ที่มาข้อมูลจาก http://webboard.yenta4.com/topic/113036
แอมมี่เพิ่มเติมในส่วนของความคิดเห็นอีกแนวนึง เพื่อนำเสนอข้อมูลใหม่ๆ กับความเชื่อแปลกๆจ้า .... ทุกท่านโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกันนะจ๊ะ และหาข้อมูลเพิ่มเติมหากอยากรู้เรื่องราวมากขึ้นค่ะ ^^
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากภัย "โลกร้อน" ไม่เพียงแต่ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจน อาทิ อากาศร้อนขึ้น น้ำแข็งขั้วโลกละลาย หรือระดับน้ำทะเลโลกสูงขึ้นเท่านั้น แต่ปัจจุบันยังเป็นต้นเหตุของปรากฎการณ์แปลกๆ มากมาย ซึ่งเกี่ยวพันกับการหายสาบสูญของทะเลสาบ โรคภูมิแพ้โดยไม่ทราบสาเหตุ วิถีโคจรของดาวเทียมในอวกาศ ฯลฯ!
1.
สารภูมิแพ้แพร่ระบาด
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้
ในประเทศสหรัฐอเมริกาได้เกิดปรากฎการณ์ประหลาดขึ้นทุกๆ
ช่วงฤดูใบไม้ผลิ
นั่นคือ ประชาชนไอ จาม ป็นภูมิแพ้ และหอบหืดกันง่ายขึ้นและบ่อยขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ
จากการศึกษาที่ผ่านมา พบว่า วิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปกับสภาพมลพิษในอากาศ เป็นสาเหตุสำคัญของอาการดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม มีงานวิจัยใหม่ๆ ชี้ให้เห็นว่า วิกฤตอุณหภูมิโลกร้อนขึ้นและมีระดับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศมากขึ้น คือต้นเหตุทำให้พืชพรรณต่างๆ ผลิใบเร็วกว่าเดิม ขณะเดียวกันปริมาณละอองเกสรที่ฟุ้งกระจายไปตามอากาศก็มากขึ้นเช่นกัน
คนที่เป็นภูมิแพ้หรือหอบหืดเมื่อสูดละอองเหล่านี้เข้าไปมากๆ อาการจึงกำเริบง่าย
note: จริงด้วยค่ะ ตอนอยู่ที่ชิคาโกเมื่อสองสามปีก่อน (แอมมี่ใช้ชีวิตที่ชิคาโก 10 ปีค่ะ ก่อนกลับไทย) พอเข้าหน้า spring ต่อ summer ประมาณสามปีก่อนกลับไทย ก็จะต้องซื้อยาภูมิแพ้มาทานตลอดทั้งเดือน เพราะจะจามตลอดเวลา ตอนแรกเข้าใจว่า แพ้เกสรดอกไม้ที่ปลิวกระจายเต็มอากาศ บางช่วงมีมากทั้งวัน จนไม่อยากอยู่นอกบ้าน
กระแสความเชื่อนึงช่วงนี้ เล่ากันลับๆว่า รัฐบาลอเมริกันส่งเครื่องบินไปปล่อยสารเคมีบนอากาศ (ที่เรียกกันว่า Chemtrails) เพื่อหลายวัตถุประสงค์
1) ปิดข้อมูลเรื่องที่ว่าจะมีดวงอาทิตย์ดวงที่ 2 เดินทางโคจรเข้ามาใกล้โลก และอาจจะเฉียดโลกในปี 2012 (หลายท่านเชื่อว่า คือดวงที่นาซ่าตั้งชื่อว่า นีมีซิส nimeses คนส่วนใหญ่เรียก Nibiru หรือ Planet X) ซึ่งเชื่อว่า ส่งผลต่อภัยธรรมชาติหลากหลายที่เกิดขึ้น และทำให้เกิดภาวะโลกร้อน (เพราะดวงอาทิตย์ถึง 2 ดวง ย่อมร้อนกว่าดวงเดียว)
