นอกจากฝึกอ่านออกเสียง.. อ่านทำนองเสนาะ.. อ่านวิเคราะห์สารจากวรรณคดีและวรรณกรรมแล้ว.. ครูกานท์ยังให้ฝึกวิเคราะห์จากเพลงอีกตั้งมากมายหลายเพลง น้ำเสียงของครูยามขับขานช่างไพเราะมากมาย..มีทั้งหนักแน่นในวรรคที่ควรหนักแน่น ออดอ้อนในบทที่อ่อนหวาน เศร้าสร้อยในวรรคตอนที่เสียใจ ผิดหวัง ลีลาของครูน่าดูน่ามอง ครูสื่ออารมณ์ออกมาทางสายตา ที่ทำให้คนฟังต้องนิ่งฟังดั่งต้องมนต์ ครูร้องเพลง “น้ำตาเทียน” ได้หวานพลิ้วมาก..
“..คืนหนึ่งฉันนอนนน.. สะท้อน..ฮึม ดวงงงงใจ
เห็นน้ำตาเทียนหยดไหล เหมือนใครหลั่งน้ำ...ฮึม..ตานอง
..อดีตไม่ลับดับลงสักที เห็นเทียนเรืองรองต้องมี ทวีโศกหวนนน..ฮึม..ครวญไห้..
มองเทียนหลั่งน้ำตาลงมาคราใด.. ฉันทนปวดร้าวดวงใจ จากไปแล้วแก้วตาเอ๋ยยยย....”
ฟังแล้วดั่งจะเห็นสายน้ำตาเทียน หยดไหลลง จริงๆ..
เพลงบางเพลงที่ครูร้อง เรทเอ๊กซ์เลย..อิๆ..แต่ภาษาสวยสดงดงาม ..ครูรากแก้วการอ่านเป็นผู้ใหญ่ทั้งน้านนนน..ประสบการณ์เยอะ ฟังไปอมยิ้มไป แต่น้องๆโรงเรียนกวียังเอ๊าะๆอยู่ ทำหน้าตาเลิ่กลั่ก เอ๋..เอ็กซ์อย่างไร... ชื่อเพลงอะไรนะ ของทูล ทองใจ..
“...คืนนั้นสวรรค์ล่มมมม.. เสียงฟ้าเสียงลมมมมม พร่างพรมพี่หนาวจนสั่น...”
มีอีกหลายเพลงค่ะ..ที่ครูสอน โดยเฉพาะเพลงของครูสลา ..รองเท้าหน้าห้อง..
ครูกานท์เล่าถึงที่มาของเพลงนี้อย่างมีความสุข เป็นภาพที่ยังคงกระจ่างชัดอยู่ในความทรงจำของฉัน..
ชายคนหนึ่งถ่ายทอดอารมณ์ที่บ่งบอกถึงความสูญเสีย เสียใจ ปวดใจที่หญิงสาวคนรักทรยศ ด้วยการใช้ภาษาที่งดงาม ง่ายๆ แต่เห็นภาพชัดเจน "ประตูห้องเช่า มีรองเท้าสองคู่เคียงกัน.." เห็นภาพชัดแจ๋วเลยละ" "..แค่ดูเบอร์ ก็รู้ว่าคนสวมหุ่นเท่าใด.." โห..นี่แหละทักษะชีวิตเนอะ สุดยอดๆกับภาษาของครูสลา
ครูสลาต้องการแต่งเพลงผู้หญิงแก้ต่าง เช่นเพลงลูกทุ่งทั่วไป ที่หากมีเพลงทำนองนี้ไม่ว่าชายหรือหญิงที่ออกมาตัดพ้อต่อว่า น้อยอกน้อยใจ ก็จะมีเพลงแก้ต่างของอีกฝ่ายหนึ่งออกมาไล่เลี่ยกัน แต่สำหรับเพลงนี้ ครูกานท์บอกว่า ครูสลาทำไม่ได้ ..ทำไม่ได้แน่นอน
เพราะผู้หญิงผิดเต็มประตู หลักฐานเชิงประจักษ์ชัดเจน(เหมือนครูรับการประเมินเชิงประจักษ์เลยแฮะ..) ไม่มีสิทธิ์แก้ตัว ก็หลักฐานมีโทนโท่ออกอย่างนั้น แต่ครูสลาก็หาทางออกได้อย่างสวยงาม โดยแทนที่จะให้ผู้หญิงในห้องออกมาแก้ตัว กลับให้เป็นผู้หญิงห้องข้างๆออกมาบอกความในใจแทน ..ด้วยเพลง “ใจน้องห้องข้าง” สุดยอด..เพื่อนๆผู้อ่านเห็นด้วยตามนี้ไหมคะ
โดยในแง่มุมของศิลปะ เนื้อเพลงให้ความนุ่มนวลทางอารมณ์ อ่อนหวานละมุนละไม ให้ความอบอุ่นของหัวใจ ในการปลอบประโลมผู้ที่กำลังพบความสูญเสีย แม้จะเป็นเพียงซอกมุมเล็กๆ..
"จิตใจของพี่งามแท้ อยากดูแลปิดแผลในใจ" ..เฮ้อ ! อบอุ่นจังอยากมีคนมาปิดแผลในใจให้บ้างเนอะ
"หากไม่รังเกียจแวะคุยห้องข้างเป็นไร แผลในใจน้องมียาทา.." แน่ะ..เชิญชวนอีก แต่อ่อนหวานจัง
ยิ่งครูกานท์เป็นผู้ร้องให้พวกเราฟังยิ่งให้ความรู้สึกคล้อยตาม..
นี่แหละเสน่ห์ของเพลงลูกทุ่งไทย
โดยเฉพาะผู้แต่งที่เข้าลึกถึงการใช้ภาษาไทยที่แสนงดงามเช่นครูสลา..บรมครูเพลง
น้อมกราบคารวะครูทั้งสองค่ะ..
เพลง รองเท้าหน้าห้อง...
เพลง ใจน้องห้องข้าง
ใส่กลอนล็อคห้อง ภาพมันฟ้องพี่มองละเมอ
จ้องดูเบอร์รองเท้าผู้ชาย เหนื่อยใจทอดถอน
ยินเสียงร้องอย่า จ๊ะจ๋าลอยจากห้องนอน
หัวใจพี่คงสะท้อน น้องอาวรณ์อยากคอยดูแล (บ่งบอกถึงความเป็นคนมีน้ำใจ)
บาดแผลหัวใจแม้ใครเป็นพี่
โดนแบบนี้คงคิดบัญชีชายชู้แน่ๆ
แต่พี่หยุดและยอม ยอมเป็นผู้แพ้ (มองเห็นความดีของผู้อื่น)
จิตใจของพี่งามแท้ อยากดูแลปิดแผลในใจ (มีใจเมตตาและกรุณา)
พี่ลาห้องเช่า อย่างซึมเซาเมื่อเขาบินจร
ผู้อาทรห้องข้างอาวรณ์ ด้วยความเห็นใจ
หากไม่รังเกียจ แวะคุยห้องข้างเป็นไร
รองเท้าถอดวางข้างใน แผลในใจน้องมียาทา.. (อิๆ ..ต้องตามตอนต่อไปค่ะ..)
อีกหนึ่งบทเรียนของครูรากแก้วการอ่านค่ะ..การอ่านชีวิตด้วยบทเพลง
ดูละครย้อนดูตัว..ฟังชีวิตผ่านเพลง
..หวังไว้ค่ะว่าจะเป็นตัวอย่างแก่เพื่อนๆที่ได้อ่านได้บ้าง..
"เพลง" สื่อฝึกคิดวิเคราะห์ คิดอย่างมีวิจารณญาณ คิดไตร่ตรอง ก่อนตัดสินใจนำไปใช้ในชีวิต (เพื่อนๆที่สนใจย้อนดูบันทึกก่อนๆได้ค่ะ)
..มีความสุขกับวันหยุดที่ค่อนข้างร้อนแรงนะคะ..
ไม่มีความเห็น