มาเรียได้รายงานต่ออัรมะนูสะฮฺ นายหญิงว่า “ฉันได้นำสาส์นของนายท่านไปให้เขา เขากล่าวว่า “ นายหญิงของเธอคิดกับเราอย่างไร ” ฉันตอบว่า “เหมือนคิดต่อกัลยานชนที่อยู่ภายใต้บัญชาการของสองสิ่ง คือ ความเอื้ออารีย์และศาสนา” เขาจึงกล่าวว่า “จงไปบอกแก่นางว่า ท่านนบีของเรา ขอพรและสันติแห่งอัลลอฮฺจงมีแด่ท่าน กล่าวว่า “พึงปฏิบัติต่อชาวอียิปต์ด้วยดี เพราะพวกเขามีความเกี่ยวดองและพันธะสัญญากับพวกท่าน ” และบอกแก่นางว่า เราไม่ได้มาทำสงคราม แต่เรามาเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวตนของคน ”
อัรมะนูสะฮฺ “ เขาเป็นอย่างไร ”
มาเรีย “ เขามาพร้อมกับอัศวินอาหรับกลุ่มหนึ่ง อาชาของพวกเขาประหนึ่งภูตที่บรรทุกภูตประเภทหนึ่ง เมื่อเข้ามาไกล้ วัรดานล่ามซึ่งเป็นอดีตทาสที่เขาปล่อยให้เป็นไท ให้สัญญาณกับฉัน ฉันจึงมองไปเห็นเขานั่งอยู่บนหลังม้าสีน้ำตาลเข้ม ไม่ค่อนไปทางสีดำหรือสีแดง คอยาวมีขนงามประหนึ่งชายผมสตรี มีหางดก มันก้าวอย่างภาคภูมิใจต่ออัศวินของมัน มันร้องไม่ดังมาก เหมือนจะกล่าวอะไรบางอย่าง มันใหญ่มาก...”
อัรมะนูสะฮฺตัดบท และกล่าวว่า “ ฉันไม่ได้ถามถึงเรื่องม้าของเขา...”
“ สำหรับอาวุธของเขาก็....” มารียะฮฺกล่าวต่อ
“ ไม่ใช่เรื่องอาวุธของเขาด้วย บอกมาว่าเขาเป็นอย่างไร ” อัรมะนูสะฮฺถาม
“ เขามีรูปร่างสันทัด บ่งบอกถึงความแข็งแรงบึกบึน ศีรษะใหญ่บ่งบอกถึงสติปัญญาและความมุ่งมั่น นัยน์ตาคม ...” มารียะฮฺ ตอบ
“ แล้วมันบ่งบอกถึงอะไร ? ” อัรมะนูสะฮฺกล่าวพลางหัวเราะ
“ สดใส ใบหน้าเบิกบานประหนึ่งประกายทองคำที่ระยิบระยับ ทรงพลังสูงสุดจนถึงขั้นสามารถที่จะใช้สายตาบัญชาสิ่งใดๆได้ ความเฉลียวฉลาดปรากฎให้เห็นอยู่บนหน้าผากที่ผู้ใดก็ตามสามารถสัมผัสได้ คราใดที่ฉันพยายามอ่านความหมายบนใบหน้าของเขา ก็ไม่อาจเข้าใจได้นอกจากจะต้องมองซ้ำอีกครั้ง ”
มาเรียทอดสายตาลงต่ำ พลางกล่าวว่า “ขอสาบานต่ออัลลออฺ เขาเป็นเช่นที่ฉันบรรยาย ฉันมองเขาอย่างเต็มตา ฉันเกือบคิดไปว่าเขาไม่ใช่มนุษย์จากความสง่าดังกล่าว”
อัรมะนูสะฮฺ กล่าวว่า “เพราะความสง่าหรือนัยน์ตาคมกันแน่หือ ? ”
ไม่มีความเห็น