พออ่านแล้วนึกถึงกระบวนการ Socialization ของ KM ครับ
การคุยกันแบบไม่เป็นทางการจะทำให้ความคิดตกผลึก มากกว่าการจัดการประชุมภายใต้สภาวะกดดันเสมอ
เห็นด้วยครับว่า...ความฮา ก่อให้เกิด ปัญญา... บรรยากาศที่ผ่อนคลายมีส่วนมากจริงๆ ^^
* จากการเรียนแบบเฮฮา มาสู่การประชุมได้ไหม
* ผมว่าถ้านำมาใช้ในการประชุมในที่ทำงาน ก็จะดีมากเลยครับ
* ผมสังเกตดูว่า ในที่ทำงาน ถ้าพูดคุยแบบไม่เป็นทางการ แบบกันเอง จะมีความคิดที่ดีๆออกมามากครับ ที่ดีไปกว่านั้น คือ คุยกันที่โต๊ะอาหาร กลางวัน หรือ เย็น จะมีไอเดียบรรเจิดเลยละครับ
* แต่ที่ประชุมที่เป็นทางการ จะพูดอะไรก็ต้องเป็นทางการ ต้องเตรียมการมาอย่างดีเป็นทางการ อยู่ในกรอบในระเบียบ ใช้แต่สมองซีกซ้ายซีกเดียวละครับ ไอเดียไม่บรรเจิด
บรรยากาศมีผลต่อการคิดและจินตนาการ เมื่อปัจจัยสิ่งแวดล้อมเอื้อให้เกิดการมีส่วนร่วมแล้ว ปัญญา ความคิดดีๆมันก็จะออกมา
ตอนสมัยเรียนผมก็มีอาจารย์ท่านหนึ่ง ตลกมากมาย มาสอนด้วยมือสิบนิ้ว ม่ายมีสื่อ ใส่แว่นหนาๆ หน้าตาเหี่ยวๆ เดินเข้ามาด้วยความเคร่งเครียด แต่เมื่ออาจารย์พูดออกมาฮาตลอดคาบเลย ทั้งๆที่มันเป็นวิชาที่ยาก Anatomy (กายวิภาคศาสตร์) แต่ฮาตลอด ไม่มีใครโดดเรียนเลย การตรวจข้อสอบก็อย่างฮา เพราะอาจารย์จะเขียนตอบกลับมาในข้อสอบด้วย ชอบมากเลยครับ
ใช่ค่ะ..ฉะนั้น เราอย่าเครียดกันเลยน่ะค่ะ..เอ้า! ยิ้ม ยิ้มกันเข้าไว้
@ นายเอิร์ท >>> ใช่คะ บรรยากาศมีผลมากๆเลย ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามด้วย
@ small man >>> เห็นด้วยคะอาจารย์ ยิ่งโดยเฉพาะบนโต๊ะอาหาร การพูดคุยกันเล่นๆนี่แหละคะ จะมีความคิดที่ดีๆออกมาเยอะมาก หนูก็ได้เห็นอยุ่บ่อยๆ
@ อุชุจาโร >>>>> ใช่เลยคะ....นอกจากจะทำให้เกิดปัญญาแล้ว ยังทำให้นักเรียนหลายๆคนสนุกจนไม่อยากโดดเลย แม้วิชานั้นจะยากและน่าเบื่อก็ตาม
@ New.ครูบันเทิง >>>> ถูกต้องค่ะ ยิ้มกันเข้าไว้นะคร่าาา ^^ ขอบคุณที่แวะเข้ามานะคะครู
เห็นด้วยค่ะ ถ้าสมองเราไม่เครียดไม่กดดัน เราก็จะไม่เกร็งไม่ต้องกลัวว่าจะตอบผิดตอบถูก ทำให้กล้าพูดกล้าเสนอแนะในสิ่งที่ตนเองคิด บางทีก็ทำให้พบเจอนวัตกรรมใหม่ๆที่เป็นไปได้และมีประโยชน์จากจุดเล็กๆนี้เองค่ะ
เห็นด้วยค่ะ ถ้าไม่เครียด ความคิดดีๆก็จะไหลพรั่งพรูออกมาเองค่ะ
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆค่ะ ^_^
@ Orn >>>>> ใช่คะอร จะคิดนวัตกรรมใหม่ๆได้ ต้องครีเอทมากๆ แต่ถ้ามีความเครียดกดดันไว้ ยังไงมันก็ไม่ออกมาเน้อะ
@ Pang >>>> ใช่คะ ดังนั้นเราก็ต้องไม่เครียดกันนะ
ขอบคุณทุกๆคอมเม้นนะคะ เม้นได้ตามอัธยาศัยเลยค่า ติชมก็ได้เต็มที่เลยคะ ^__________^
เห็น..ฉันเห็น เห็นด้วยทุกอย่างบอกได้คำเดียวว่าได้ใจ
ผมมองว่าความฮานั้นดีมากครับ หรือบางทีเราอาจมองว่ามันเป็นเรื่องที่นอกประเด็นที่จะคุยกันครับ
มันช่วยให้เรากับผู้ร่วมสนทนาสามารถสื่อสารเข้าใจได้ง่ายขึ้น อาจเป็นเพราะเกิดจากการที่ไม่มีการเกร็ง ดั้งเช่นคุณหนิงบอกครับ
แล้วมันประยุกต์กับการขายยังไง?
