03.00 น. ณ จุดรวมพลก่อนออกเดินทางจาก อำเภอพรเจริญ จังหวัดหนองคาย พวกเราขึ้นรถตู้ที่เช่าไว้สำหรับเดินทางไปจังหวัดมุกดาหารเพื่อไปขึ้นรถทัวร์ที่จะพาเดินทางไปเวียดนามกัน
ระหว่างที่นั่งในรถตู้ก็พากันร้องคาราโอเกะกันแทบไม่ได้นอนกันเลยก็ว่าได้ครับจนมาถึงที่หมาย...
อรุณสวัสดิ์ยามเช้า ณ จ. มุกดาหาร ไปทำธุระส่วนตัว พร้อมรับประทานอาหาร ณ ห้องอาหาร ของโรงแรมแกรนโฮเตล มุกดาหาร
เดินทางสู่ด่านตรวจคนเข้าเมืองไทย หลังผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง เดินทางข้ามสะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 2 สู่ ด่านสะหวันนะเขต (ประเทศลาว)
ขึ้นรถปรับอากาศเดินทางสู่ ด่านลาวบาว (ประเทศเวียดนาม) ระหว่างทางจะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ พร้อมรูปแบบศิลปะและวัฒนธรรมบ้านพี่เมืองน้องของไทยเรา
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านนางคำเหย
เดินทางถึง ด่านลาวบาว (ชายแดนเวียดนาม) ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง จากนั้นมุ่งหน้าสู่ นครเว้ เมืองหลวงแห่งสุดท้ายในระบบการปกครองแบบกษัตริย์ของเวียดนามและได้รับการยืนยันจากองค์การยูเนสโกประกาศขึ้นทะเบียน เมืองเว้ ให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมในปี ค.ศ. 1993 ด้วย เมื่อเดินทางถึงเมือง เว้
เดินทางสู่เจดีย์เทียนมู่ซึ่งตั้งอยู่บนฝั่งซ้ายของแม่น้ำหอม ประกอบด้วยหอคอย 8 เหลี่ยม 7 ชั้นแต่ละชั้นเป็นตัวแทนของชาติภพต่างๆ
ก็เข้าสู่โรงแรมที่พัก รับประทานอาหารค่ำที่ ภัตตาคาร ณ เมืองเว้ หลังอาหารก็พักผ่อนแล้วออกไปสำรวจเมืองยามค่ำคืนและ ช้อปปิ้งสินค้า
วันต่อมารับประทานอาหารเช้าที่ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้น ชมพระราชวังเว้ที่เก่าแก่และสวยงามตัวพระราชวังถูกสร้างขึ้นตามแบบแผนความเชื่อแบบจีนซึ่งได้รับอิทธิพลจากการอยู่ภายใต้การปกครองของจีนมาเป็นเวลาร่วมพันปี ตัวอาคารบางส่วนเป็นอาคารส่วนที่เหลือรอดมาจากการต่อสู้กันครั้งสำคัญระหว่างเวียดนามทั้งสองฝ่ายในสงครามเวียดนามปี ค.ศ. 1968ที่เรียกว่ากันว่า “สงครามตรุษญวณ”ผลจากการปะทะกันในครั้งนั้นทำให้เขตพระราชฐานชั้นในหรือเรียกว่า “นครต้องห้าม” ได้รับความเสียหายอย่างหนักนอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ ๆ จักรพรรดิเบ๋าได่ทำการมอบตราพระราชลัญจกรอันเปรียบเสมือนกับสัญลักษณ์แห่งพระราชอำนาจให้กับรัฐบาลสังคมนิยมเวียดนาม
จากนั้นก็ไปทานอาหารกลางวันแบบซีฟู๊ดที่ ภัตตาคารที่ชายหาดทะเลลังโก
ต่อมาออกเดินทาง สู่เมืองดานังต่อไปยังเมืองฮอยอันโดยการลอดอุโมงค์ไหวานยาว 6.3 ก.ม.เป็นอุโมงค์ที่ยาวที่สุดในแถบอินโดจีน ซึ่งรัฐบาลได้สร้างขึ้นเพื่อร่นระยะทางและเตรียมพร้อมสำหรับการเป็นศูนย์กลางทางการค้าในแถมเวียดนามกลางระหว่างทางแวะชมหมู่บ้านแกะสลักหินอ่อนหรือนองเหนือกเลือกซื้อผลิตภัณฑ์จากหินอ่อนนานาชนิดเป็นของฝาก
