คนรุ่นเดียวกัน
สืบ นาคะเสถียร (31 ธ.ค. 2492 — 1 ก.ย. 2533)
พลตำรวจเอก สมเพียร เอกสมญา (6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2493[1] — 12 มีนาคม พ.ศ. 2553)
ป่าห้วยขา แข้งเป็นผืนป่าที่อุดมไปด้วยพรรณไม้และสัตว์ป่าอันล้ำค่า ทำให้หลายฝ่ายต่างก็จ้องบุกรุกเข้ามาหาผลประโยชน์ สืบได้แสดงเจตนารมณ์อันแน่วแน่ที่จะรักษาป่าผืนนี้ไว้ให้ได้อย่างชัดแจ้ง ได้ประกาศให้รู้ทั่วกันว่า “ผมมารับงานที่นี่ โดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน” ตั้งแต่วันแรกที่เข้าไปรับงานหัวหน้าเขตฯ ถึงแม้กระนั้นก็ยังไม่สามารถปกป้องป่าได้ เนื่องจาก การดูแลผืนป่าขนาดมากกว่าหนึ่งล้านไร่ ด้วยงบประมาณและกำลังคนที่จำกัด รวมถึงการทุจริตของเจ้าหน้าที่ กลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ไม่สามารถแก้ไขได้โดยง่าย และมากกว่านั้นปัญหาความยากจนของชาวบ้านที่อยู่อาศัยโดยรอบเขตรักษาพันธุ์ สัตว์ป่า ทำให้กลุ่มผู้มีอิทธิพลที่หวังผลประโยชน์ ได้ว่าจ้างชาวบ้านในเขตป่าสงวนเข้ามาตัดไม้ และลักลอบล่าสัตว์ในเขตป่าอนุรักษ์
จากเกียรติประวัติทำงานคลุกคลี อยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มานานเกือบ40 ปี ในเครื่องแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ คอยบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้แก่ประชาชน ตั้งแต่ยศชั้นประทวน จนถึง พันตำรวจเอกในปัจจุบัน ผ่านการปะทะกับผู้ก่อการร้ายมานับครังไม่ถ้วน และ หลายครั้งแทบเอาชีวิตไม่รอดถึงแม้ว่า พล.ต.อ.สมเพียร จะมีความสามารถในงานสืบสวน ปราบปราม แต่งานมวลชนก็ไม่ได้ละทิ้ง ยังคงติดต่อฟื้นสายสัมพันธ์เก่ากับประชาชนทั้งชาวไทยพุทธและมุสลิมในพื้นที่ ที่เคยทำงานร่วมกันมเมื่อครั้งอดีตด้วยใจถึงใจต่อกัน มีกิจกรรมใดๆที่เกี่ยวกับการสร้างความเข้าใจและความรู้สึกอันดีกับชุมชน พล.ต.อ.สมเพียร ไม่เคยที่จะปฏิเสธในการเข้าไปมีส่วนร่วม แม้จะรู้ว่ามีอันตรายแฝงอยู่ในทุกย่างก้าว และเป็นกันเองกับผู้ใต้บังคับบัญชา
พี่สืบชอบงานวิจัยมากกว่างานบริหาร แต่ขณะนั้นกำลังถูกทาบทามให้มาดำรงตำแหน่งหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยขาแข้ง ซึ่งตัวพี่สืบเองบอกกับผมว่า ใจจริงอยากทำงานวิจัยที่ได้ประโยชน์กว่า แต่ก็ห่วงเจ้าหน้าที่ และการจัดการซึ่งมีแต่ปัญหาที่ยากแก่การแก้ไข เพราะนโยบายของรัฐบาลขณะนั้น ยังเปิดให้มีการทำไม้ในพื้นที่สัมปทาน โดยไม่มองความจริงว่า พื้นที่ป่าไม้ของชาตินับวันมีแต่ลดจำนวนลง และน้อยเกินกว่าตัวเลขซึ่งถือว่าอยู่ในขั้นวิกฤต
พี่สืบบอกผมว่า หากแกตัดสินใจไม่ทำงานที่ตนถนัด คืองานวิจัยสัตว์ป่า แกอาจเข้ามาทุ่มเทชีวิตให้กับป่าแห่งนี้เป็นพิเศษ แกอยากเห็นเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง ได้ผลตอบแทนจากการปฏิบัติหน้าที่อย่างคุ้มค่า หากเฟืองจักรชิ้นเล็กๆ อ่อนแอแล้ว คงไม่สามารถบริหารกลไกที่ใหญากว่าได้ ทุกวันนี้กรมป่าไม้ปล่อยให้พวกเขาเดินถือปืนเข้าป่า โดยไม่ได้รับความเห็นชอบตามกฎหมาย เราปล่อยให้ลูกจ้างชั่วคราวรักษาป่า โดยไม่มีกฎหมายคุ้มครอง พวกเขาต้องเสี่ยงชีวิต และถูกจับติดคุกหากเกิดการปะทะกับผู้กระทำผิด ด้วยกฎหมายฉบับเดียวกัน…
โดย : โจ๋ย บางจาก
"ประวัติศาสตร์ประเทศนี้สอนอะไรบางอย่าง ว่า
คน เรามักจะเห็นคุณค่าเมื่อตอนตาย
ผมไม่เสียใจที่พ่อตาย ผมคิดว่าสักวันจะต้องเกิด
แต่ผมเสียใจและร้องไห้เพราะความไม่ ยุติธรรม
ในสังคมบ้านเรามันไม่มีความยุติธรรมกับคนทำงานคนทุ่มเท
ใน วัยเด็กเนี่ย 15 วันผมถึงจะได้เจอพ่อครั้งหนึ่ง
เพราะว่าพ่อต้องออกเดิน ป่า ออกลาดตระเวน
มีเวลาให้ลูกน้อยมากเดือนหนึ่ง วัน สองวัน
และ กลับมาบ้านก็กางแผนที่ เตรียมโจมตีอีกแล้ว
ผมเสียพ่อให้กับประเทศ นี้นะครับ
ผมเสียพ่อให้กับการรักษาความสงบ
ชั่วชีวิต 40 กว่าปีของพ่อที่ทำงาน
พ่อทุ่มจนครอบครัวเรา ความอบอุ่นที่ได้รับนี่น้อยนะครับ
และประเทศนี้ก็ตอบแทนเราด้วยความ ไม่ยุติธรรม”
ชุมพล เอกสมญา
คล้ายกันคือแบบอย่างของข้าราชการไทยผู้เสียสละ
ที่เหมือนกัน แน่นอนที่สุดคือทั้งคู่คือวีรบุรุษที่แท้จริง
ขอบคุณครับ เป็นเรื่องราวที่ผมประทับใจมากครับ