใหญ่ไพศาลของทุ่งกุลา ดินแดนของชาวนาที่เป็นกระดูกสันหลังของชาติ ปลูกข้าวสารที่ได้รับการยกย่องว่า ข้าวสารที่นี่เป็นที่สุดแล้วของประเทศ
ผลพวงจากการทำนา และอาชีพเกษตรกร ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ มีโรคอันเกิดจากกล้ามเนื้อ ปวดหลัง ประกอบกับพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้องในการดูแลตัวเอง จึงทำให้มีผลต่อสภาวะสุขภาพ
ผู้นำและทีมงาน เข้าใจในปัญหาของ พ่อใหญ่ แม่ใหญ่ และประชาชน จึงตั้งปณิธานว่า อยากให้คนทุ่งกุลา มีคุณภาพชีวิตที่ดี ได้รับการดูแลที่ดี ไม่น้อยหน้ากว่าที่อื่นใด โดยจะไม่ลบล้าง ความเชื่อ หรือประเพณีวัฒนธรรมดั้งเดิมอันงดงาม และด้วยความระลึกถึงบุญคุณของคนที่ทำหน้าที่” ปลูกข้าว” ให้คนทั้งประเทศ
หน่วยงานการแพทย์ แผนไทย จึงได้พัฒนาขึ้นเพื่อให้ตรงกับความต้องการด้านนี้โดยเฉพาะ เจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลจึงได้รับการคัดเลือกให้ไปเรียนหลักสูตร อายุรเวช การแพทย์ แผนไทย อย่างถูกต้อง เพื่อมาทำหน้าที่ดูแล เป็นการตอบแทน
ห้องที่ดูอบอุ่น จากการออกแบบด้วยไม้สีอ่อน ประดับในบริเวณต่างๆด้วยดอกไม้พื้นบ้านเรียบง่าย แต่ดูงดงาม ผ้าปูที่นอนขาวสะอาด ปูลาดบนฟูก ตบแต่งตามด้วยผ้าทอในหมู่บ้าน ที่พ่อใหญ่ แม่ใหญ่ เคยภาคภูมิใจในฝีมือการทอในหมู่บ้าน
หลายครั้ง หลายคราว ที่พ่อใหญ่ แม่ใหญ่ ออกจะงุนงง ด้วยไม่เชื่อว่า ตนเองจะได้รับบริการขนาดนี้
“ พ่อ ไม่มีเงิน จะใช้บริการได้หรือ” พ่อใหญ่ถามด้วยใจที่ใสซื่อ
เครื่องยาสมุนไพรต่างๆ กลับกลายเป็นว่า พ่อใหญ่ แม่ใหญ่เหล่านั้น พากันรวบรวมจากสวน ไร่นา เอามาให้ ลูกหลานได้จัดทำในโรงพยาบาล อีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็น ต้นฝาง ตะไคร้ ไพล ลูกมะกรุด ดอกมะลิ ใบเตย
จึงเป็นการ สร้างค่านิยมในการปลุกพืชผักสมุนไพร ของพื้นบ้านอีกครั้ง วัฒนธรรม “ การให้” ที่เกือบจะเลือนหายไปในสังคม ยังคงเหนียวแน่นที่ทุ่งกุลาแห่งนี้
เป็นการตอบแทน และเยียวยา คนทุ่งกุลา อย่างงดงาม
สวัสดีค่ะ อาจารย์แม่ต้อย
เยี่ยมมากเลยค่ะ
ชื่นชมโรงพยาบาลชุมพลบุรีค่ะ ท่านผอ. คงยิ้มเเก้มปริเลยนะคะ
เเวะมายินดีด้วยคนค่ะ
wow!
ตามมาเชียร์ค่ะ
สวยงามจริงๆ
ชื่นใจค่ะ
ปล. คราวนี้แม่ต้อยมาเป็นชุดเลยนะคะ
ด้วยความระลึกถึงค่ะ
นำภาพมาฝากครับ