แด่พิมพ์จันทร์ My Best Friend



------- จดหมายดั้งเดิม --------
หัวข้อ: แด่พิมพ์จันทร์ My Best Friend
จาก :Apisit D" <[email protected]>
Date:  ศ., มีนาคม 19,2004  12:44 am
ถึง: ant3714@hotmail.........., antz_suttiwan@hot, ......................
..

หวัดดีครับ
        บอยได้เขียนอะไรต่างๆที่ได้รู้จักพิมพ์ พิมพ์เป็นเพื่อนที่ดีมากๆ
หาก มีเวลาลองอ่านดูนะ หาก mail ฉบับนี้รบกวนบอยต้องขอโทษด้วยนะครับ

บอย

ขอบ คุณครับ

> >  พิมพ์ เพื่อนรัก
> >
> >      พิมพ์จันทร์ หรือ พิมพ์ ชื่อนี้ได้ยินครั้งแรกเมื่อมีนาคม 39 เวลานั้น
> >  เราฝึกงานที่สถาบันวิจัยชีววิทยาและประมงทะเล ภูเก็ต นักศึกษาฝึกงาน
> > จาก มอ. มีเรา แจ๊บ และโจ เราฝึกในฝ่ายนิเวศวิทยา พวกเราฝึกงานกัน
> > ได้สักระยะหนึ่งแล้ว หลังจากนั้นได้ทราบข่าวจากพี่ๆในออฟฟิตว่าจะมีเด็ก
> > ภาควิชาชีววิทยา มข. มาฝึกงานที่นี่ 3 คน ช่วงบ่ายของวันหนึ่งขณะที่เรา
> > อยู่บริเวณบ่อเลี้ยงเต่าทะเลเราได้เห็นหนุ่มสาวกลุ่มหนึ่งเดินขึ้นมาที่ สถาบัน
> > พวกเค้ามีชาย 1 และ หญิง 2 คน สงสัยคงจะเป็นเด็ก มข.ที่จะมาฝึกงาน
> >เราเลยเข้าไปทักทายและแนะนำตัว ในกลุ่มของพวกเค้ามีต่อ อ้อม และ
> >พิมพ์ พิมพ์...ดูเป็นหญิงสาวที่ดูดี ห้าวนิดๆ ผมยาว ดูมีความมั่นใจและ
> >น่ารัก พวกเราพักที่หอเดียวกันโดยแยกส่วนชายหญิง
> >        หลังจากวันนั้น พวกเราก็ทำความรู้จักกัน โดยทำกิจกรรมต่างๆ
> >ร่วมกัน หลังเลิกฝึกงานช่วงเย็นกลุ่มของเราที่มาจาก มอ.ก็จะลงเล่นน้ำ
> >ทะเลบริเวณหัวสะพานท่าเรือในสถาบัน พวกเราจะดำแบบ Skin Diving
> >ส่วนเพื่อนจาก มข. ช่วงแรกก็ไม่ลงน้ำกับเรา หลังจากนั้น ต่อ
> >ซึ่งอยู่ใน กลุ่มของพิมพ์ก็ลงมาเล่นด้วย
> >เราไม่แน่ใจว่าอ้อมกับพิมพ์ว่ายน้ำเป็นไหม
> >พอสอบถามพิมพ์บอกว่าว่ายไม่เป็นเลยไม่ได้ลงเล่น หลังจากวันนั้นเราก็
> >ลองชวนเล่นน้ำและบอกว่าจะดูแลให้นะ พิมพฺ์ก็ไว้ใจเรา เราให้เค้าใส่ Mask
> >และ Snorkel และบอกให้เค้าทำตัวตามสบายและจับมือเราไว้ เราลากและ
> >จูงเค้าไปมาบนผิวน้ำ เพื่อให้เค้าได้เห็นสัตว์น้ำต่างๆที่อยู่ด้านล่าง
>ช่วง เวลา
> >ที่เราให้พิมพ์ได้เห็นสิ่งต่างๆเหล่านั้น
> เรารับได้ว่าเค้าเชื่อใจเรามากทั้งที่เค้า
> >ว่ายน้ำไม่เป็น
> นอกจากการลงน้ำยังมีกิจกรรมอีกอย่างที่ทำให้เรารู้ว่าพิมพ์
> >เป็นผู้หญิงที่ทำอาหารเก่งมาก หลังจากขึ้นจากทะเลเราและเพื่อนๆก็จะได้
> >ทานมื้อเย็นที่แสนอร่อย เราก็จะคอยช่วยเป็นลูกมือให้เค้าพิมพ์ทำอาหารได้
> >หลายอย่าง มีมื้อหนึ่งพิมพ์ทำต้มจืดหมูสับ
> และเมนูนั้นเองที่ทำให้เรารู้ว่าพี่
> >ชายเราคนหนึ่ง.. พี่ป้อม พี่เค้าไม่ทานหมู
> และยังมีกิจกรรมหนึ่งที่พวกเราได้
> >ทำคือ การเที่ยวรอบภูเก็ต โดยมีพี่ป้อม และพี่โจ้
> ซึ่งเวลานั้นพี่ทั้งสองเป็น