ต่อมาเที่ยวชมเมืองฮอยอันเมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรมมนต์เสน่ห์ของเมืองแห่งนี้อยู่ที่ตัวเมืองโบราณซึ่งมีอายุเก่าแก่กว่าพันปีชมย่านการค้าของชาวจีน, ศาลเจ้าของเจ้าจีน, สะพานญี่ปุ่นซึ่งเชื่อว่าถูกสร้างเพื่อเชื่อมชุมชน 2 แห่งเข้าด้วยกัน และ บ้านโบราณอายุกว่า 200ปีชมอดีตความรุ่งเรืองการขนส่งทางน้ำเมืองนี้เดิมเป็นนเมืองท่านานาชาติที่เจริญมากในช่วงคริสต์ศตวรรษที่17 ถึง 19 มีเรือสินค้าเทียบท่าทั้งญี่ปุ่นและจีนเป็นศูนย์กลางการกระจายสินค้ามาหลายปีก่อนที่จะย้ายไปเมืองดานัง ชมและเลือกซื้อสินค้างานฝีมือแท้ๆ จากเวียดนาม (เมืองฮอยอันไม่อนุญาตให้นำรถเข้าการเดินชมเมืองจึงเป็นวิธีการท่องเที่ยวที่ดีที่สุดในเมืองฮอยอัน)
จากนั้นก็เข้าสู่โรงแรมที่พักรับประทานอาหารเย็นที่ ภัตตาคารท้องถิ่นสัมผัสวิถีชีวิตกลางคืนของผู้คนเมืองดานังวันต่อมารับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
ช้อปปิ้งที่ตลาดดองบาซึ่งเป็นตลาดพื้นเมืองเลือกซื้อหาของใช้และของฝาก อาทิเช่น หมวก,กระเป๋า,เสื้อผ้าตกเย็นกินอาหารค่ำ บนเรือมังกร ล่องแม่น้ำหอมร่วมสัมผัสบรรยากาศชาววังสมัยเก่า ชมสีสันและชีวิตยามราตรีของชาวเมืองเว้ขับกล่อมด้วยเสียงเพลงพื้นบ้านจากสาวชาวเว้ที่ดั่งเช่นที่เคยเล่นเพลงถวายจักรพรรดิเมื่อครั้งอดีตหลังจากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พักที่เว้
จากนั้นเข้าสู่โรงแรมที่พักในวันสุดท้านทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
อำลาเมืองเว้ ก่อนเดินทางกลับด่านLaoBao พอถึงด่านลาวบาว ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองของลาว
รับประทานอาหารกลางวันที่ร้านนางคำเหย (ร้านเดิม)จากนั้นเดินทางสู่สวันนะเขต
ผ่านด่านตรวจคนขาออก ข้ามแม่น้ำโขงสู่จังหวัดมุกดาหารถึงมุกดาหารและกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ (เมื่อยเเอ๊กแล๊ก) ทั้งสนุกทั้งเหนื่อยผสมกัน ใครมีประสบการณ์ได้ไปเที่ยวเวียดนามบ้างก็มาแบ่งปันความรู้สึกกันได้นะครับ
สวัสดีค่ะ
...ได้เห็นวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของเพื่อนบ้าน...หลายๆชาติก็ดีนะคะเป็นประสบการณ์ชีวิต
...ถึงจะเป็นเมืองใกล้ๆ แต่ก่ยังดีที่มีโอกาสได้ไปค่ะ
สวัสดีครับ คุณ ปิ่นธิดา ขอบคุณครับสำหรับ ความคิดเห็น จากการได้ไปสัมผัสกับประเทศเวียดนามดังที่ได้กล่าวมานั้น ทำให้ผมได้ข้อคิดหลายอย่างเหมือนกัน เช่น คำกล่าวที่ว่าประเทศเวียดนามล้าหลังนั้นเห็นจะใช้ไม่ได้กับปัจจุบันซะแล้ว เพราะเท่าที่เห็นเขาได้
พัฒนาเศรษฐกิจของเขาอย่างเป็นจริงเป็นจัง ผมว่าอีกไม่เกิน 5 ปีประเทศไทยคงจะเทียบเวียตนามไม่ได้แล้วละมั้ง และอีกด้านหนึ่ง
ที่เห็นกันอย่างชัดเจนคือ ระบอบการปกครองของเขาทำให้ไม่มีความแตกต่างกันมากระหว่าง คนรวยกับคนจน แต่ละคนมีฐานะใกล้เคียงกัน อย่างนี้ก็ดีไปอีกแบบใช่ใหมละครับ
สวัสดีครับ คุณ pa daeng
ก็ไม่ได้ละเอียดอะไรมากหรอกครับ แค่บอกสถานที่และแหล่งท่องเที่ยวคร่าว ๆ ถ้าจะไปจริง ๆ ก็ยินดีให้คำแนะนำครับ