โครงการเฉลิมพระเกียรติ ส่งเสริมสุขภาพและป้องกัน โรคแทรกซ้อนตาบอดจากเบาหวาน

ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก รับมอบ รถเคลื่อนที่ ตรวจตาด้วย LASER จากมูลนิธิเบาหวานโลก และประเทศเดนมาร์ก

ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก รับมอบ รถเคลื่อนที่ ตรวจตาด้วย LASER จากมูลนิธิเบาหวานโลก

และรัฐบาลประเทศเดนมาร์ก ที่อาคารมหิดล ชั้น 1 โรงพยาบาลพุทธชินราช พิษณุโลก

 

อีกแห่งหนึ่งคือ กลุ่มงานเวชกรรมสังคม และพยาบาลจาก PCU

มาช่วยฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ประมาณ  200 คนให้กับ อสม.อำเภอเมือง

กลุ่มงานสุขศึกษา ให้ความรู้เรื่อง ประหยัดพลังงาน ลดโลกร้อน การจัดการขยะ

ที่ศาลาพักญาติ ใกล้กับร้านค้าผักปลอดสารพิษ ข้างโรงอาหารของ รพ.พุทธชินราช  

 

 

 

 

 คุณฐานา คุณจตุพร คุณจิราภา นพ.นภดล และทีมพยาบาลจาก PCU ฉีดวัคซีนไข้หวัด 2009

ให้กับ อสม.ในพื้นที่อำเภอเมือง จ.พิษณุโลก

 

พยาบาลจากสถานีอนามัย คือ PCU 
วันละ 2-3 คน (2-3 ตำบล) ของอำเภอเมือง จ.พิษณุโลก

จะมาช่วยฉีดวัคซีนไข้หวัด 2009 ให้กับ อสม. 
และประชาชน ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง เช่น 
ตั้งครรภ์ เบาหวาน อ้วน หอบหืด 
ของตำบลนั้นๆ ที่ศาลาพักญาติ รพ.พุทธชินราช 

ตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข ที่กำหนดให้ 
การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ให้ฉีดที่โรงพยาบาล และมีคำยินยอม 
Inform Consent ซักประวัติการ แพ้ไข่ แพ้ยาด้วย 

 

[นพ. นภดล สุชาติ]

http://pubnet.moph.go.th/index.php?option=com_content&task=view&id=87572&Itemid=47

สำนักวิชาการสาธารณสุข นำโดยแพทย์หญิงศรีวรรณา พูลสรรพสิทธิ์และคณะ
เดินทางไปดูงานเบาหวานขึ้นจอประสาทตา ณ โรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ จ.นครปฐม
ซึ่งได้ความร่วมมือในการเดินทางไปดูงานครั้งนี้เป็นอย่างดี นอกจากนี้
ยังได้มีการจัดประชุมหารือกับ นายแพทย์ปานเนตร ปางพุฒิพงศ์
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์
ถึงแนวทางในการจัดโครงการเบาหวานขึ้นจอประสาทตา
และยังได้แลกเปลี่ยนเปลี่ยนความคิดเห็นต่างๆในการดำเนินโครงการ
ที่จะจัดขึ้นในโอกาสต่อไป ในการประชุมหารือครั้งนี้ ทางสำนักวิชาการสาธารณสุข
ได้สรุปเนื้อหาโดยย่อออกมาโดยพอสังเขป ดังนี้

1. รถ Mobile eye unit
   
1.1 สามารถถ่ายจอประสาทตาเพื่อคัดกรองในการยิงเลเซอร์
   
1.2 ผู้ทำหน้าที่ขับรถ Mobile Eye Unit
ต้องมีประสบการณ์หรือสามารถขับขี่รถบรรทุกสิบล้อได้
และจำเป็นจะต้องเป็นผู้ครอบครองใบขับขี่รถขนาดใหญ่
   
1.3 โรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์จะเป็นผู้จัดหาผู้ทำหน้าที่ขับรถ



2. หน่วยแพทย์และทีมงาน
   
2.1 ให้ทีมงานถ่ายหรือตรวจจอประสาทตาไว้เสียก่อน
เพื่อเตรียมข้อมูลสำหรับคัดกรองผู้ป่วย ซึ่งต้องดำเนินการภายใน 1 เดือน
หลังจากนั้นต้องทำการประเมินผล
   
2.2 เห็นควรว่าควรจัดตั้งทีม Ophthalmic Technician ขึ้นมา
โดยรับทีมงานซึ่งมีการศึกษาในระดับปริญญาตรี
   
2.3 แพทย์จะต้องเรียนรู้การใช้เครื่องมือภายในรถ
และไม่จำเป็นต้องใช้หมอทางประสาทตา
   
2.4 ต้องกำหนดหน้าที่ของหน่วยแพทย์และทีมงานอย่างชัดเจน
เพื่อให้เกิดความเป็นระบบ



3. การประชาสัมพันธ์
   
3.1 จัดเป็นสกู๊ปพิเศษเพื่อเผยแพร่ทางสื่อโทรทัศน์วันละ 10 นาที
โดยแพร่ภาพทางช่อง ThaiPBS ซึ่งในรายการจะจัดการสัมภาษณ์หมอตา
(รพ เมตตาประชารักษ์ได้มอบหมายให้  พญ.เมทินี ศิริมหาราช เป็นผู้ให้สัมภาษณ์
และในที่ประชุมเห็นว่าควรจะมีการสัมภาษณ์รัฐมนตรีและปลัดกระทรวง)
รวมถึงควรมีการผ่าตัดจอประสาทตาด้วยเลเซอร์ให้ชม
   
3.2 ทำการประชาสัมพันธ์โครงการไปยังประชาชนในภาคเหนือและภาคอีสานให้ทราบว่า
มีการนำรถผ่าตัดตา โดยมีจักษุแพทย์ร่วมติดตาม
   
3.3 โรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) รับหน้าที่ในการประสานงานกับสื่อมวลชน



4. เอกสารและคู่มือ
   
4.1 คู่มือการผ่าตัดต้อกระจก –
ปรับแต่งให้เข้ากับระบบการทำงานของสำนักวิชาการสาธารณสุข
   
4.2 คู่มือควรจะประกอบไปด้วย 
              
- การปฏิบัติตนทั้งก่อนเข้ารับการผ่าตัดและหลังการผ่าตัด
              
- แนะนำแพทย์และพยาบาล ในการดูแลผู้ป่วย 
              
- กำหนดหน้าที่ของแต่ละบุคคลอย่างชัดเจนคู่มือเพื่อเป็นแนวทางปฏิบติ
   
4.3 ควรกำหนดมาตรฐานว่าควรมีระบบหรือ คู่มือ CPG เบาหวานขึ้นจอประสาทตา 



5. การดำเนินโครงการ
   
5.1 เตรียมการดำเนินโครงการฯ 17 ธันวาคม 2552
   
5.2 ที่ประชุมมีคำสั่งให้ทำประสานงานในเรื่องเครื่องบินผ่าตัดจอประสาทตา
โดย บริษัท Orbit medical เป็นผู้ดูแล
   
5.3 ที่ประชุมเห็นควรให้มีการจัดมหกรรมปีละ 1-2 ครั้ง
โดยนำรถ Mobile eye unit ออกให้บริการในวันจัดงาน
และการจัดมหกรรมให้เน้นจังหวัดที่มีสนามบิน
   
5.4 เห็นควรตรวจสอบการประกันรถ Mobile eye unit ประเภท 1
และเครื่องมือแพทย์ภายใน ซึ่งมีระยะ 1 ปี
และ vk0 ต่อประกันเพิ่มเติมตามความเหมาะสม