“ ลูกหมอ ลูกหมอ เห็นไหม๊ แผลมะหายแล้ว มะยังมีครบ 32 นะลูก มะตรวจเท้าทุกวันเลย ” นี่เป็นคำพูดของมะเมื่อพบดิฉันที่ตลาดและบอกด้วยสีหน้าดีใจและภูมิใจที่ไม่ต้องตัดนิ้วหัวแม่เท้าขวาแล้ว
ทำให้ดิฉันนึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้น เมื่อต้นเดือน กันยายน ที่ผ่านมา มีผู้ป่วยเบาหวาน ซึ่งมาด้วย ก้อนหินบาดที่นิ้วหัวแม่เท้าขวามา 1 วัน หัวแม่เท้าบวม แดง ร้อน ลักษณะแผลเป็นโพรงลึก ดิฉันได้ทำแผลและเปิดแผล พบมีเศษหินเท่ากับเม็ดถั่วเขียว 1 ก้อนฝังอยู่ด้านใน จึงบอกให้มะทราบ มะตอบกลับมาว่าเมื่อวานก็เอาเศษหินออกแล้วนะ มะบอกด้วยสีหน้างุนงงว่ามีก้อนหินเข้าไปอยู่ข้างในได้อย่างไร จึงได้อธิบายมะว่าคนเป็นโรคเบาหวานเลือดไปเลี้ยงที่เท้าน้อย ทำให้เท้าเราชา เมื่อเท้าเหยียบอะไรจะไม่ค่อยรู้สึก ต้องดูแลตรวจเท้าทุกวัน มะพยักหน้าและยอมรับสิ่งที่ดิฉันพูด ดิฉันทำแผลของมะได้ 4 วัน แผลที่หัวแม่เท้าขวาไม่ดีขึ้น มีสีคล้ำแดงสลับกันเพิ่มขึ้นทั่วหัวแม่เท้า จึงรายงานแพทย์มาดูและแพทย์ได้บอกกับผู้ป่วยว่าแผลไม่ดีขึ้น ต้องส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ตเพื่อตัดนิ้วหัวแม่เท้า เพราะแผลจะลามไปส่วนอื่นทำให้อักเสบมากขึ้น มะสีหน้าไม่สู้ดี ดิฉันเอามือไปสัมผัสมือมะ และมะได้บอกหมอว่า “มะไม่ไปนะทำแผลรักษาที่นี่แหละ หมอรักษาได้ ให้มะทำอย่างไรก็ยอม แต่อย่าตัดนิ้วมะเลยนะ” หมอจึงบอกว่าถ้าไม่ไป ก็ทำแผลต่อที่นี่และให้ยาแก้อักเสบมะไปกินเพิ่มอีก 1 ตัว มะพยักหน้าเอามือพนมไหว้หมอ แต่สีหน้ามะยังไม่ดีเลย และบอกกับดิฉันว่าให้ทำอย่างไรก็ได้ อย่าส่งมะไปตัดนิ้วเลยนะ ดิฉันพูดให้กำลังใจมะว่าทำแผลและกินยาแก้อักเสบก่อน และมะต้องให้ความร่วมมือด้วยนะ เราจะร่วมช่วยกันทั้งสองฝ่าย สีหน้ามะดูดีขึ้น ยิ้มตอบรับพร้อมพยักหน้า ดิฉันได้ศึกษาประวัติและร่วมวางแผนการรักษากับทีมสหสาขาวิชาชีพ พบว่าระดับน้ำตาลในเลือดของมะสูงตลอด และวันที่เป็นแผล ระดับน้ำตาลในเลือดของมะสูงถึง 527 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ และจากการซักถามการรับประทานอาหารในแต่ละวันพบว่า ตอนเช้ามะรับประทานขนมหวาน เช่น ขนมสอดไส้ วันละ 2 ห่อ โอวัลติน 1 แก้ว ตอนสายๆประมาณ 10 โมงเช้า รับประทานขนมจีนน้ำยา 1 จาน อาหารกลางวันและตอนเย็น จะเป็นข้าวสวย 2 จาน กับข้าวส่วนใหญ่เป็นแกงกะทิ ระหว่างมื้อรับประทานผลไม้ตามฤดูกาล มะม่วง องุ่น ส้ม และน้ำหวานดีโด้ทุกวัน ( มะบอกว่าดื่มแล้วจะมีแรงทำงาน ) จึงให้ข้อมูลกับมะว่า สาเหตุที่แผลไม่ดีขึ้นอาจเป็นส่วนหนึ่งมาจากระดับน้ำตาลในเลือดสูง จากการรับประทานอาหาร และจากการที่มะเดินเท้าเปล่าในบ้าน ก็ทำให้แผลถูกกดทับกับพื้นมากขึ้น มะต้องเปลี่ยนมาสวมรองเท้าสำหรับในบ้านที่มีแผ่นรองนุ่มๆ และรองเท้าหนีบที่มะใส่มาทำแผลทุกวันเปลี่ยนเป็นรองเท้าสวมแบบรัดส้นแทน พร้อมเปิดโอกาสให้ลูกสาวของมะมาร่วมพูดคุยเรื่องการปรับเปลี่ยนการทำอาหารให้มะรับประทาน และการดูแลเท้า ซึ่งลูกสาวและมะรับฟังพร้อมให้ความร่วมมือในการรักษาเป็นอย่างดี สีหน้ามะดูดีขึ้น และยังบอกย้ำกับดิฉันว่า ยอมทำทุกอย่างนะลูก อย่าส่งมะไปตัดนิ้วเลยนะ มะอยากมีครบ 32 นะลูก หลังจากนั้นมะได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร และเปลี่ยนรองเท้าเป็นรองเท้าสวมแบบรัดส้น แรกๆมะบอกว่าอาย ไม่อยากสวม แต่กลัวว่าไม่ครบ 32 มะต้องพยายามใส่เป็นประจำจนชินแล้ว และมาทำแผลทุกวัน แผลมะดีขึ้น ในการทำแผลแต่ละวันจะให้มะดูถึงความก้าวหน้าของแผลที่ดีขึ้นเป็นลำดับ หลังทำแผลมะจะกลับไปพร้อมรอยยิ้มทุกวัน
1 เดือนผ่านไป น้ำตาลมะลดลงเหลือ 163 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ มะบอกว่ามะไม่เคยมีน้ำตาลระดับนี้เลย แผลมะหายสนิทโดยใช้เวลา 2 เดือน และเมื่อไปดูระดับผลเลือดเดือนต่อๆมา น้ำตาลในเลือดจะอยู่ในช่วง 160 – 250 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ตลอด และมะไม่เคยมีแผลที่เท้าต้องมาทำแผลที่ ER อีกเลย
ดิฉันได้พูดคุยกับทีมว่าจะให้มะมาเป็น Presenter การดูแลเท้าและเรื่องการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารในวันคลินิกเบาหวาน
สายใจเองจ่ะ
เชื่อเหลือเกินว่า คนทำดี ไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทน และผมก็เชื่อว่าการโพสของผมจะเป็นกำลังใจให้พี่สายใจได้ สู้ๆครับ "นางฟ้าสีขาว(แม่บ้านผู้ทรนง)"