สร้างสังคมเล็กๆที่สงบสุข...เพื่อสังคมใหญ่ที่ร่มเย็น


วันนี้เป็นวันที่ครอบครัวเล็กๆของเรามีลูกสามหนุ่มครบอยู่ด้วยกันอีกวาระหนึ่ง เพราะพี่วั้นปิดเทอมกลับมาบ้าน มีหนังสือหอบหิ้วกลับมาฝากน้องด้วย ทำให้ได้เห็นภาพที่สามคนพี่น้องนั่งถือหนังสือกันคนละเล่ม เอกเขนกอ่านกันคนละมุม ทำให้คุณแม่อย่างเรามีความสุขได้ง่ายๆเหลือเกิน

คิดถึงตัวเองในวัยเด็ก (กว่านี้) ไปในระหว่างทำงานคุณแม่บ้านที่แสนจะน่าเบื่อ คือการรีดผ้า ทำให้นึกได้ว่าคนเราแต่ละคนนี่มีคุณลักษณะติดตัวมาเองแตกต่างกันจริงๆ เพราะลูกสามคนที่เราเลี้ยงเขามาด้วยกัน วิธีการเหมือนๆกัน แต่ลูกแต่ละคนก็มีเอกลักษณ์ของตัวเองที่ไม่เหมือนกันเลย เหมือนตัวเราที่มีพี่น้อง 5 คนก็ไม่มีใครเหมือนกันเลย แต่สิ่งที่พวกเราทุกคนชอบเหมือนกันแน่ๆ คือการอ่านหนังสือ ส่วนอื่นๆนั้นมีหลากหลายที่เราต่างกัน 

เชื่อในคำกล่าวของคาริล ยิบราลที่ว่า ลูกมาจากเรา แต่เขาไม่ใช่ของเรา ดังนั้นจึงไม่คิดจะกะเกณฑ์อะไรกับลูกนอกเหนือจากหน้าที่และสิทธิของความเป็นแม่ ในวัยที่เราต้องสั่งสอนดูแล เราก็ทำหน้าที่ของตัวเองเต็มที่ ในวัยที่เขาคิดได้เอง เราก็ได้เห็นผลว่า เราทำงานของเรามาได้ดีหรือไม่ อย่างไร ซึ่งในวัยที่เขามีความเป็นตัวของเขาเองนี้ เราก็ต้องลดบทบาทหลายๆอย่างที่เคยทำลง ปล่อยให้เขาเป็นอิสระ ใช้ความคิด ความอ่านของเขาเอง เราเป็นเพียงที่ปรึกษาเท่านั้น และพยายามทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดี ดำรงตนในแบบที่เราอยากเห็นลูกทำ แต่เราไม่มีสิทธิไปกะเกณฑ์ว่าลูกต้องทำอย่างนั้น อย่างนี้

ช่วงนี้เป็นช่วงที่ได้รับสมุดรายงานจากโรงเรียน ทำให้เราได้รับรู้ว่า ลูกเป็นอย่างไรในสังคมของลูก สำหรับตัวเองแล้ว เชื่อมั่นในความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของลูกที่เราฝึกสอนเขามาดีแล้ว จึงไม่เคยต้องกังวลติดตามผลการเรียนใดๆ ไม่ว่าลูกจะได้คะแนนเป็นอย่างไร ก็จะให้กำลังใจเสมอ และลูกก็ทำให้เราเห็นเสมอมาว่า เราเชื่อมั่นได้ถูกต้อง แต่สิ่งที่อยากรู้เสมอก็คือ ลูกเป็นอย่างไรในหมู่เพื่อนๆและคุณครู สิ่งที่น่ายินดีก็คือ ลูกทั้งสามคนจะได้รับการประเมินที่แสดงให้เห็นว่า พวกเขาเป็นคนดี มีน้ำใจ ช่วยเหลือเพื่อน ซึ่งเป็นสิ่งที่เราอยากเห็น อยากให้เกิดขึ้นจากตัวเขาเองโดยที่เราไม่ต้องจ้ำจี้จ้ำไช อยากให้การทำความดีเป็นเรื่อง "ธรรมดา"สำหรับสังคม เพื่อให้ทุกๆคนทำ แต่ในสมัยที่สังคมยังคงมีคนที่ไม่ยอมเสียเปรียบอยู่มากมาย การทำความดีจึงมีเงื่อนไข มีข้อจำกัด การทำความดีกลายเป็นความพิเศษ เราต้องเคารพความคิดเห็นของคนอื่น แต่ก็ต้องเชื่อมั่นในความคิดของเรา ดังนั้นเราจะไปกะเกณฑ์ให้ใครทำอะไรไม่ได้ไม่เว้นแม้แต่ลูกของเราในยามที่เขาคิดเองได้แล้ว เราต้องทำสิ่งที่เราเชื่อมั่นด้วยตัวเราเองเท่านั้น และเชื่อมั่นว่ายังมีคนอีกมากมายในสังคมที่ยังคงทำอยู่ ไม่เช่นนั้นสังคมคงจะแย่ยิ่งกว่านี้

อย่างน้อยในตอนนี้ ก็บอกตัวเองได้ว่า เราได้สร้างสังคมเล็กๆที่สงบสุขให้เกิดขึ้นแล้ว และหวังว่าประชาชนดีๆในสังคมนี้จะช่วยเหลือและเป็นประโยชน์ต่อสังคมในวงกว้างต่อๆไป ไม่ต้องทำอะไรที่ใหญ่โตมากมาย ขอเพียงเป็นคนดีที่ทำความดีอย่างธรรมดากับคนรอบๆข้างก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีแล้ว บันทึกฝากไว้ในวันที่ยังเห็นความดีสร้างความเจ็บปวดให้อีกหลายๆครอบครัวของตำรวจ ทหารที่ทำความดีจนเป็นเรื่องธรรมดาในชีวิตของพวกเขาและคงไม่มีโอกาสได้รับรู้อีกแล้วว่าความดีของพวกเขาส่งผลอะไรต่อคนที่อยู่ข้างหลัง

หมายเลขบันทึก: 345928เขียนเมื่อ 21 มีนาคม 2010 02:18 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 13:14 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท