สวัสดีครับชาว G2K ทุกท่าน
วันนี้ขอนแก่นฝนตกอีกแล้ว เวลาเดิมเลย เย็นสบายดี
แถมยังช่วยลดปัญหาภ้ยแล้งด้วย เขื่อนจะได้มีน้ำให้เกษตรกรทำนากัน
มาเข้าเรื่องของวันนี้กันดีกว่าครับ เรื่องราวของวันนี้ผมได้แรงบันดารใจมาจาก
Status ของน้อง"เฟิร์น" ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมได้ยินมากนานแล้ว วันนี้เจอจุดประกาย
ได้โอกาสเลยนำเอามาเล่าสู่กันฟังครับ... เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น ตามเอิร์ทมาเลย ^^
ลองนึกภาพตามเอิร์ทดูนะครับ... สมมุติว่าเราเป็นเจ้าของบิรษัทเล็กๆแห่งหนึ่ง
บริษัทแห่งนี้มีพนักงานประจำอยู่ด้วยกัน 4 คน ซึ่งแต่ละคนมีนิสัย และพฤติกรรมที่แตกต่างกันดังนี้
นาย A เป็นคนฉลาด และมีความขยันหมั่นเพียร ชอบคิดชอบทำอะไรใหม่ๆอยู่เสมอ
นางสาว B เป็นคนฉลาด แต่ทำงานช้าและขี้เกียจ เวลาส่วนใหญ่ในออฟฟิทคือการท่องแว็บ และแชท MSN
นาย C เป็นคนโง่ แต่มีความขยันขันแข่งและตั้งใจทำงาน ชอบทำ OT อยู่เป็นประจำ
นางสาว D เป็นคนโง่ และขี้เกียจสันหลังยาว วันๆไม่ทำอะไรนอกจากนั่งหายใจเล่นไปวันๆ
คำถามมีอยู่ว่า... ในฐานะที่เราเป็นผู้บริหารของบริษัทเล็กๆแห่งนี้ เราควรจะแก้ไขปัญหาที่จุดใดก่อนเอ่ย
หมดเวลาครับ... มาลองฟังเฉลยในแบบฉบับของนายเอิร์ทกันดีก่า
ครับ... โดยปกติแล้วถ้าดูจากข้อมูล ผู้บริหารส่วนใหญ่เอิร์ทเชื่อว่าจะเลือกแก้ไขที่นางสาว D ก่อนแน่ๆ
เพราะทั้งโง่ และยังขี้เกียจอีก... แต่เสียใจครับ สำหรับเอิร์ทแล้วคำตอบนี้ผิดครับ ^^
สำหรับเอิร์ทแล้วสิ่งที่ควรจะแก้ไขอย่างเร่งด่วนก็คือนาย C ครับ... หลายๆท่านคงสงสัยว่าทำไม
ลองคิดตามเอิร์ทดูนะครับ... จริงอยู่ครับว่าจุดเด่นของนาย C คือความขยันขันแข่ง ทำ OT ตลอด
แต่ด้วยความโง่ของเขาจะทำให้ปัญหาเกิดขึ้นกับบริษัทอย่างไม่จบไม่สิ้น มากกว่านางสาว D ซะอีก
เพราะเขาจะ "ขยันทำแต่เรื่องโง่ๆ" นั้นเอง ซึ่งต่างจากนางสาว D ที่ไม่ได้ทำอะไรให้กับบริษัทเลย
จึงไม่ได้สร้างความเสียหายใดๆให้กับบริษัท นอกจากการเสียค่าจ้างโดยเปล่าประโยชน์เท่านั้น
สิ่งที่เอิร์ทอยากจะบอกก็คือ ถ้าท่านเลือกแก้ไขที่นางสาว D ก่อน นั้นคือการคิดแบบ Single Loop ครับ