> >นักวิชาการที่นั่นพาเที่ยวและแนะนำสถานที่ต่างๆจำได้ว่าพวกเราไปที่
> >แหลมพรหมเทพดูพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าด้วยกัน ภาพถ่ายวันนั้นยังอยู่ในอัลบั้ม
> >ของเรา นอกจากนั้นพวกเราก็ออกไปทานอาหารในเมือง บางวันก็ไปดูหนังกัน
> >จำได้ว่า เคยดูหนังเรื่อง 12 Monkeys
> มีวันหนึ่งก่อนที่พิมพ์และเพื่อนๆของเค้า
> >จะลงเรือฝึกงาน พวกเราเลยตกลงกันว่าไปนั่งรถประจำทางเที่ยวหาดป่าตอง
> >กันเราไปกัน 4 คน วันนั้นสนุกมากๆและได้เก็บภาพที่พวกเราไปเที่ยวหาด
> >ป่าตองกัน
> หลังจากวันนั้นพิมพ์และเพื่อนๆเค้าก็ลงเรือส่วนเรายังอยู่ที่สถาบัน
> >อีกพักหนึ่งแล้วก็กลับบ้าน
> >        เราอยู่ที่ภูเก็ตประมาณเดือนครึ่ง เราได้อะไรหลายๆอย่างจากที่
> >นั่น และที่สำคัญเราได้มิตรภาพ จากพิมพ์ มิตรภาพนั้นยังคงอยู่ในใจตลอดเวลา
> >ถึงวันนี้และจะคงอยู่ตลอดไป พิมพ์เป็นเพื่อนที่ดีมากๆ
> เราได้รับแต่สิ่งดีๆจาก
> >เพื่อนคนนี้เสมอ หลายครั้งหลายคราวที่มีปัญหาเรามักจะคุยกับพิมพ์ พิมพ์ทำ
> >ให้เรารู้สึกสบายใจได้เสมอ และมักมีมุมมองที่ดีให้กับเรา
> พิมพ์เป็นเพื่อนที่เรา
>
> มีเวลาได้เจอและรู้จักน้อยมาก เพียงแค่เดือนครึ่งแต่เรากลับรู้สึกว่าพิมพ์เป็น
> >เพื่อนที่เรารักมาก เป็นเพื่อนที่ดีมากๆ
> หลังจากการฝึกงานครั้งนั้น เราไม่ได้
> >เจอเค้าอีกเลย แต่ยังติดต่อกัน ช่วงแรกๆก็เป็นการเขียน จม.เมื่อต้นเดือน
> >มกราคม 47นี้  เราจัดของแล้วก็เห็นซองสำหรับเก็บจม. เรายังเปิด จม.เหล่า
> >นั้นที่ได้จากพิมพ์ออกมาอ่านอยู่เลย หลังจากการติดต่อทาง จม. พวกเราก็ติด
> >ต่อทางโทรศัพท์ตลอดมา
> >        วันหนึ่งเมื่อเมษายน 45 เราได้รับสายจากเพื่อนคนนี้ เค้า
> >กำลังจะมีครอบครัว เค้าจะแต่งงานวันที่ 21 เมษายน เรารู้สึกยินดีกับเค้าที่
> >จะมีครอบครัวที่ดี มีใครมาดูแลเค้า เฮียเล้งเป็นคู่ชีวิตของพิมพ์
> >และเราก็ นับถือเฮียเล้งเหมือนพี่ชายคนหนึ่ง
> >เราเสียใจวันที่พิมพ์แต่งงานเราไม่
> >สามารถไปงานเค้าหลัง จากนั้นผ่านไปเราก็ยังติดต่อเพื่อนคนนี้เสมอๆ
> >ถามข่าวคราวว่าเพื่อนเป็นไงบ้าง และก็มักจะถามเค้าว่าเมื่อไหร่จะมี
> >หลานให้เราอุ้ม เค้าก็จะบอกว่ายังก่อน จนเมื่อกันยายน 45 ช่วงนั้น
> >เรามีปัญหาก็เลยติดต่อพิมพ์บ่อยมาก  จนพฤศจิกายน 45 เราก็ยังคุยกับ
> >พิมพ์เหมือนเดิมวันนั้นพิมพ์ไม่ว่างเลยเอามือถือให้น้องสาวคนหนึ่งใน
> >ออฟฟิตคุยกับเราแทน ทำให้เราได้รู้จักหนูน้อยคนหนึ่ง
> >        จากวันนั้นมาเรามีความสุข เราได้รับสิ่งที่มีค่าจากเพื่อน
> >ที่เรารัก เป็นเวลาปีกว่าที่เรามีความสุข เมื่อธันวาคม 46 พิมพ์ หนูน้อย
> >และเพื่อนๆของเค้าในออฟฟิตบอกว่าจะลงมาร่วมประชุมงานวันสิ่งแวด
> >ล้อมแห่งชาติ ซึ่งจัดโดยคณะการจัดการสิ่งแวดล้อมของ มอ. งานจัด
