ช่วงนี้คงไม่มีเรื่องไหนที่จะมีกระแสมาแรงเท่ากับมหกรรมฟุตบอลโลก แต่ในมุมมองของผู้ใหญ่และคนที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาแล้ว สิ่งหนึ่งที่สังคมเห็นพ้องกันคือ สิ่งที่แอบแฝงมากับการดูฟุตบอลนั่นคือ การพนัน โดยเฉพาะการพนันในโรงเรียน ผมเองก็มีประสบการณ์ในด้านนี่มาบ้าง ได้ประสบเหตุกับตัวเองจากผลกระทบของการพนัน จึงขอแบ่งปันความห่วงใยและความรู้เล็กๆ น้อย ๆ ที่พอจะมี(บ้าง)เพื่อหาทางป้องกัน ให้คนอื่น ๆ นะครับ
ปี 39 เป็นครั้งแรกที่ผมรู้จักกับการพนันฟุตบอล ครั้งแรกที่เล่นเพราะเห็นเพื่อนเล่น ก็ถามเพื่อนว่ามีวิธียังไง จ่ายและรับเงินยังไง อันนี้เป็นข้อสังเกตข้อแรกนะครับ มือใหม่ในวงการพนันหรือยาเสพติดนั้นล้วนมาจากการเห็นคนใกล้ตัว เช่น เพื่อน พ่อ แม่ พี่ น้องทำ แล้วเห็นว่าเขาก็ทำได้นี่น่า เราทำมั่งก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร ประกอบกับความอยากได้ อยากมี อย่างคนอื่น ประการต่อมาคือคนที่เล่นการพนันนั้น เล่นเพราะความโลภ ความอยาก แต่ความโลภและความยากนั้นมันไม่มีที่สิ้นสุด สาเหตุที่คนเล่นการพนันไม่เคยรวย(อย่างถาวร) ก็เพราะเมื่อครั้งนี้เล่นได้ ก็มักจะคิดว่าครั้งหน้าก็ต้องเล่นได้ แต่ถ้าครั้งหน้าเล่นไม่ได้ก็คิดว่า ...ไม่เป็นไรไม่ได้ขาดทุน หรือขาดทุนไม่มากเพราะหักจากที่ได้เมื่อคราวก่อน การเล่นครั้งต่อไปจึงหวังจะทำให้ได้กำไรทันทีจึงมีการเพิ่มวงเงินจากครั้งก่อน ๆ เช่น ครั้งแรก เล่น 500 บาท ได้กำไร 400 บาท(ราคาพนันบอลแทง 5 อาจได้ 4 อย่างนี้เป็นต้น) ครั้งที่สองเล่นไป 500 เสียก็คิดว่าไม่เป็นไรขาดทุนแค่ 100 ครั้งที่สาม เล่น 1,000 ไปเลย ผลคือเสียอีก ก็คิดว่าขาดทุนไป 1,100 แล้วครั้งนี้ต้องทบต้นทบดอกเล่นไปเลย 1,500
หากโชคดีเล่นได้บ่อย ๆ ได้เงินจากการพนันนี่เป็น "เงินร้อน" คือได้มาง่าย เลยใช้ออกไปง่าย ๆ ผมไม่เคยเจอคนที่ได้เงินจากการเล่นพนันแล้วเก็บเงินฝากธนาคารเลย มีแต่ได้มาแล้วก็ใช้ทันที บางทียังไม่รู้เลยว่าจะได้หรือเสีย คิดไว้ก่อนแล้วว่า ถ้าได้มาจะเอาไปซื้ออะไรดี เมื่อคนเล่นการพนันคิดอย่างนี้ปัญหาต่าง ๆจึงตามมาเป็นเงาตามตัว
พ่อ แม่ ครู และคนใกล้ชิด ควรสังเกตว่าเด็กในความดูแลของท่านมีพฤติกรรมเหล่านี้หรือไม่
1) ซื้อหนังสือพิมพ์ฟุตบอลทุกวัน โดยเฉพาะที่มีราคาต่อรอง หรือมีสถิติฟุตบอล หนังสือพิมพ์ประเภทนี้แทบไม่มีคอมลัมน์ให้อ่านเลยนอกจาก สถิติ ผลการวิเคราะห์ข้อมูล
2) ตั้งอกตั้งใจดูบอลหรือติดตามผลการแข่งขันอย่างผิดปกติ คือ ดูมันทุกคู่ ไม่ว่าจะเชียร์ทีมนั้นหรือไม่ ต้องตั้งเวลาปลุกมาดูการแข่งขัน หรือมาเช็คผลทางอินเทอร์เน็ท
3) แอบพูดคุยโทรศัพท์เบา ๆ หรือเดินเลี่ยงไปคุยที่อื่น จะเป็นในช่วงหัวค่ำเป็นต้นไป หรือก่อนที่จะมีการแข่งขัน คำพูดหรือวลีที่อาจได้ยินเช่น "ราคา" "โต๊ะ" "จิ้ม" "ไหล" "ค่าน้ำ" "ควบ" "-5" "ขาว" "+10"
4) ขอหรือยืมเงินจากคนอื่นบ่อยกว่าปกติ อีกกรณีคือใช้เงินมากกว่าปกติ ซื้อของใหม่ๆที่มีราคาแพง ทั้งที่ไม่น่าจะซื้อได้
5) มีลักษณะที่สังเกตได้ว่าเครียด กังวล หรือใจลอย อยู่บ่อยครั้ง
6) อาจมีทรัพย์สินหรือสิ่งของในบ้าน หรือของใช้ส่วนตัวของเขาเองอันตธานหายไป โดยเจ้าตัวให้เหตุผลว่าเพื่อนยืม(คำแก้ตัวยอดนิยม)
ข้อสังเกตเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งนะครับ เชื่อว่าหากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องสังเกตพฤติกรรมและความเปลี่ยนแปลงของเด็กในความดูแลของท่านให้ดีในช่วงนี้ หากพบสิ่งผิดปกติ อย่าลังเลที่จะเดินเข้าไปหาเขาพาหาทางร่วมแก้ปัญหา ก็น่าจะเป็นเกราะป้องกันที่ดีได้ในระดับหนึ่ง ไม่เช่นนั้นแล้วคงเราได้อ่านข่าวทางหนังสือพิมพ์หลังจบฟุตบอลโลกว่า "อนาถนักเรียนไทยติดพนัน......" อย่าให้สำนวนที่ว่า วัวหายล้อมคอก เกิดขึ้นอีกครั้งเลยนะครับ ช่วยกัน ...ช่วยกัน
ปล. ปัจจุบันผมเลิกเล่นไปแล้วนะครับ
ไม่มีความเห็น