เรียนรู้จากสัมผัสกับการดูโทรทัศน์และเล่นเกม
การให้เด็กมีประสบการณ์ด้วยการใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 คือ ได้ชิม ได้ฟัง ได้ดู ได้ดม และได้สัมผัส ด้วยการให้เด็กได้กระทำด้วยตนเอง พร้อมกับมีผู้ใกล้ชิดไม่ว่าพ่อแม่ ครู ผู้ใหญ่คอยให้การส่งเสริมและสนับสนุน จะทำให้เด็กได้เรียนรู้และเพิ่มประสบการณ์อย่างเช่น การให้เด็กได้ทำกิจวัตรประจำวันด้วยตนเอง เป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์โดยตรง เด็กรับรู้เกี่ยวกับตนเอง ได้ฝึกการคิดแก้ปัญหา ฝึกทักษะการใช้กล้ามเนื้อต่างๆ ได้พัฒนาความภูมิใจในตนเอง สำหรับเด็กวัย 6 ขวบ เป็นวัยมีความอยากรู้อยากเห็น ชอบความรู้ใหม่ๆ เด็กปฐมวัยสามารถสร้างสาระความรู้ต่างๆ เข้าด้วยกันแล้วทำให้เกิดสิ่งใหม่ขึ้นมา การที่เด็กได้เล่นนั้น ทำให้เด็กได้ฝึกคิดค้น เรียนรู้ภาษา เรียนรู้บทบาทต่างๆ ในสังคม พัฒนาทักษะด้านต่างๆ ฯลฯ จึงเห็นได้ว่าการเรียนรู้ ผ่านประสาทสัมผัสมีคุณค่ามหาศาลต่อเด็กเล็ก
ส่วนการที่ให้เด็กดูโทรทัศน์และเล่นเกม เด็กได้รับการพัฒนาที่มีขอบเขตจำกัด มีนักการศึกษาหลายท่านได้กล่าวว่า หากปล่อยให้เด็กทำกิจกรรมดังกล่าว โลกของเด็กจะถูกปิดเรียบร้อยไปพร้อมกับเกมและจอโทรทัศน์เพราะการเล่นเกมถูกกำหนดโดยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ละครโทรทัศน์ถูกกำหนดโดยผู้เขียนบท การดูโทรทัศน์และเล่นเกมของเด็ก เด็กได้รับความเพลิดเพลิน เด็กเป็นฝ่ายรับทำให้เกิดสมาธิ สารสุขหลั่งในร่างกายทำให้เด็กติดเกม ติดโทรทัศน์ เหตุการณ์อย่างนี้เคยเป็นข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์อยู่เรื่อยๆ เด็กบางคนต้องหาเงินด้วยการขอทานเพื่อนำเงินไปเล่นเกม เพราะติดเกมอย่างมาก ประเด็นสำคัญของการติดเกม ติดโทรทัศน์ คือ
เด็กจะซึมซับภาพ และเรื่องราวที่ปรากฏในจอภาพเข้าไว้เป็นข้อมูลในสมอง เก็บไว้เป็นความรู้และพฤติกรรม
ของตน เนื้อหาหรือเรื่องราวของเกมหรือรายการโทรทัศน์ส่วนใหญ่ยังมีความไม่เหมาะสมกับวัยและพัฒนาการของเด็ก เช่น มีความรุนแรง การใช้ภาษาที่ไม่เหมาะสม พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมประเภทต่างๆ เป็นต้น
สรุปได้อย่างชัดเจนว่า การเรียนรู้ด้วยกิจกรรมต่างๆ ทำให้เด็กได้ใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 มีความสำคัญและจำเป็นต่อการเรียนรู้ ของเด็กมากกว่าการให้ดูโทรทัศน์และเล่นเกม เราจึงควรระมัดระวังและอย่าปล่อยให้เด็กดูโทรทัศน์และเล่นเกมอย่างอิสระ ไร้การควบคุมอีกต่อไป
