หากท่านใดสนใจศึกษาต่อ หรือมีผู้รู้จักซึ่งปรารถนาจะแนะนำให้ศึกษาต่อ มีเบอร์โทรติดต่อสอบถามตาม link ที่ให้ไว้ข้างบนนี้
ขอเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมรณรงค์ส่งเสริมให้มีการศึกษาแบบบูรณาการศาสตร์เพื่อให้เกิดแนวทางเลือกใหม่ของวงการศึกษาและเพื่อให้เกิดกระบวนการสร้างสรรค์งานวิจัยเชิงบูรณาการในสังคมไทยอย่างแพร่หลาย
ทั้งนี้ แม้ว่าเป็นการศึกษาเชิงลึกระดับปริญญาเอกเฉพาะศาสตร์ใดศาสตร์หนึ่ง ก็สามารถนำแนวทางหรือหลักคิดของการศึกษาแบบบูรณาการศาสตร์ไปประยุกต์ใช้กับศาสตร์เฉพาะทางของตนได้
ขอบพระคุณท่านอาจารย์ ดร. ภิญโญมากค่ะที่สนใจหลักสูตรนี้
ขอตอบคำถามเกี่ยวกับประเด็นที่มักมีคำถามนี้เกิดขึ้นบ่อย ๆ ที่ว่า "หากเรามีความรู้หลาย ๆ ศาสตร์เท่ากับเราไม่เชี่ยวชาญเฉพาะทางหรือเปล่า ทำไมไม่รู้แบบเจาะลึกไปศาสตร์เดียว จะดีกว่าไหม" (ฝากคำตอบต่อไปนี้ไว้นะคะ เผื่อมีผู้อ่านแวะมาเยือนบันทึกของท่าน จะได้เป็นการลปรรร่วมกัน แต่เชื่อว่าท่านอาจารย์คงทราบคำตอบดีอยู่แล้วแน่นอนค่ะ ดูจากวิสัยทัศน์ที่คมชัดลึกของท่าน ชื่นชมจริงๆ)
จากประสบการณ์ที่เรียนปริญญาโท มาแล้ว 3 ใบ กล่าวได้ว่าปริญญาโท คือการเรียนรู้แบบเจาะลึกของศาสตร์เฉพาะทางนั้นแล้ว และเมื่อเราเข้าใจปรัชญาแห่งแต่ละศาสตร์ เราจะค้นพบว่ามีแก่นแท้ที่สามารถเชื่อมโยงซึ่งกันและกันอย่างเป็นเนื้อเดียวกันได้ นั่นคือเทคนิคการเรียนรู้วิธีการเรียนรู้ที่จะเชื่อมโยงศาสตร์ต่าง ๆ เข้าหากันได้อย่างแนบเนียน
หลักสูตรป.เอกสหวิทยาการ เป็นหลักสูตรที่จะสอนให้เข้าใจปรัชญาแห่งศาสตร์ในโลกมนุษย์ ได้แก่ ปรัชญาวิทยาศาสตร์ ปรัชญากฎหมาย ปรัชญารัฐศาสตร์ ปรัชญาสังคมศาสตร์ ปรัชญาพฤติกรรมศาสตร์ ฯลฯ เมื่อเราเรียนรู้แบบเข้าถึงในปรัชญาแห่งศาสตร์ต่าง ๆ เราจะค้นพบว่าเราจะจับหลักของศาสตร์แต่ละศาสตร์มาเชื่อมโยงเข้าด้วยกันอย่างไร นั่นคือกระบวนการวิจัยแบบบูรณาการศาสตร์