> >วันที่ 28 มกราคม 47 เราจึงได้จัดการจองห้องพักให้กับเค้า จนเมื่อ 27
> >มกราคม 47 ที่ผ่านมา หนูน้อยโทรบอกเราว่า
> >        "บ่าย 2 แล้วค่ะ กำลังจะออกจากมหาลัย เจอกันพรุ่งนี้นะค่ะ"
> >        เวลา 2 ทุ่ม เราก็โทรหาหนูน้อย ....เราไม่คิดว่าการโทร
> >ครั้งนั้นจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้ยินเสียงของพิมพ์ผ่านมือถือของหนู น้อย
> >ขณะนั้น เรานั่งทานข้าวกับพี่ป้อมเมื่อเราคุยกับหนูน้อยเสร็จ พี่ป้อมก็ขอ
> >เบอร์โทรพิมพ์จากเราแล้วก็โทรหาพิมพ์ หลังจากนั้นประมาณ 00.30 น.
> >ของวันที่ 28 หนูน้อยบอกว่าจะผ่าน อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร แล้วค่ะ เวลา
> >4.45 น. หนูน้อยโทรบอกว่าผ่านพัทลุงแล้ว เราก็ไปล้างหน้ากะว่าล้าง
> >เสร็จแล้วจะโทรบอกให้เจอจุดไหน แล้วจะได้นำทางไปที่พัก
> >เวลา 5.15 น. มีสายเข้าพอรับสาย เสียงหนูน้อยบอกว่า
> >        "พี่ค่ะ หนูถูกรถชนค่ะ หนูเจ็บ หนูเจ็บมากเลย..."
> >        สอบถามทราบว่าเกิดเหตุที่รัตภูมิ เรารบกวนให้พี่นก ซึ่ง
> >เป็นพี่ชายที่เรารักและเคารพมากๆ ช่วยพาไปจุดเกิดเหตุ พี่นกขับรถช้า
> >แต่เราไม่กล้าบอกให้เร่ง ตลอดเวลานั้นเราโทรไป 191 และทางหลวง
> >ให้เช็คจุดเกิดเหตุ และขอรถพยาบาล ระหว่างทางเราโทรหาหนูน้อย
> >        "หนูเป็นไงบ้างค่ะ"
> >        "เจ็บหลังมากๆค่ะ ขยับไม่ได้ หนูตกจากเก้าอี้"
> >        เราออกมาจากตัวเมืองได้ประมาณ 10 กม. ก็โทรไปหา
> >หนูน้อยอีก คราวนี้เมื่อสัญญาณติด หนูน้อยเค้าไม่ได้คุยกับเรา แต่ว่า
> >เสียงของเค้าดังผ่านมือถือมา สิ่งที่เราได้ยิน
> >        "พี่หนูเจ็บหลัง โอ๊ย โอ๊ย"
> >        หนูน้อยเค้าคงเจ็บมากและคงบอกเจ้าหน้าที่ที่กำลังช่วย
> >เหลือเค้าอยู่ นอกจากเสียงหนูน้อยแล้ว ก็ได้ยินเสียงคนอื่นๆในรถร้องบอก
> >ให้ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วยค่ะ และก็มีเสียงเหมือนเครื่องงัดเหล็กดังตลอด
> >เวลา เรานั่งมือสั่นอยู่ในรถ และเอามือถือแนบหูพี่นก
> >        "พี่นก พี่ได้ยินเสียงพวกเค้าร้องอยู่ในรถไหม"
> >        "อืม"
> >        หลังจาพี่นกตอบเรา สีหน้าพี่เค้านิ่ง แต่มือเราสั่นตลอด
> >เวลา ต้องเอามือทั้งสองมารวบกำไว้ด้วยกัน สิ่งเดียวที่เราทำได้ ณ
> >เวลานั้นคือ การไหว้พระ
> >        "ขอร้องละครับ ขอให้พวกเค้าปลอดภัยนะครับ อย่าให้มี
> >            อันตรายที่ร้ายแรง อย่าให้ขาของหนูน้อยเป็นอะไรเลย"
> >        ที่ขออย่างนั้นเพราะเราได้ยินเสียงการงัดเหล็กดังตลอด
> >เวลาที่เราโทรไปหาหนูน้อย เราไปถึงจุดเกิดเหตุประมาณ 6 โมงกว่าๆ
> >จุดเกิดเหตุห่างจากตัวเมืองหาดใหญ่เพียง 24 กม. ณ จุดนั้นเราเห็นรถ
> >ตู้คันหนึ่งจอดห่างจากสี่แยกคูหา อ.รัตภูมิ จ.สงขลา ประมาณ 400 ม.
