หลักง่าย ๆ ของการเริ่มต้นอ่านหนังสือ

ผมได้ค้นพบว่า เรื่องการอ่านหนังสือหรือการมีวัฒนธรรมในการแสวงหาความรู้นั้น พูดไปก็ไม่มีประโยชน์ หากแต่หลาย ๆ คน หรือคนไทยส่วนใหญ่นั้นจะสนใจการอ่านก็ต่อเมื่อมันมีผลกระทบต่อตัวเรา

หากจะแนะนำหลักง่าย ๆ ในการเริ่มต้นอ่านหนังสือให้ได้ผล ผมคิดว่า

1. อย่าถูกบังคับให้อ่าน
2. เริ่มอ่านเรื่องที่เราสนใจ และเกี่ยวข้องกับเรา
3. เริ่มจากจุดเล็ก ๆ ที่คุณเห็นคุณค่าละความสำคัญของมัน
4. มีมุมสงบ มีสมาธิที่จะใช้เวลาอย่างน้อย 10 นาทีในการอ่าน เพราะผมสังเกตดูว่าเด็กไทยมีสมาธิสั้น

สำหรับผม ริเริ่มการอ่านจากเรื่องที่สนุกและมีประโยชน์ โดยเริ่มจากแมกกาซีนที่น่าสนใจ ผมเริ่มอ่าน Time Magazine เล่มแรกตอนที่ผมอายุ 17 ปี สมัยที่เรียนอยู่ที่นิวซีแลนด์ ช่วงนั้นจำได้ว่าเกิดสงครามระหว่างอียิปต์กับอิสราเอล ที่ผมสนใจและต้องการหาคำตอบคือ ทำไมประเทศอียิปต์ซึ่งขณะนั้นมีประชากรอยู่ประมาณ 60 ล้านคนจึงไม่ชนะประเทศที่มีประชากรน้อยกว่าอย่างอิสราเอล คือมีประชากรอยู่ประมาณ 5 ล้านคน

ต่อมาผมก็ชอบอ่าน London Time ซึ่งสมัยนั้นที่เมืองไทยก็ไม่สามารถอ่านได้ โดยเฉพาะยังไม่มีอินเตอร์เน็ต London Time เป็นมีบทความดี ๆ ทั้งด้านศรษฐกิจ สังคม การเมือง โดยเฉพาะกีฬา ซึ่งผมชื่นชอบมาก เพราะจะมีการวิเคราะห์ฟุตบอลอังกฤษแบบยาวประมาณ 1/4 หน้า ผมจึงตั้งใจที่จะเรียนรู้ และมีอิทธิพลที่ทำให้ผมซึ่งเป็นพันธมิตรกับหนังสือพิมพ์สยามกีฬาแนะนำให้เขาเน้นการนำเสนอข่าวกีฬแบบวิเคราะห์ลึก ๆ เน้นบทเรียนของการแข่งขันแต่ละคู่ บรรยากาศของคนดู และยุทธวิธีต่าง ๆ

สำหรับท่านผู้อ่านท่านอื่น ๆ วันนี้อาจจะเลือกอ่านเรื่องที่ตัวเองสนใจเป็นพิเศษ เช่น

• โยคะ
• การเลี้ยงลูก
• การออกกำลังกาย
• เพลง
• ฯลฯ

ก็อาจจะใช้สมาธิอ่านหนังสือที่สนใจเหล่านี้สักวันละ 10 นาที และพยายามอ่านทุก ๆ วันก็จะเป็นประโยชน์

ตัวผมเองได้ความรู้และความคิดใหม่ ๆ จากการอ่านหนังสือมากมาย และทุกวันก็พยายามกระตุ้นให้ลูกศิษย์ของผมทุก ๆ คนทั้งปริญญาเอก ปริญญาโท หรือหลักสูตรต่าง ๆ ให้สนใจการอ่าน ผมจะเลือกบทความดี ๆ ที่เกี่ยวข้องกับตัวเขามาให้อ่านและวิเคราะห์ รวมทั้งจัดให้มีห้องสมุดจำลองเลือกหนังสือดี ๆ ที่มีความหลากหลาย (Variety) เพื่อเป็นทางเลือก (Choices)ในการอ่าน ที่สำคัญคือความรู้ในวันนี้จะต้องสดและน่าสนใจครับ

                                                    จีระ หงส์ลดารมภ์