สวัสดีค่ะอ.หมอ
อ่านบันทึกนี้แล้วทำให้ได้ความรู้เกี่ยวกับการฝึกดูกายดูจิตหลายเรื่องราวค่ะ
ส่วนตัวไม่เคยไปสวนสันติธรรม ได้แต่อ่านหนังสือของท่าน ... ซึ่งก็ได้ทราบว่า ไม่ทำให้เกิดสัมมาสมาธิ เพราะเป็นเรื่องของ "การคิด"
ขอบพระคุณอาจารย์ค่ะ
(^___^)
ขอบคุณ คนไม่มีรากเข้ามาทักทายค่ะ
สิ่งที่เขียนก็เล่าไปตามที่คิดและจำได้ แต่ไม่มีเวลาไปตรวจสอบความถูกต้องทางปริยัติค่ะ
ทางปริยัติ หมอใช้หนังสือของ อจ.นพ. สมพนธ์ บุณยคุปต์ ผอ. โรงพยาบาลวิชัยยุทธ์ เขียนในหนังสือ พุทธศาสนา สัจธรรมแห่งชีวิตที่ปัญญาชนควรรู้ หมอซื้อแจกลูกน้องไปหลายสิบเล่มเพราะชอบมากเนื่องจากอ่านหนังสือพุทธธรรม เข้าใจยากและต้องใช้เวลามากค่ะ ส่วนหนังสือหลวงพ่อปราโมทย์ต้องฝึกปฏิบัติแล้วไปอ่านจะเข้าใจมากขึ้นค่ะ
พอหัดฝึกสติทำให้รุ้นิสัยที่ดีและไม่ดีของตัวเองมากขึ้นค่ะ ทำให้มานะน้อยลงค่ะ
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณ ครูคิมที่มาเยี่ยมค่ะ
หมอจะร่วมทำบุญด้วยนะคะ แต่อาจจะไม่สดวกที่จะไปร่วมงานเพราะยังมีเวลาน้อยค่ะ
อนุโมทนาบุญที่ครูคิมได้อุทิศให้สังคมเสมอมานะคะ
จะติดตามผลงานตามเวลาที่พอมีค่ะ
ให้กำลังใจเสมอค่ะ
สวัสดีค่ะคุณพี่หมอพ.ญ. อัจฉรา เชาวะวณิช
ขอบคุณอจ.ขจิตที่แวะมาทักทายค่ะ
หัดรู้หัดดูเท่าที่ทำได้ค่ะ
หลวงพ่อท่านว่าคนมีอายุ สอนยากเพราะหลงง่ายค่ะ
สวัสดีค่ะคุณหมอ
สนใจเรื่อง การเตรียมตัวก่อนตายค่ะ แล้วคุณหมอเอามาเล่าในblog นะคะจะคอยติดตามค่ะ
ครูเตือนมีธรรมะมาแลกเปลี่ยน เรียนรู้ค่ะ
ธรรมะจากหลวงพ่อสนอง .."คนมีธรรมะ คือ คนที่รู้ว่าตัวเองโกรธ และเลี่ยงความโกรธได้...คนมีธรรมะ คือคนที่ รู้ว่าตัวเองโลภ และพยายามตัดความโลภได้..เช่น
ซื้อหวยหลัก สิบ หลักร้อย เพื่อหวังจะถูกหวย เป็น พันเป็นหมื่น ก็เพราะโลภ ทั้งๆที่เข้าวัดเป็นประจำ หากยังซื้อหวยอยู่ก็แปลว่า ยังโลภอยู่....." คนเช่นนี้ไม่ถือว่ามีธรรมะ
ขอบคุณครูเตือนที่นำธรรมะมาฝากกันค่ะ
คนเรา รู้ทุกอย่างแต่ทำไม่ได้เพราะขาดสติและไม่มีศีลกำกับ