เพราะถ้ามองตามเนื้อผ้า... ยังไงๆ นางสาว D ก็เป็นจุดอ่อนของทีมแน่ๆ แต่ถ้าเราลองตั้งคำถาม
ให้กับตัวเองว่า "ทำไมต้องแก้ไขที่นางสาว D ก่อนละ นาย C ไม่ใช่เหรอที่เป็นคนสร้างปัญหา"
นี้ละครับคือการคิดแบบ Double Loop Learning ซึ่งถ้าเราลองคิดหรือตั้งคำถาม
ให้กับตัวเอง โดยที่ไม่มองอะไรด้านเดียว หรือแก้ไขตามกระแสนิยม เราอาจจะพบต้นตอของปัญหา
ที่แท้จริงก็เป็นได้ อย่างในเคสนี้ยังไงละครับ ซึ่งเมื่อเราพบต้นตอของปัญหาได้เร็วเท่าไหร่
บริษัทก็จะสูญเสียน้อยลงไปเท่านั้น... จริงไหมครับ
บทความนี้ไม่ได้ต้องการจะบอกว่าให้ปล่อยนางสาว D ไว้เฉยๆนะครับ เพียงแค่อยากเสนอ
อีกมุมมองหนึ่งว่าสิ่งที่ควรแก้ไขเป็นอันดับแรกคือ นาย C ซึ่งเราควรจะทำให้เขาฉลาดขึ้นก่อน
เป็นอันดับแรก อาจจะส่งไปอบรม หรือสอนงานแบบพี่เลี้ยงกันไปเลย เมื่อแก้ไขจุดนั้นเสร็จ
ค่อยมาจัดการกับนางสาว D ครับ อาจจะจำเป็นต้องไล่ออกเพื่อหาคนใหม่มาทำงานแทน และสิ่งสุดท้าย
ที่ควรทำคือ ทำให้นางสาว B กลับมาทำงานเต็มเวลาให้ได้ อาจจะเพิ่มแรงจูงใจโดยการให้โบนัส
ตามจำนวนผลงานที่เธอทำได้ ก็อาจจะช่วยให้เธอลดปริมาณการแชทลง แล้วหันมาทำงานมากขึ้นก็เป็นได้
การคิดแบบ Double Loop Learning มีประโยชน์มากครับ เอิร์ทอยากให้ทุกท่าน
ลองหัดมามองอะไรต่างจากเดิมดูบ้าง ลองหัดตั้งคำถามกับตัวเองดูครับ ว่าสิ่งที่ทำๆกันมาตามความเคยชิน
หรือกระแสนิยมนั้นมันเป็นทางที่ดีที่สุดแล้วจริงหรือ ซึ่งท่านอาจจะค้นพบหนทางใหม่ที่ไฉไลกว่าเดิมก็เป็นได้นะครับ
แล้วคุณละคิดยังไง ^^
สวัสดีค่ะ
เข้ามาอ่านตอนดึกค่ะ ได้ความรู้จะนำไปเผยแพร่ต่อค่ะ
ขอบคุณนะคะ
คนแบบนาย C แก้ปัญหาแบบโหดๆ ฮิตเลอร์ให้ไปฆ่าทิ้งครับ
เจ๋งอ่ะค่ะพี่เอริท
เนี่ยที่คิดตอนแรก ยังคิดว่าเป็นนางสา่ว D เลย
แบบ ต้องฝึกติดแบบ Double loop ใ้ห้มากขึ้นๆแล้ว :)
สวัสดีครับ
@ครูเตือน >>> ยินดีมากครับที่สิ่งที่ผมเขียนมันเป็นประโยชน์ ^^
@อาจารย์small_man >>> โอ... น่ากลัวมากมายครับอาจารย์
@น้องบุ๋ม >>> เหอๆ ฝึกไปเรื่อยๆน้องบุ๋ม AI เรา การทำ Double Loop ก็ช่วง Reflection ละ พี่เชื่อว่าหนูทำได้ ^^
สวัสดีค่ะคุณเอิร์ท
บันทึกนี้มีประโยน์มากค่ะ เพราะเวลาทำงานต้องอยู่กับคนที่หลากหลาย
ขอบคุณค่ะ