> >รถตู้นั้นจอดหน้าปั้มน้ำมันเชลล์ สภาพรถตู้คันนั้นส่วนของห้องคนขับยับ
> >ความกว้างของห้องคนขับไม่น่าเกินฟุตครึ่ง เวลานั้นไม่มีใครอยู่ในรถ มี
> >ตำรวจและเจ้าหน้าที่อยู่ในบริเวณจุดเกิดเหตุหลายคน และได้แจ้งให้เรา
> >ทราบว่ารถตู้ชนท้ายรถสิบล้อที่กำลังออกจากปั้มน้ำมันแล้วสิบล้อได้หนีไป
> > สำหรับผู้ประสบอุบัติเหตุ ถูกเคลื่อนย้ายไปยัง รพ.รัตภูมิ ซึ่งห่าง
> >จากจุดเกิดเหตุประมาณ 3 กม. เมื่อไปถึง รพ.เราหาหนูน้อยและพิมพ์
> >ส่วนคนอื่นๆเราไม่รู้จักหน้าตา เราทราบว่าในคณะเดินทางประกอบด้วย
> >พนักงานขับรถ 1 คน อาจารย์สาวจากภาควิชาชีววิทยา ม.มหาสารคาม
> >5 คน ในห้องอุบัติเหตุเราพบผู้ป่วยนอนบนเตียง 3 คน เราเห็นหญิงสาว
> >คนหนึ่ง กระดูกข้อเท้าซ้ายหลุด คงจะเจ็บมาก ได้สอบถาม
> >            "ไม่ทราบว่าชื่ออะไรครับ"
> >        "อ้อม ค่ะ"
> >        เมื่อมองไปเตียงด้านข้างเราพบผู้ประสบเหตุรายหนึ่งอยู่ใน
> >สภาพอาการตกใจ แววตาดูตกใจ เธอเป็นคนผิวขาว ผมยาวหยิกเล็กน้อย
> >พยาบาลพยายามถามชื่อเธอ แต่เธอก็ไม่ได้ตอบอะไร มีเพียงเสียง อืม...
> >ออกมาจากปากเธอ เราเห็นแล้วรู้สึกตื้อ พูดอะไรไม่ออกเลย ส่วนผู้ป่วยราย
> >ที่สามมีผ้าปิดหน้าเปิดเฉพาะส่วนที่กำลังได้รับการเย็บแผล เราคิดว่าน่าจะ
> >เป็นพิมพ์นะ เราเองก็ไม่ได้เจอพิมพ์ 8 ปีแล้ว เลยไม่แน่ใจนักจะสอบถามก็
> >ลำบากและจะไปเกะกะเจ้าหน้าที่เค้า เวลานั้นเรายังไม่พบหนูน้อย ยิ่งเป็น
> >ห่วงมากๆ จากนั้นเราได้ยินพยาบาลคุยกันว่า Dead 2  เรารีบถามพวกเค้า ว่า
> >ใคร  Dead ครับ เค้าว่าคนขับกับผู้หญิง  เราถามว่า
> >        "ไม่ทราบว่า ผู้หญิงมีลักษณะอย่างไร ตัวเล็กๆ ผิวขาว ผมสั้น
> >                ใส่แว่นไหมครับ"
> >        "ไม่ค่ะ เป็นผู้ใหญ่ค่ะ"
> >        "แล้วไม่ทราบว่า ผู้ประสบอุบัติเหตุรายอื่นละครับ"
> >        "ยังมีอีกราย เป็นเด็กผู้หญิงอยู่ในห้อง X-ray"
> >        "รบกวนช่วยออกไปรอด้านนอกก่อนนะค่ะ"
> >        เราเดินออกจากห้องอุบัติเหตุด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูกเลย
> >แล้วก็เดินไปห้อง X-ray ประตูห้องยังปิดอยู่
> แล้วก็มีเจ้าหน้าที่กู้ภัยแจ้งกับ
> >เราว่าสองศพอยู่ห้องข้างๆห้อง X-ray  เรารีบไปดู เห็นศพของพนักงานขับรถ
> >พี่เป้เป็นชายร่างใหญ่นอนอยู่นอนเตียงไม่มีผ้าปิด
> >เจ้าหน้าที่แจ้งว่าคนขับมา เสียหลังเคลื่อนย้ายจากจุดเกิดเหตุ