การเข้าวัดก็ไม่ประกันว่าจะเกิดปัญญา คงต้องพยายามรักษาศีลและฝึกสติในชีวิตประจำวัน พอมีปัญญา โกรธและโลภคงน้อยลงเองค่ะ
กาย จิต สังคม หากไปด้วยกัน ก็ สุดเยี่ยมเลยท่านพี่ จะได้ไม่เหวง นิ
พยายามให้ไปด้วยกัน ทั้ง กาย จิต สังคมค่ะ
แต่มันก็ ไม่ค่อยได้ค่ะ โหวงบ้างเหวงบ้างตามกิเลส
ขอบคุณอาจารย์ JJ ที่มาเยี่ยมค่ะ
ขอบคุณอ.หมอค่ะ
ให้มุมคิดดีจังเลย
ขออนุญาตแลกเปลี่ยนนะคะ
เมื่อนึกถึงว่าเกิดมามีอะไรม เกิดตัวเปล่า คนเดียว
เพราะเคยมีกรรมร่วมกันมา
เมื่อเติบโตตามอายุกิเลสแทรกซึมทุกลมหายใจ
เพราะไม่รู้จริง จึงปล่อยให้มันเกิด คิดว่าสุข
นานวันอัตตาหนาขึ้น มานะก็แรง
อัตตายังพอคุมได้ ขจัดได้
ด้วยฝึกเห็นความสำคัญของผู้อื่นบ่อยๆ
แต่มานะนี่ยากจริงๆ ตัดไม่ขาด มันมักแอบมาให้ผยอง
กว่าจะได้สติ ก็สายไปแล้ว ตามมันไม่ค่อยจะทันค่ะ
ไม่ทราบว่าเพราะวาสนาเก่ามันแรงหรือไง
จึงอยากหาโอกาสไปเรียนรู้ชีวิตก่อนตาย
บางทีอาจช่วยให้มานะอ่อนตัวลง
ขอบคุณค่ะ
สวัสดี ครับ คุณหมออัจฉรา
ผมอ่านบันทึกของคุณหมอแล้ว...ทำให้สัมผัสจิตวิญญาณของความจริงแท้แน่นอน
...
จิตก่อนตาย ก่อนเกิด การทำอย่างไรจะตายโดยไม่ทุกข์
ในระยะหลังๆพอดูจิตดูกาย ทำให้นึกถีงช่วงที่เราต้องตายคนเดียว เอาอะไรติดตัวไปไม่ได้...
..
พระป๋อง ...ท่านบวชนานมากเลย นะครับคุณหมอ
ทุกครั้งที่คุณหมอเล่าเรื่องของท่าน ...ผมก็พลอยรู้สึกอิ่มในบุญในกุศลไปด้วย
....
เข้ามากราบสวัสดี คุณหมอ ด้วยความรักและเคารพ ครับ
สวัสดีค่ะ ครูต้อยติ่ง
ขอบคุณที่มาเยี่ยมและนำธรรมะมาฝากค่่ะ
มีเวลาจะแวะไปเยี่ยมนะคะ
ขยันดู ขยันรู้ ตามจริตที่เป็นไปตามธรรมชาตินะคะ
อนุโมทนาด้วยค่ะ
สวัสดีค่ะ คุณแสง
ขอบคุณที่มาเยี่ยมค่ะ
พระยังไม่สึกค่ะ
หมอพยายามฝึกสติเพราะรู้สึกช่วงเวลาเรามีน้อย แต่ไม่ค่อยพัฒนาเพราะรู้สึกยังหลงกับโลกมาก ผิดศีลบ่อยๆโดยเฉพาะข้อ 4 ค่ะ การดูจิต ดูกายก็หลงนาน
ติดตามงานคุณแสงเท่าที่มีเวลาด้วยความชื่นชมค่ะ
สวัสดีค่ะคุณหมอ
น่าสนใจมากเลย คงต้องลองศึกษาดูบ้างแล้วค่ะ
ขอบคุณมากนะคะ