ดิฉันคิดว่าการให้เด็กได้เรียนรู้จากการดูโทรทัศน์และเล่นเกม หรือสื่อต่างๆ นั้น คิดว่าเป็นอีกทางที่ดีในการพัฒนาการเรียนรู้ เพราะในยุคสมัยนี้แล้วเทคโนโลยีต่างก็เป็นปัจจัยหลักในการดำรงชีวิตมากขึ้นทุกวัน อาทิเช่น โทรศัพท์มือถือสามารถที่จะดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมส์ ดูทีวี อ่านหนังสือพิมพ์ หรือจะอัพเดทข่าวสังคม บ้านเมืองนั้น เป็นเรื่องที่ง่ายมากๆ ฉะนั้นการให้เด็กได้เรียนรู้จากสื่อเทคโนโลยีนั้นดิฉันคิดว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่กลับกันถ้าเราใช้เทคโนโลยีในทางที่่ผิดก็จะกลายเป็นโทษอย่างร้ายแรง ที่จะส่งผลเสียแ่ก่ตัวเราได้ ปัจจุบันผู้ปกครองส่วนใหญ่จะไม่ค่อยเห็นด้วยที่ให้เด็กเล่นเกม หรือใช้โทรศัพท์มือถือ เพราะได้รับข่าวสารที่จากเด็กคนอื่นๆ ที่ใช้เทคโนโลยีในทางที่ผิดแล้วเกิดผลเสีย จึงทำให้ผู้ปกครองนั้นไม่ได้หันไปมองข้อดี หรือผลดีที่ได้เรียนรู้และใช้เทคโนโลยีในทางที่ถูกที่ควร ดิฉันคิดว่าผู้ปกครองควรจะหันมาใส่ใจในเทคโนโลยีที่เด็กควรจะได้เรียนรู้ให้มากขึ้น และควรให้ความรู้เรื่องโทษภัย ที่จะส่งผลเสียต่อตัวเองของการใช้เทคโนโลยีในทางที่ผิดกับเด็กด้วย
ดิฉันเห็นด้วยในการส่งเสริมให้ประสบการณ์เด็กด้วยการใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ทั้งการชิม การฟัง การดู การดม และการสัมผัส พร้อมทั้งการที่ให้เด็กได้กระทำด้วยตนเอง ได้ตัดสินใจ มีการลองผิดลองถูก จนเกิดเป็นองค์ความรู้ตนเอง รู้จักการแก้ปัญหา โดยมีผู้ปกครองคอยดูแล แต่ไม่ใช้ผู้ปกครองเป็นผู้คิดแทน ทำแทนทุกอย่าง ซึ่งจะส่งผลเสียให้กับเด็กในอนาคต เทคโนโลยีเป็นสิ่งที่ดีถ้าบุคคลที่ใช้มีพื้นฐานพัฒนาการและวุฒิภาวะเหมาะสมกับเทคโนโลยีนั้น ซึ่งปัจจุบันเทคโนโลยีไร้ขอบเขต มีทั้งสิ่งดี และไม่ดี หากเรายังไม่เห็นความสำคัญในการพัฒนาทักษะพื้นฐานของเด็กด้วยความเอาใจใส่ของผู้ปกครอง ตามที่ท่านอาจารย์ดารารัตน์ได้กล่าวไว้ และปล่อยให้เด็กเสพสิ่งที่ปรุงแต่งโดยที่ผู้ปกครองไม่สามารถกลั่นกรองได้ เช่นการปล่อยให้เด็กดูทีวี เล่นเกม เพื่อความสนุกอย่างเดียว เลียนแบบสิ่งต่างๆโดยไม่ได้คิดเอง ผลที่เกิดขึ้นเด็กจึงไม่ได้ฝึกทักษะกระบวนคิดและเกิดเป็นปัญหาขัดขว้างการเรียนรู้ของเด็กต่อไป
ดิฉันคิดว่าการให้เด็กได้เรียนรู้จากการดูโทรทัศน์ เล่นเกมส์หรือสื่อต่าง ๆ นั้น คิดว่าเป็นอีกทางที่ดีในการพัฒนาการเรียนรู้ เพราะสมัยนี้เทคโนโลยีเข้ามาเร็วเหลือเกินแต่ต้องมีผู้ปกครองคอยให้คำแนะนำการดูโทรทัศน์และควบคุมการเล่นเกมส์เพื่อไม่ให้เด็กจมปรักกับสื่อมากเหินไป เพราะสื่อโทรทัศน์และเกมส์ตอนนี้ก็มีทั้งโทษและประโยชน์ ดิฉันคิดว่าผู้ปกครองควรจะหันมาใส้ใจเทตโนโลยีให้มากกว่านี้ เพื่อจะได้ให้ความรู้กับลูกหลาน