> >ส่วนอีกศพวางอยู่ที่พื้นห้องมีผ้าขาว คลุมร่างอยู่
> >เจ้าหน้าที่เปิดผ้าคลุมหน้าศพถึงประมาณช่วงหน้าอก ภายใต้ผ้า
> >ขาวผืนนั้นเราเห็นร่างของหญิงสาวคนหนึ่งที่มีเค้าโครงเดิมอยู่
> >แม้ว่าเค้าจะดู
> >เปลี่ยนไป ดูท้วมขึ้น แต่ใช่พิมพ์เพื่อนของเราแน่นอน
> สภาพของเพื่อนอยู่ใน
> >เสื้อสีดำนอนกับพื้นใบหน้าหันไปทางซ้ายเห็นดวงตาและริมฝีปากเปิดเล็ก น้อย
> > ณ เวลานั้น เราพูดไม่ออก เราเดินออกมาจากห้องนั้น ขณะนั้นพี่
> >นกพี่ชายที่พาเรามา ณ จุดนั้นยืนอยู่หน้าห้อง เราเดินเข้าไปกอดพี่นก
> >น้ำตา เราไหลออกมา ไม่รู้ว่าน้ำตามาจากไหน พี่นกถามว่า
> >        "บอย เค้าเป็นใคร"
> >        "พี่นกครับ พิมพ์ครับ  เพื่อนที่บอยรักมากๆ เลยครับ เค้าเสียแล้ว
> >        ครับพี่ เจ้าหน้าที่บอกบอยว่าพิมพ์เสียที่จุดเกิดเหตุเลยครับ"
> >
> >        "พี่ครับบอยจะมารับเพื่อน น้องและทุกๆคนในคณะไปพักผ่อน
> >        ก่อนประชุมแล้วตอนเย็นจะพาทุกคนไปทานข้าวครับ ไม่ใช่มา
> >        รับเพื่อนสภาพนี้ครับ"
> >
> >        "พี่นก เพื่อนบอยเค้าเสียแล้ว"
> >        เวลานั้นน้ำตาเราไหลตลอดเวลา ขณะที่กอดพี่นกมีคนไข้และ
> >ญาติคนไข้ที่อยู่ ณ ที่นั้นต่างกันมามองเรา
> >พี่นกบอกกับเราว่าระหว่างทางที่
> >พี่ขับรถช้าเพราะพี่ไม่อยากให้บอยเห็นสภาพในขณะที่ทุกคนอยู่ในรถที่เกิด
> >เหตุเพราะกลัวเราจะตกใจและรับสภาพไม่ได้ เราคิดได้เพียงอย่างเดียว
> >นิสัยของพิมพ์เป็นคนที่ให้เกียรติกับคนทุกคน  และเพราะด้วยเหตุนี้พิมพ์จึง
> >นั่งด้านหน้าข้างคนขับรถ เพื่อที่จะเป็นเพื่อนคุยให้กับคนขับ
> เรารู้สึกตื้อมากๆ
> >        จากนั้นเราไปที่ห้อง X-Ray อีกครั้ง ประตูห้องกำลังเปิดออก
> >เราเห็นหนูน้อยนอนอยู่บนเตียงใส่เสื้อยืดตัวเล็กสีส้ม-เหลืองกับผ้านุ่ง สีขาว
> >ของ รพ. พอเจ้าหน้าที่เข็นออกมาเรารีบเข้าไปหาเค้าและจับมือเล็กๆนั่นไว้
> >        "พี่ หนูเจ็บค่ะ เจ็บหลังมากเลยค่ะ"
> >        "หนูจะเดินได้ไหม จะไปเรียนต่อได้ไหม"
> >        เราฟังแล้วพูดอะไรไม่ออก ได้แต่บอกว่า
> >        "หนูต้องเดินได้ และได้ไปเรียนต่อนะค่ะ เชื่อพี่นะค่ะ"
> >        ได้สอบถามหมอว่าอาการของหนูน้อยเป็นไง ได้ความว่ากระดูกสัน
> >หลังแตก จากนั้นประมาณ 7 น. เราก็โทรติดต่อพี่แม็ก พี่เค้าเป็นพยาบาลที่
> >มอ. และเป็นภรรยาของ อ.ศุภกฤกษ์ ที่ภาควิชา
> >เรารบกวนให้พี่แม็กติดต่อย้ายผู้ประสบเหตุทั้งหมดเข้า รพ.มอ.
