ผู้บริหารยุคปฏิรูปการศึกษาตามคุณลักษณะ 5 ป.
ในองค์การใดไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือเอกชน จะต้องมีผู้นำเป็นผู้บริหาร เป็นบุคคลที่มีความสำคัญที่สุดและมีอิทธิพลต่อบรรยากาศในการทำงาน โดยเฉพาะบุคลิกภาพของผู้บริหาร จะเป็นสิ่งจูงใจให้ผู้ร่วมงานศรัทธา ให้ความร่วมมือ สามารถยืนอยู่ในหัวใจของผู้ใต้บังคับบัญชาได้ หากผู้ร่วมงานเชื่อถือ เปรียบเสมือนว่างานสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง การบริหารให้บรรลุผลสำเร็จใช้ความรู้ความสามารถ น้อยกว่าข้อมูลข่าวสารและบุคลิกภาพ แบบของผู้บริหารยุคปฏิรูปการศึกษามีคุณลักษณะดังนี้
ปฏิรูป เพื่อให้ก้าวทันกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก ผู้บริหารนอกจากจะมีความรู้ความสามารถ ตลอดจนเทคนิคการบริหารแล้ว ยังต้องมีทักษะทางด้านภาษาและการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น แฟกซ์ คอมพิวเตอร์หรืออินเตอร์เน็ต ซึ่งจะทำให้เป็นนักคิด นักวิเคราะห์ นักพัฒนา และปรับเลี่ยนตลอดเวลา จะเป็นผลทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชากระตือรือร้นอยู่เสมอ ในยุคประชาธิปไตย ผู้บริหารที่บริหารแบบตัวเอง(กู)เป็นใหญ่ จะพบแต่ความขัดแย้ง ผู้บริหารที่มีบุคลิกภาพดีและการทำงานเป็นประชาธิปไตยเท่านั้น จึงจะเป็นที่ยอมรับของผู้ใต้บังคับบัญชา
ประสาน การรู้จักประสาน ใช้ความสามารถของผู้ใต้บังคับบัญชาให้เป็นประโยชน์มากที่สุด คือมีความสัมพันธ์อันดี ให้เกียรติ และปูนบำเหน็จรางวัล ยกย่องอย่างสมศักดิ์ศรี ไม่แย่งเอาผลงาน รู่ว่างานสำเร็จเป็นผลงานของใครจึงจะให้คุณให้โทษได้อย่างยุติธรรม อย่าใช้อารมณ์หรือความสนิทสนมส่วนตัวมาเป็นเครื่องตัดสินใจ อย่าลืมว่า “ผลงานของผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นผลงานของผู้บริหาร” ต้องประสานดึงเอาศักยภาพของผู้ใต้บังคับบัญชามาใช้ให้มากที่สุด
ประนีประนอม ต้องไม่ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเกิดความขัดแย้งในหน่วยงานของตนเองเป็นเด็ดขาดและอลุ้มอล่วยพอยอมกันได้ก็ยอม อย่ามีทิฐิ มองหน่วยงานเป็นที่ตั้ง อย่าเอาเรื่องส่วนตัวมาเกี่ยวกับงาน
ประชาสัมพันธ์ ผู้บริหารต้องมีความสามารถในการพูดคุยกับบุคคลต่างๆ พูดโน้มน้าวจูงใจได้ดี มีมนุษยสัมพันธ์ พูดเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ได้ “อยากดังก็ต้องตีปิบ หากไม่ตีปิบเมื่อไหร่ใครจะรู้จักเรา”
ประชาสงเคราะห์ ต้องช่วยเหลือผู้ร่วมงานทุกเรื่องเป็นห่วงเป็นใยตลอดเวลา ประสานหน่วยงานอื่นเพื่อขอความช่วยเหลือผู้ร่วมงาน การพัฒนาบุคลากรก็ให้ต่อเนื่อง มีการให้อภัยผู้ร่วมงานเมื่อทำผิดพลาด เป็นกัลยาณมิตรกับทุกคน เป็น “ผู้บริหารนักบุญ” มีความเกรงใจผู้ร่วมงาน จัดตั้งกองทุน มูลนิธิ และ สมาคม ไว้คอยสนับสนุนเป็นสวัสดิการแก่ผู้ร่วมงานหรือหน่วยงานเสมอ
การเป็นผู้บริหารที่ดี มีประสิทธิภาพ ใครๆ ก็ชื่นชม ศรัทธา เชื่อมั่น บุคลิกหรือเอกลักษณ์ส่วนตัว ก็ถือว่าเป็นต้นแบบของผู้ร่วมงาน “ผู้บริหารมีหน้าที่สร้างผู้บริหาร” การกระทำทุกสิ่งทุกอย่าง มีผู้ร่วมงานเฝ้าสังเกต คอยเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากผู้บริการอยู่ตลอดเวลา หากเป็นผู้บริหารโรงเรียนก็ยิ่งเป็นแบบที่จะต้องไม่มีตำหนิ อย่าใช้อำนาจ หรือใช้ให้เป็น ยิ่งใช้อำนาจมากก็ยิ่งจะหมดอำนาจ ไม่เหมือนความรู้และประสบการณ์ ยิ่งใช้มากก็ยิ่งได้มาก
ไม่มีความเห็น