เคยเห็นไหมครับคนที่ต่อของ...เก่งมากๆ หรือขายของเก่งมากๆ ส่วนมากแล้วเค้าๆเหล่านั้น เป็นคนประเภทที่มีมนุษย์สัมพันธ์ดีครับ
อาจเป็นเพราะคนกลุ่มนี้สามารถนอกเรื่องได้ตลอดนั้นเองครับ และคนกลุ่มนี้จะมีความสามารถเข้ากับทุกคนได้ครับ ทำให้เค้าสามารถวิเคราะห์ได้ว่าลูกค้าหรือเจ้าของร้านต่างๆ นั้น เค้ารู้สึกแบบใด มีความชื่นชอบแบบใด คนกลุ่มนี้ก็จะสื่อสารไปยังจุดที่ผู้ร่วมสนทนาสนใจครับ มันเหมือนกับการเอาขนมที่เด็กๆชื่นชอบมาล่อนั้นเองครับ พอผู้ร่วมสนทนามีการโต้ตอบก็หมายความว่าเค้าเปิดใจกับคุณแล้วครับ พอถึงตอนนั้นคนกลุ่มนี้จะสามารถขายหรือต่อรองราคาได้ครับ
เช่น มีคนรู้จักผมคนนึง(อากู้) เค้าต้องการจะต่อราคาค่าเทถนนยางมะตอยให้ถูกว่าเดิมอีก หลังจากที่ต่อรองราคามาแล้วแต่เจ้าของร้านบอกว่าลดให้ไม่ได้แล้ว อากู้ก็จะเปลี่ยนเรื่องคุยครับ โดนการที่แกได้สังเกตเห็นว่าเจ้าของร้านนั้นเป็นคนที่ชื่นชอบรถสปอร์ต แกก็เลยชวนเค้าคุยเรื่องรถต่างๆก่อนครับ (นอกเรื่อง แบบฮาๆๆ) แล้วแกก็วนมาที่ถามราคาใหม่อีกครั้งครับ แต่ครั้งนี้แกจะบอกว่าเฮียลองดูราคาให้ใหม่ก่อนแล้วค่อยโทรมาบอกก็ได้ครับ
สรุปหลังจากนั้นเจ้าของร้านก็โทรมาบอกราคาใหม่ที่ถูกกว่าเดิมครับ เหมือนกันครับตอนอากู้จะหาลูกค้านั้น ถ้าแกรู้สึกว่าลูกค้าจะไม่ซื้อแกก็จะชวนลูกค้าคุยนอกเรื่องเหมือนเดิม ก็ทำให้แกสามารถขายของให้ลูกค้าได้ตลอด อาจเป็นการที่อากู้แกโดนใจลูกค้าครับ
ทำให้ผมทราบว่าการมีเรานอกเรื่องบางมีเรื่องฮาบาง ทำให้เรากับผู้ร่วมสนทนาเปิดใจคุยกันได้ง่ายครับ (ไม่เครียด ไม่เกร็ง ไม่กดดัน) แต่เรื่องที่จะนอกประเด็นนั้นก็ต้องเป็นเรื่องที่ถูกกาลเทศะนะครับ
@ คุณชาญชัย เต็งสุจริตกุล
ขอบคุณคะ คอมเม้นยาวมากเลย แต่ก็ขอบคุณนะคะ
นั้นแหละคะ เป็นอีกวิธีการหนึ่งที่ตะลอมคู่ค้าของเราได้ดีเลยทีเดียว
นอกเรื่องกับเค้าบาง สร้างความเฮฮา ผ่อนคลาย และเป็นกันเอง สำคัญทีเดียวคะ
แต่จะว่าไป ... ได้ผลก็มี เสียหายเลยก็เยอะนะคะ
ดังนั้นอย่างที่คุณจ๊อบบอกคะ จะนอกประเด็นก็ต้องรู้กาลเทศะอยู่เสมอ ด้วยนะคะ
สวัสดีครับ
"ร่างกายคนเราเมื่อได้รับสิ่งกระตุ้นจนอยู่ในภาวะเครียด ทำให้มีผลเกิดการเปลี่ยนแปลงของสารสื่อประสาทในสมอง ที่ส่งผลต่อพฤติกรรมและความคิดเป็นอย่างมาก ภาวะเครียดนี้ส่งผลต่อร่างกายและจิตใจให้ตกอยู่ในภาวะการณ์ที่เรียกว่า สู้หรือถอยซึ่งถ้าอยู่ในภาวะเครียดที่ไม่มากนัก ร่างกายจะปรับตัวได้ภายในไม่กี่วัน แถมยังต่อสู้กับความเครียดนั้นได้