เมื่อถึงขั้นตอนการบูรณาการศาสตร์ แทนที่เราจะลงลึกเพียงศาสตร์เดียวเฉพาะทาง เราก็จะลงลึกถึงแก่นแท้เกี่ยวกับทุกศาสตร์ที่เกี่ยวข้องได้หมด และเมื่อเรามองเห็นประเด็น ปรากฎการณ์ใดๆที่เกิดขั้นในสังคม เราก็จะสามารถมีดวงตาแบบตาข่ายที่จะดักจับเชิงวิเคราะห์ สังเคราะห์ทุกอย่างเข้าด้วยกันและมีความคิดแบบ original idea ในแบบฉบับของเราเอง โดยไม่มีปัญหาเกี่ยวกับ plagiarism อีกต่อไป ซึ่งหลัง ๆ มานี้มักได้ยินข่าวงานวิจัยที่ลอกเลียนแบบกันเยอะแยะ เนื่องจากผู้ศึกษาวิจัยเรียนรู้เฉพาะทางอาจจจะตันและนึกไม่ออกว่าจะไปทางไหนดี ก็จะนำงานวิจัยเก่า ๆ หรือของผู้อื่นมาโดยอาจจะไม่ได้ตั้งใจหรือตั้งใจก็ดีแต่เพื่อจะเรียนให้จบมากกว่าจะเพื่อให้เกิดการสร้างสรรค์คุณค่าของงานแก่สังคมไทย
ตามความเข้าใจส่วนตัว การศึกษาในบางศาสตร์ที่เจาะลึกเฉพาะศาสตร์เดียวน่าจะเหมาะกับศาสตร์ที่ไม่มีลักษณะ dynamic (พลวัต) มากนัก แต่ถ้าเป็นศาสตร์สังคมศาสตร์ พฤติกรรมศาสตร์ รัฐศาสตร์ บริหาร แม้กระทั่งกฎหมายเองก็ยังต้องอยู่บนพื้นฐานของสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาดังนั้นการเรียนรู้วิธีการบูรณาการศาสตร์จะช่วยให้เกิดการต่อยอดความคิดระหว่างศาสตร์อย่างมีคุณค่ามหาศาลค่ะ
ขอกราบขอบพระคุณอีกครั้งที่ท่านสนใจศาสตร์ทางเลือกใหม่นี้ค่ะ
เจตนารมณ์ที่ตั้งใจจะทำจากนี้ไป คือเมื่อเริ่มเข้าสู่กระบวนการศึกษาที่จะถึงในอีกไม่นานนี้ ก็จะนำความรู้ปรัชญาศาสตร์ต่าง ๆ ที่เรียนใน coursework มาเผยแพร่แลกเปลี่ยนเรียนรู้ไปด้วยกันค่ะ
ดีมากครับ ขอบคุณมากครับ
มาชม
น่าสนใจเรียนรู้นะครับ
ความรู้ไม่มีวันเรียนจบ เพราะความรู้งอกออกไปได้เสมอ...นะครับผม.
สวัสดีค่ะ
สวัสดีค่ะ
* ครูใจดีก็จบ ป.ตรี มสธ. เพราะสอบเป็นครู ตอน ปกศ.สูง ชอบตำราของ มสธ.ค่ะ
* อยากเรียน ป.เอก นะคะ แต่คงต้องจัดสรรเวลาให้ลงตัวก่อน เพราะจบ โท มาหลายปีแล้ว
* ขอบคุณข้อมูลดีๆ และเป็นประโยชน์มากค่ะ
ตามคุณครูใจดี มาเยี่ยมคุณsila นะครับ
ศาสตร์ทุกศาสตร์ ตำราทุกเล่ม ...หากได้เรียนรู้แล้ว นำไปใช้ ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมและตนเอง...เป็นสิ่งที่ทรงค่านะครับคุณ sila
ผมมองครับว่า...ความรู้ที่มีอยู่ในตัวคุณ sila นี่แหละคือศาสตร์ชั้นดี
มาเยี่ยม..ด้วยความระลึกถึง ครับ
สวัสดีค่ะ
สวัสดีค่ะ
สวัสดีค่ะคุณศิลา
แวะมาทักทายค่ะ
ปีใหม่ไทย คงได้พักผ่อนบ้างนะคะ
(^___^)
เข้าไปอ่านแล้วอยากเรียนมากๆคะ กำลังหาทางอยู่คะ
ในความคิดของดิชั้น ศาสตร์เหล่านี้จะนำไปสู่ความรู้ใหม่....
เสียดายไม่มีประยุกต์ศาสตร์