> >แต่มีการติดขัดกับทาง รพ.รัตภูมิ ทางรัตภูมิ
> >แจ้งว่าทาง มอ.ไม่สามารถรับได้เนื่องจากอุปกรณ์สำหรับการรักษากระดูกไม่
> >เพียงพอ
> >ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ น่าจะมีเหตุผลอื่นที่ทำให้ทางรัตภูมิไม่ยอมให้
> >ย้ายเข้า มอ. เราให้พี่แม็กคุยกับหมอที่รัตภูมิโดยตรง
> หมอที่รัตภูมิก็บอกว่าไม่
> >ได้ต้องพาเข้า รพ.หาดใหญ่
> เมื่อเราคุยกับพี่นกซึ่งพี่เค้าอยู่หน่วยงานสาธารณสุข
> >พี่เค้าบอกกับเราว่าเพราะ รพ.รัตภูมิเป็นหน่วยงานของกระทรวง แต่ รพ.มอ.
> >เป็นของทบวงเลยมีปัญหาการเคลื่อนย้าย เราได้ฝากกระเป๋าใส่ของต่างๆของ
> >หนูน้อยและกางเกงยีนส์ที่มีรอยเลือดของหนูน้อยไว้กับพี่นก
> จากนั้นเราก็ย้าย
> >พี่อ้อมและหนูน้อยไป รพ.หาดใหญ่  หนูน้อยเจ็บหลังมากๆ เพียงรถพยาบาล
> >กระแทกนิดเดียวก็ร้องลั่น เราต้องเอามือกดบริเวณลำตัวหนูน้อยให้แนบกับ
> >อุปกรณ์เคลื่อนย้ายเพื่อลดแรงสั่นสะเทือน
> >ส่วนพี่อ้อมที่อยู่ข้างๆเองก็เจ็บ ข้อเท้า
> >สำหรับคนไข้อีกสองคนยังอยู่ที่ รพ.รัตภูมิ เนื่องจากรถพยาบาล
> >สำหรับเคลื่อนย้ายไม่เพียงพอ
> >        พี่นกขับรถถึง รพ.หาดใหญ่พร้อมกับรถพยาบาล แล้วเราก็จัดการ
> >เรื่องเอกสารการเข้ารับการรักษาของคนทั้งสอง เมื่อหมอห้องอุบัติเหตุตรวจ
> >อาการแล้ว ก็จัดการส่งทั้งสองคนให้หมอประดิษฐ์เป็นเจ้าของไข้สำหรับผู้
> >ประสบเหตุอีก 2 คนเคลื่อนย้ายตามมาภายหลัง ระหว่างที่หนูน้อยและพี่อ้อม
> >อยู่ในห้องอุบัติเหตุของ รพ.หาดใหญ่  เราได้โทรแจ้งให้ทางบ้านหนูน้อยทราบ
> >ข่าว ส่วนครอบครัวของพิมพ์เราไม่กล้าที่จะโทรไปบอกคนในครอบครัวเค้า เรา
> >จึงโทรหาน้องหมูที่ออฟฟิตของพวกเค้า แจ้งให้ทราบว่า รถที่เดินทางชน
> >ท้ายรถสิบล้อ ผู้ป่วยมีใครบ้าง และ
> >        "หมูค่ะ พี่พิมพ์เสียแล้วค่ะ" น้องหมูตกใจ เราได้ยินเสียงเค้าร้องไห้
> >        "ฮือๆ พี่พิมพ์เสียแล้ว"
> >        เราฟังแล้วก็พูดอะไรไม่ออก ช่วงเวลานั้น อ.เพ็ญใจ รองคณะบดี
> >การจัดการสิ่งแวดล้อมโทรหาเราถามว่า เหตุการณ์เป็นอย่างไร
> >สักพักหนึ่งผู้ป่วย รายที่อยู่ในอาการตกใจ ได้เคลื่อนย้ายมาถึง รพ.หาดใหญ่
> >ดูเธอยังอยู่ในอาการตกใจ เราสอบถามจากหนูน้อยจึงได้ทราบว่า เธอชื่อ อุ้ย
> >สำหรับผู้ประสบเหตุรายที่ได้ รับการเย็บแผลที่ใบหน้าได้ถูกย้ายเข้า รพ.มอ.