ดิฉันเห็นด้วย การให้เด็กมีประสบการณ์ด้วยการใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 โดนต่องมีคนดูแลใกล้ชิด จะได้คอยดูแลในขณะที่เด็กเล่นนั้น ขณะที่เด็กเรียนรู้ด้วยตนเอง ลองผิดลองถูก ทำให้เด็กเกิดการเรียน เกิดทักษะด้านต่าง ๆ แต่ผู้ดูแลหรือผู้ปกครองไม่ควรจะจัดหรือกำหนดกิจกรรมให้เด็กทำมากกว่าการเล่นด้วยยอิสระ จึงส่งผลเสยต่อเด็กในอนาคต ปัจจุบันเทคโนโลยีไร้พรมแดน จึงไม่สามารถปิดกั้นความอยากรู้อยากเห็นของเด็กด้ ผู้ปกครองควรให้คำแนะนำหรืออธิบายให้เด็กถึงประโยชน์และโทษในการดูโทรทัศน์และการเล่นเกมส์กับตัวเด็กด้วย
ดิฉันเห็นด้วย การให้เด็กมีประสบการณ์ด้วยการใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 โดยต้องมีคนดูแลใกล้ชิด จะได้คอยดูแลในขณะที่เด็กเล่นนั้น ขณะที่เด็กเรียนรู้ด้วยตนเอง ลองผิดลองถูก ทำให้เด็กเกิดการเรียน เกิดทักษะด้านต่าง ๆ แต่ผู้ดูแลหรือผู้ปกครองไม่ควรจะจัดหรือกำหนดกิจกรรมให้เด็กทำมากกว่าการเล่นด้วยยอิสระ จึงส่งผลเสยต่อเด็กในอนาคต ปัจจุบันเทคโนโลยีไร้พรมแดน จึงไม่สามารถปิดกั้นความอยากรู้อยากเห็นของเด็กด้ ผู้ปกครองควรให้คำแนะนำหรืออธิบายให้เด็กถึงประโยชน์และโทษในการดูโทรทัศน์และการเล่นเกมส์กับตัวเด็กด้วย
โทรทัศน์และเกมจัดเป็นสื่อการเรียนรู้ที่ดีและมีประโยชน์ ถ้าสามารถนำไปใช้ได้อย่างถูกต้อง คือต้องใช้ให้พอเหมาะ และถูกหลัก และอยู่ในความควบคุมของผู้ปกครองหรือครู ไม่ปล่อยให้เด็กใช้ตามลำพัง มีการแนะนำเด็กถึงสิ่งที่ควรและไม่ควร และแนะนำให้นำไปใช้อย่างเหมาะสม
ดิฉันเห็นด้วยที่ให้เด็กมีประสบการณ์โดยการใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 พร้อมทั้งให้เด็กกระทำด้วยตนเอง เพราะเป็นการส่งเสริมให้เด็กมีการคิดวิเคราะห์ได้ มากกว่าการดูโทรทัศน์และการเล่นเกม
ดิฉันเห็นด้วย ในการที่ให้เด็กมีประสบการณ์โดยใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 พร้อมให้ ผู้ปกครองได้มีการดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะนอกจากการให้เด็กได้เกิดการเรียนรู้ด้วยตนเองแล้วยังเป็นการส่งเสริมความผูกพันระหว่างเด็กและผู้ปกครองด้วย
ดิฉันเห็นด้วย การที่ให้เด็กมีประสบการณ์ทั้ง 5 โดยการที่มีผู้ดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะจะทำให้เด็กเกิดการพัฒนาทักษะในด้านต่างๆ ที่เกิดจากการเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง
ดิฉันเห็นด้วยอย่างยิ่ง