ในทางตรงกันข้ามถ้าความเครียด ดังกล่าวมี มากเกินกว่าร่างกายจะรับไหว และมีอยู่นานกว่า 2 สัปดาห์ก็จะเกิดปฏิกิริยาถอย ปฏิกิริยาภายนอกก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย และจิตใจ เข้าขั้นเกิดปัญหาร้ายแรงขึ้นมาได้"
@ คุณ JOY (จ่อย) ขอบคุณมากๆๆๆเลยนะคะ ที่แวะเข้ามา...
ทำให้กระจ่างมากๆเลยคะ เพราะหนิงไม่ได้มีข้อมูลอะไรทางวิชาการแบบนี้ ใช้เพียงการสังเกตและวิเคราะห์เท่านั้น
หนิงก็ไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับเรื่องร่างกายเท่าไหรเลย คอมเม้นเป็นประโยชน์มากมายเลยคะ จะได้ระวังตัวไว้ด้วย
ขอบคุณอีกรอบนะคะ
จริงครับ
บางครั้งเวลาเรียนถ้า อาจารย์ท่านออกเครียดหน่อยละก็....
เวลาถามถึงจะรู้คำตอบอยู่ในใจ ผมก็ไม่ค่อยตอบหรอกครับ
มันเกรง ๆ ไงไม่รู้ครับ
แต่ถ้า อาจารย์ ฮา ๆ หน่อย อย่างวิชา กฎหมาย (ท่าน อ.สู่บุญ)
นอกจากจะตอบเสียงดังฟังชัด แล้วยังซักถามเมื่อเราเกิดข้อสงสัยอีกตะหาก 555+
ความฮามา ความกล้า (ตอบ, ถาม) และปัญญาก็เกิด ครับ
ขอบคุณเรื่องราวดี ๆ ครับ ^^
@ Fruitman
ถูกต้องเลยคะ นักเรียนอย่างเราๆคงต้องเจอเหตุการณ์อย่างงี้มาบ้างแหละ ขอบคุณที่แวะมาค่ะ ^^
การเรียนรู้เกิดจากความไว้วางใจ เมื่อมีความเชื่อศรัทธาจะทำให้กล้าคิด กล้าถาม การถามจะทำให้จดจำยาวนาน
ใช่คะอาจารย์ แต่กว่าจะเกิดความศรัทธา บางครั้งมันต้องใช้เวลานานเลย
แต่ก็คุ้มค่าค่ะ
ใช่ค่ะ เหมือนตอนนี้เราเครียดค่ะ คิดเรื่องที่จะเขียนไม่ออกเลยอิๆๆ
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ ค่ะ
ใช่เลยคะ คุณอังสุมาลิน
ถูกต้องที่สุด เพราะกำลังเป็นอยุ่เลยคะโดนมากๆ แล้วจะเขียนอะไรดีน๊อ.... อิอิ
จริงครับ ผมเองก็ชอบการเรียนที่ไม่เครียด จนเกินพอดี
สนุก เรียนรู้ได้อย่างปลอดภัยมากกว่า
แต่ก็ต้อง "พอดี" ไม่อย่างนั้น จะออกทะเลจนไม่เกิดการเรียนรู้ ผลสุดท้ายก็ไม่พ้นความพอเพียง
เครียดอย่างพอเพียง สนุกอย่างพอเพียง แล้วจะสามารถเรียนรู้ได้อย่างเพียงพอ
ขอบคุณมากคะ คุณธรรศ ธนบรมัตถ์
ถูกมากๆคะ เครียดอย่างพอเพียง สนุกอย่างพอเพียง แล้วจะสามารถเรียนรู้ได้อย่างเพียงพอ
สุดยอด