นักจับผิดรัฐบาลบางท่าน ถ่ายวีดิโอสังเกตว่า เครื่องบินจะบินปล่อย chemtrails หลายเส้นเพื่อบดบังไม่ให้ผู้คนเห็นดวงอาทิตย์ดวงที่สอง ในช่วงเช้าและก่อนพระอาทิตย์ตกดิน หลายท่านบอกว่า สามารถถ่ายภาพได้แล้วด้วย (สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จาก youtube )
คนที่เชื่อเรื่องนี้ กล่าวว่า เพราะรัฐบาลอเมริกันไม่อยากให้คนแตกตื่น เลยไม่เปิดเผยข้อเท็จจริง และปิดบังด้วยการปล่อยสารเคมีไปบังท้องฟ้าดีกว่า พอคนส่วนใหญ่ไม่เห็นก็จะไ่ม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่พอฝนตก สารเคมีพวกนี้ก็จะตกลงมาสู่พื้นดิน ทำให้ประชาชนทั่วไป อาจจะเกิดอาการแพ้เวลาหายใจเอาไอของสารเคมีเหล่านั้นเข้าไป
Chemtrails มีส่วนประกอบของสาร Ethylene Dibromide (a chemical pesticide, carcinogen and chemical toxin) สาร Aluminum (a metal associated with Alzheimer's Disease) และสาร Barium (a radioactive substance)
2)
ความเชื่อนี้ extreme เหลือเชื่อสุดๆ
เพราะโยงเข้าไว้กับเรื่องขบวนการรวมอำนาจโลกไว้ในมือกลุ่มคนกลุ่มเีดียวที่เรียกว่า
New World Order (การจัดระเบียบโลกใหม่) สารเคมีนั้น
ตั้งใจจะวางยาให้คนอเมริกันไม่มีความคิดต่อต้าน
เหมือนกับที่หลายคนเชื่อว่า ที่จริงไม่มีโรคไข้หวัด 2009
เกิดขึ้นจริงหรอกค่ะ
แต่คือการสร้างสถานการณ์เพื่อให้คนเกิดความหวาดกลัวและยอมฉีดวัคซีน
(ซึ่งผลิตโดยขบวนการ NWO นั่นแหละ) และคนบ้าฉีดกันทั้งโลก
ฉีดแล้วก็อาจจะโดนควบคุมง่ายขึ้นมั๊ง
ประมาณโดนคนบงการสั่งให้ทำอะไรก็จะเชื่อตามค่ะ
เช่นเดียวกับเรื่องการฝังชิป RFID เข้าไปไว้ในตัวมนุษย์
(ที่มือระหว่างนิ้วโป้งและนิ้วชี้ค่ะ)
2
สัตว์อพยพไร้ที่อยู่
ผลกระทบจากปัญหาโลกร้อน ทำให้สัตว์บางชนิด เช่น
กระรอก ตัวชิปมังก์ หรือแม้กระทั่งหนู
ต้องอพยพหนีขึ้นไปอยู่บนที่สูงขึ้น
สัตว์ที่กำลังเผชิญปัญหาใหญ่ ได้แก่ "หมีขั้วโลก" ที่ในอนาคตอาจมีชีวิตอยู่ในถิ่นฐานเดิมแถบอาร์กติก ขั้วโลกเหนือไม่ได้ เนื่องจากธารน้ำแข็งละลายอย่างรวดเร็ว
3
"พืช"ขั้วโลกคืนชีพ
ช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา
ผลจากภาวะน้ำแข็งขั้วโลกละลายเพราะโลกร้อน
ส่งผลต่อการดำรงอยู่ของพืชและสัตว์จำนวนมาก ตามปกติ
พืชแถบอาร์กติกจะถูกปกคลุมอยู่ในน้ำแข็งตลอดทั้งปี
แต่ปัจจุบัน เมื่อน้ำแข็งละลายมากขึ้นเรื่อย โดยเฉพาะในช่วงก่อนฤดูใบไม้ผลิต จึงทำให้พืชที่เคยถูกห่อหุ้มด้วยน้ำแข็งกลายเป็นอิสระ สามารถเริ่มกระบวนการสังเคราะห์แสงและกลับมาเติบโตขึ้นอีกครั้ง
กลายเป็นอีก 1 ปรากฎการณ์ใหม่ของพื้นที่ขั้วโลกเหนือ
4 ทะเลสาบหายสาบสูญ
เรื่องประหลาดๆ ที่เกิดขึ้นในเขตอาร์กติก หรือ ขั้วโลกเหนือยังไม่หมดแค่นั้น
มีงานวิจัยชี้ให้เห็นว่า ในช่วง 20-30 ปีที่ผ่านมา "ทะเลสาบ" ประมาณ 125 แห่งได้หายสาบสูญไปจากเขตอาร์กติก เป็นสัญญาณหนึ่งที่ช่วยให้เห็นว่า ภัยโลกร้อนส่งผลกระทบเร็วมากต่อสภาพแวดล้อมแถบขั้วโลก
สาเหตุที่ทะเลสาบหายไปก็เพราะ "เพอร์มาฟรอส" ที่เป็นน้ำแข็งแข็งตัวอยู่ใต้พื้นทะเลสาบนั้นละลายหมดสิ้นไป ดังนั้น น้ำในทะเลสาบจึงซึมเข้าสู่พื้นดินข้างใต้ได้ เหมือนกับเวลาเราดึงจุกปิดน้ำออกจากอ่างอาบน้ำแล้วน้ำจึงไหลหมดไปจากอ่าง นั่นเอง
นอกจากนี้ การที่ทะเลสาบขั้วโลกหายวับไป ยังส่งผลลูกโซ่ปั่นป่วนไปถึงระบบนิเวศในพื้นที่ที่พึ่งพิงน้ำจากทะเลสาบอีก ด้วย
5 น้ำแข็งใต้พื้นโลกละลาย
ภาวะโลกร้อนไม่ได้เพียงแค่ทำให้ธารน้ำแข็งขั้วโลกละลายอย่างต่อเนื่อง เท่านั้น
แต่ยังส่งผลให้ชั้นน้ำแข็งถาวรที่มีอยู่ใต้พื้นผิวโลกค่อยๆ ละลายลดปริมาณลงไปเช่นกัน
ผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นตามมาในอนาคตก็คือ จุดใต้พื้นโลก ซึ่งเคยเป็นน้ำแข็งหายไปจนเกิดเป็น "รูรั่ว" ใต้ดินขึ้นมา
เมื่อเป็นเช่นนี้สภาพทางภูมิศาสตร์ในพื้นที่ย่อมเปลี่ยนไป
สิ่งปลูกสร้าง หรือ สิ่งก่อสร้างของมนุษย์ เช่น ทางรถไฟ ถนน บ้านเรือน ฯลฯ ซึ่งตั้งอยู่เหนือจุดดังกล่าวมีโอกาสได้รับความเสียหายตามไปด้วย
ถ้าปรากฎการณ์น้ำแข็งละลายเกิดขึ้นบนที่สูง เช่น ภูเขา จะก่อให้เกิดภัยธรรมชาติตามมา อาทิ หินถล่มและโคลนถล่ม เป็นต้น
note เรื่องนี้อาจจะเป็นสาเหตุของธรณียุบ (Sinkhole) ที่กัวเตมาลา และหลายจุดทั่วโลก
6
ชนวนเกิดไฟป่า
นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ยืนยันตรงกัน ทั่วโลกว่า
ภัยโลกร้อนเป็นสาเหตุให้ธารน้ำแข็งละลายและพายุก่อตัวบ่อยและรุนแรงขึ้นกว่าในอดีต
ยิ่งไปกว่านั้น ภาวะโลกร้อนยังเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิด "ไฟป่า" ได้ง่ายขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก
และชาติเมืองหนาวในซีกโลกตะวันตก ซึ่งตามปกติไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องไฟป่า ก็เริ่มรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงนี้กันแล้ว
เหตุเพราะสภาพป่าแห้งกว่าเดิม จึงเป็นเชื้อไฟอย่างดี