> >เธอชื่อหนูแอ้น
> >เราก็ไม่ทราบว่า
> >ทำไมไม่ย้ายเข้าที่เดียวกันให้หมด
 >เจ้าหน้าที่บางคนแจ้งว่า หนูแอ้นบาดเจ็บน้อย
> >กว่าคนอื่นเลยย้ายเข้า มอ.ได้  ทางด้านรพ.หาดใหญ่เมื่อหมอตรวจอาการของอุ้ย
> >เรียบร้อยแล้ว ได้แจ้งว่ากระดูกหน้าแข้งขวาแตก สะโพกขวาแตก ข้อศอกขวาแตก
> >พี่อ้อมและหนูน้อยถูกเคลื่อนย้ายเข้าหอผู้ป่วยข้อ และกระดูกหญิง
> >เพื่อรอเข้ารับการรักษา เมื่อหมอประดิษฐ์รับเป็นเจ้าของไข้ทั้งพี่อ้อมและหนูน้อยแล้ว
> >หมอประดิษฐ์ได้แจ้งว่า สำหรับหนูน้อย กระดูกสันหลังแตกบริเวณชิ้น L5 (Lamba 5)
> >จะต้องผ่า ตัดยึดกระดูก
> >เราเองยังไม่มั่นใจนักจึงพยายามสอบถามพี่ที่รู้จักที่ทำงานในนั้นว่า
> >หมอเป็นยังไงบ้าง พี่เค้าว่า ok เลย
> > แต่เราก็ยังพยายามติดต่ออาจารย์หมอไพโรจน์ ให้ดูอาการให้ก่อน
> > อาจารย์ไพโรจน์เองก็เป็นถึงนอง ผอ.รพ. การติดต่อจึงยากมาก
> >
> >เราพยายามขอเบอร์มือถืออาจารย์จนสามารถติดต่ออาจารย์เป็นการส่วนตัวได้ แฃะ
> >ได้เรียนอาจารย์หมอให้ทราบถึงอาการของคนไข้ และขอรบกวนอาจารย์หมอให้
> >ช่วยดูอาการคนไข้ แต่คงลำบากเลยต้องรบกวนให้ดูคนไข้อาการหนักที่สุด
> >ส่วน
> >เวลานั้นอุ้ยที่บาดเจ็บหลายที่ยังอยู่ในห้องอุบัติเหตุเลยรบกวนให้ อาจารย์หมอดู
> >อาการของหนูน้อยก่อน เพราะกระดูกสันหลังแตกอาการน่าเป็นห่วง อาจารย์ดูแล้ว
> >บอกว่าสภาพนี้หมอประดิษฐ์ดูแลได้
> >อาจารย์ไว้ใจหมอประดิษฐ์ เพราะเค้าทั้งสอง
> >เป็นหมอผ่าตัดกระดูกคู่กัน
> >สำหรับอุ้ยได้ย้ายเข้าห้องรวมภายหลังได้รับการตรวจ
> >เราได้คุยกับหมอเจ้าของไข้ของอุ้ย
> หมอแจ้งว่าปล่อยเวลาให้ผ่านไปไม่ได้เลยต้อง
> >รีบผ่าตัดให้เร็วที่สุดเพราะสภาพกระดูกสะโพกที่แตกค่อนข้างหนัก
> >หลังจากนั้นทุกคน
> >ก็เข้ารับการรักษา
> >        ช่วงเวลาที่ทุกคนอยู่ในห้องรวมแต่ละคนก็จะถามเราว่าพิมพ์เป็นไงบ้าง
> >เราพูดไม่ค่อยออก แต่อย่างไรก็ตามไม่อยากให้พวกเค้ารับทราบ ณ เวลานั้น
> >เพราะ อาจทำให้กำลังใจแต่ละคนทรุดลงได้ หนูน้อยได้พูดกับเราว่า
> >        "พี่ค่ะตอนอยู่ในรถหลังจากชน หนูเรียกพี่พิมพ์แล้วพี่พิมพ์ไม่ตอบค่ะ"
> >        "พี่พิมพ์กับพี่เป้เป็นไงบ้างค่ะ เจ็บมากไหม ตอนนี้อยู่ที่ไหน"
> >        "พี่พิมพ์กับพี่เป้ไม่เป็นไรค่ะ เจ็บนิดหน่อยเลยรักษาตัวอยู่ที่รพ.รัตภูมิ"
> >        นั่นคือประโยคที่เราคิดว่า เราคงบอกได้เพียงเท่านั้น หลังจากนั้นค่อยให้
> >ผู้ป่วยรับทราบภายหลังเองจะดีกว่า จากนั้นแต่ละคนก็เข้ารับการผ่าตัด พวกค้าได้
> >รับการรักษาได้ระยะหนึ่งก็กลับบ้านกัน
> >        นับจากวันนั้นจนเมื่อ ประมาณวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ช่วงเวลาเช้าวันนั้น
> >เราได้ฝันถึงเพื่อนที่เรารัก พิมพ์มาในฝัน
> >        "พิมพ์ พิมพ์เป็นไงบ้าง"
> >        "เราเจ็บนิดหน่อย ไม่มาก"
> >        ภาพของเพื่อนไม่แสดงอาการเจ็บแต่อย่างใด
> >        "เราฝากน้องด้วยนะ ดูแลน้องให้ดีนะ"