7 ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นถึงอยู่รอด
โลกร้อนส่งผลให้หน้าหนาวหดสั้นลง และหน้าร้อนมาถึงเร็วขึ้น
บรรดา "นกอพยพ" หลายสายพันธุ์ต่างมึนงง ปรับ "นาฬิกาชีวภาพ" ในตัวของมันให้เข้ากับสภาพความผันแปรของฤดูกาลที่บิดเบี้ยวไปไม่ทัน
สัตว์ที่จะเอาชีวิตรอดจากสภาพภูมิอากาศแปรปรวนในทุกวันนี้ได้ต้องเป็นสาย พันธุ์ที่แข็งแรงที่สุดเท่านั้น
ในที่สุดสัตว์ที่อยู่รอดจะต้อง "กลายพันธุ์" หรือปรับพันธุกรรมในตัวมันเสียใหม่ เพื่อรับมือภัยโลกร้อนให้ได้ และมีสัตว์หลายชนิดกำลังวิวัฒนาการตัวเองเช่นนั้นอยู่
8
ดาวเทียมโคจรเร็วกว่าเดิม
การปล่อยก๊าซ คาร์บอนไดออกไซด์จากโรงงานอุตสาหกรรม
โรงไฟฟ้าถ่านหิน ยวดยานพาหนะ ฯลฯ คือ
ตัวการสำคัญของวิกฤตโลกร้อน
ล่าสุดพบว่า เจ้าก๊าซตัวเดียวกันนี้เองที่ขึ้นไปสะสมมากขึ้นในชั้นบรรยากาศโลก ได้กลายเป็นต้นเหตุทำให้ "ดาวเทียม" ที่อยู่ในวงโคจรโลกเคลื่อนที่เร็วกว่าเดิม
ตามปกติ อากาศในบรรยากาศชั้นนอกสุดของโลกจะเบาบาง แต่โมเลกุลของอากาศจะยังคงมีแรงดึงดูดมากพอในการทำให้ดาวเทียมโคจรช้าๆ ดังนั้น เราอาจเคยได้ยินข่าวกันมาบ้างว่า ผู้ควบคุมต้องจึดระเบิดดาวเทียมเป็นระยะๆ เพื่อให้ดาวเทียมโคจรต่อไปอย่างถูกต้อง
อย่างไรก็ตาม เมื่อคาร์บอนไดออกไซด์ลอยไปสะสมในบรรยากาศชั้นล่างมากไป จะทำแรงดึงดูดของบรรยากาศชั้นนอกสุดลดกำลังลง ดาวเทียมจึงโคจรเร็วกว่าปกติ
9
ภูเขากระเด้งตัวเหนือพื้นโลก
ภูเขาและเทือกเขาสูง หลายแห่งทั่วโลกกำลังขยายตัว
"สูง" ขึ้น เพราะผลจากโลกร้อน!
นั่นเป็นเพราะ ตามธรรมชาติที่ผ่านๆ มานับพันปี ยอดภูเขาในเขตหนาวเย็นโดยทั่วไปจะมี "น้ำแข็ง" ปกคลุมอยู่ ทำหน้าที่เป็นเหมือนกับตุ้มน้ำหนักที่คอยกดทับให้ฐานล่างของภูเขาทรุดต่ำลง ไปใต้พื้นผิว
เมื่อน้ำแข็งบนยอดเขามลายสูญสิ้นไป ส่วนฐานล่างที่เคยถูกกดจมดินลงไปจะค่อยๆ กระเด้งคืนตัวกลับมาเหนือผิวโลกอีกครั้ง
10
โบราณสถานเสียหาย
โบราณสถาน เมืองเก่าแก่
ซากปรักหักพังทางประวัติศาสตร์ ฯลฯ
อันเป็นสิ่งแสดงถึงวัฒนธรรมอันรุ่งเรื่องของมนุษย์ในอดีตได้รับผลกระทบจาก
โลกร้อน
เหตุเพราะโลกร้อนทำให้อากาศทั่วโลกแปรปรวน ทั้งเกิดพายุ น้ำท่วม ภัยแล้ง ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูง และล้วนแต่ยิ่งสร้างความเสียหายให้กับมรดกตกทอดทางประวัติศาสตร์ดังกล่าว ซึ่งมีสภาพทรุดโทรมอยู่แล้ว
โบราณสถานอายุ 600 ปีในจังหวัดสุโขทัยของประเทศไทยเรา ก็เคยเสียหายอย่างหนักเพราะภัยน้ำท่วมใหญ่ ซึ่งเป็นผลจากภัยโลกร้อน มาแล้วเช่นกัน
ไม่มีความเห็น