> >        "ถึงพิมพ์ไม่บอก เราก็ต้องดูแลเค้าอยู่แล้ว"
> >        การสนทนาหยุดเพียงแค่นั้นแล้วเธอก็จากไป  เราตื่นขึ้นมาดูเวลา
> >ประมาณ 6 โมงเช้ากว่าๆ เรานอนเปิดตาและก็ได้แต่พูดในใจว่า
> >พิมพ์ไม่เปลี่ยน ไปเลย นิสัยไม่ยอมบอกคนอื่น ไม่ยอมให้ใครมาห่วง
> >และก็ยังห่วงคนอื่นเสมอ เราเป็นคนหนึ่งที่สามารถสัมผัสอีกมิติหนึ่งได้
> มองเห็นในสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น
> >และก็เป็นมานานหลายปีแล้ว และเราก็เคยเล่าให้พิมพ์ฟังถึงการรับสัมผัสของ
> >เราได้ เราพบคนที่เสียชีวิตแล้วมากมาย
> >เราไม่เคยรู้จักพวกเค้าเลยแต่พวกเค้า กลับปรากฏให้เราเห็นนับครั้งไม่ถ้วน
> >เมือมีโอกาสเราจะทำบุญให้พวกเค้า แต่ทำ
> >ไมเพื่อนที่เรารักไม่ออกมาปรากฏต่อหน้าเรา มาเพียงในฝันเท่านั้น
> >
> นับจากวันที่
> >พิมพ์สิ้นลม สิ่งหนึ่งที่เราทำหลายครั้งหลายคราว เราพูดออกมาเสมอๆว่า
> >        "พิมพ์ ถ้าพิมพ์ยังอยู่ไม่ได้ไปไหน ออกมาให้เราพบได้ไหม พิมพ์ คน
> >        อื่นเราไม่รู้จัก เค้ากลับปรากฏให้เราเห็น พิมพ์ออกมาหน่อยนะ"
> >         แต่พิมพ์ก็ไม่ออกมาให้เราเห็น เค้าคงไปสู่ในที่ที่เค้าต้องไป
> >        เมื่อวันที่ 7มีนาคม เราได้โทรไปหาเฮียเล้งถามว่า เฮียเป็นไงมั่ง คุยกัน
> >ได้สักพัก เฮียถามเราว่า พิมพ์มาหาเราไหม เราก็บอกว่ามาและเล่าให้เฮียฟัง
> >และ ก็บอกเฮียว่า เค้าไม่เปลี่ยนไปเลย
> >        ถ้าหากก่อนหน้านี้เราไม่ได้บอกกับพิมพ์ประโยคหนึ่งเราคงรู้สึกเสียใจ
> >ตลอดเวลาที่ผ่านมา เรามักจะบอกกับพิมพ์เสมอๆว่า
> >        " พิมพ์ รู้ไหมว่าพิมพ์เป็นเพื่อนที่บอยรักมากๆเลยนะ"
> >        และพิมพ์ก็มักจะตอบกลับมาว่า
> >        "แกอย่ามาบอกชั้น เบื่อมีแต่คนบอกว่ารักชั้น"
> >        สิ่งใดที่พิมพ์ได้บอกกับเราไว้แม้ว่า พิมพ์จะไม่บอกเราก็ยังปฏิบัติเช่นนั้น
> >แม้วันนี้เราจะไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะดูแลได้ จากวันนี้ไปพิมพ์ก็ยังอยู่..
> พิมพ์ยังอยู่
> >ในใจเพื่อนคนนี้ตลอดไป ขอให้พิมพ์มีความสุขนะ สักวันเราคงได้พบกัน
> >
> รักเพื่อนเสมอ
> >                                                                                บอย
>
> >ภาพนี้ เป็นภาพสุดท้ายที่พิมพ์ส่งให้เราเมื่อปีที่แล้ว หลังจากที่พิมพ์ไปเรียนภาษา
> >
> >ต้องขออภัยที่เอ่ยชื่อหลายท่านโดยไม่ได้ขออนุญาติ
> เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้บอยได้
> >รู้จักมิตรใหม่ ยังห่วงใยทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์นั้น
> ขอให้ทุกคนหายในเร็ววันและ
> >กลับมาเดินได้ปกติ  อยากเห็นทุกคนยิ้มได้
> และขอกราบขอบพระคุณทุกๆคนที่ให้
> >ความช่วยเหลือบอยต่างๆนาๆในเหตุการครั้งนั้น







หมายเลขบันทึก: 359291เขียนเมื่อ 17 พฤษภาคม 2010 11:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:55 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท