เนิ่ม ขมภูศรี
ส.อ. เนิ่ม ขมภูศรี เนิ่ม ขมภูศรี ชมภูศรี

การเปลี่ยนแปลงตนเองสู่วิถีแห่งจิตสำนึกใหม่


การปฎิวัตตนเองเพื่อการเกิดใหม่
การเปลี่ยนแปลงตนเองสู่วิถีแห่งจิตสำนึกใหม่
เป็นเรื่องที่ต่อเนื่องจากหัวข้อที่เคยได้พูดคุยเสวนากับเด็กจักรยานเมื่อหลายเดือนก่อน ในครั้งนี้ เป็นการเสวนาร่วมกันกับเด็ก ๆ ในหัวข้อเรื่องการเปลี่ยนแปลงตนเองสู่วิถีแห่งจิตสำนึกใหม่ โดยมีเด็ก ๆ นั่งร่วมเสวนาด้วยกัน 7 ท่านด้วยกัน โดยทั้งหมดนี้ ได้กินนอนและฝึกซ้อมจักรยานด้วยกันมาตลอด
.
วันนี้มีความเห็นโดยรวมแล้วว่า ข้าพเจ้าน่าจะมีการจัดให้เกิดการเสวนาร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง โดยจุดมุ่งหมายหลักคือเรื่องการเปลี่ยนแปลงตนเอง การพูดคุยกันนี้นั้น ข้าพเจ้าไม่สร้างบรรยากาศของความกลัวให้กับเด็ก ไม่สร้างบรรยากาศของการมีอำนาจเหนือ ไม่มีการกดข่มหรือทารุณกรรมทางความรู้สึกคิดนึก ไม่มีการเปรียบเทียบเด็ก ๆ กับบุคคลอื่น ขอเรียนเชิญท่านเข้ามาสัมผัสกับเรื่องเล่าที่ได้พูดคุยเสวนาร่วมกันกับเด็ก ๆ จักรยานทีมแห่งความรักร่วมกันขอรับ
หมายเลขบันทึก: 370048เขียนเมื่อ 27 มิถุนายน 2010 23:16 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 พฤษภาคม 2012 18:55 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (32)

การเริ่มต้นพูดคุยกันนั้น มีประเด็นหลักอยู่หลายเรื่อง โดยได้เกริ่นนำให้เกิดความเข้าใจในหัวข้อของคำว่าการเปลี่ยนแปลง ชี้ให้เห็นว่ามีความหมายอย่างไร โดยได้หยิบยกเรื่องการดำรงชีวิตประจำวันออกมาทำการค้นหาความจริงกันว่า ทำไมเราถึงต้องมีการเปลี่ยนแปลงตนเอง ...เพื่อให้เด็ก ๆ ได้นึกเห็นภาพถึงเรื่องการเปลี่ยนแปลง ข้าพเจ้าจึงเลือกใช้คำว่า การปฎิวัติตนเอง แทนคำว่าการเปลี่ยนแปลงในหัวข้อ ได้พยายามทำความเข้าใจว่า การปฎิวัติตนเองมีความหมายอย่างไร คำ ๆ นี้ ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องการเมืองการปกครอง ไม่เกี่ยวกับเรื่องอื่นใด แต่ในความหมายของคำนี้ ที่ได้สื่อสารกับเด็ก ๆ จักรยานคือ การกระทำอย่างทันทีทันใด การไม่ผลัดวันประกันพรุ่ง การมีรู้สึกตัว มีความใส่ใจต่อการดำรงชีวิต และทั้งหมดนี้ คือการปฎิวัติตนเองเพื่อเดินทางเข้าสู่วิถีแห่งความมีจิตสำนึกใหม่ อย่างฉับพลันทันที

ทำไมต้องมีการพูดคุยกัน...

.

เป็นคำเริ่มต้นที่ได้สื่อสารกับเด็กจักรยาน มีคำถามนำไปก่อนว่า ทำไมต้องมีการพูดคุยกันในวันนี้ เมื่อเราได้เรียนรู้คำว่าการเปลี่ยนแปลงตนเองแล้ว ต่อไปก็มาถึงคำว่าจิตสำนึกใหม่ ถอดคำพูดของข้าพเจ้าออกมาให้ทุกท่านได้สัมผัสกันเลยก็ได้ว่า คำว่าจิตสำนึก นักกีฬาของเราที่อยู่ ณ ที่นี้ มีอยู่คนหนึ่ง ที่น่าจะทราบดีกว่าใครเพื่อน เนื่องจากเขาได้บวชมาแล้วถึงสามพรรษา เราต่างก็ทราบดีว่าคือใคร เด็กทุกคนหันไปทางคนต้นเรื่องจิตสำนึกที่ข้าพเจ้ากล่าวถึง นั้นคือ มงคล มีมา ซึ่งได้บวชเรียนในช่วงวัยเด็กอยู่หลายปี

.

คำว่าจิตสำนึก ในเรื่องที่จะสื่อสารกับพวกเรานั้น ยังไม่ต้องก้าวไปไกลถึงขั้นความอัศจรรย์พันลึกที่เกินขอบเขตจะรับรู้ได้ แต่คำนี้ จะเป็นการทำความเข้าใจกับเรื่องวิถีแห่งความคิดของตนเอง ของตัวเรา

.

พวกเราที่นั่งอยู่ที่นี่ ล้วนแล้วแต่ไม่เหมือนกันในแต่ละคน ตั้งแต่รูปร่างหน้าตา โครงสร้างทางด้านกล้ามเนื้อ กรรมพันธ์ การเลี้ยงดู ความยากดีมีจน เราไม่เหมือนกันในแต่ละคน..

.

แต่มีสิ่งหนึ่ง ที่เรามีเหมือนกันทุกคน มีสิ่งหนึ่ง ที่พวดเรามีเหมือนกันแทบจะทั่วทั้งโลก ทั่วทั้งเมือง กับเด็กร่วมสมัยเราในขณะนี้ คืออะไรใครรู้บ้าง ( เงียบ ไม่มีเสียงตอบ)

.

เมื่อไม่มีใครู้ จะขอทำความเข้าใจต่อไปว่า สิ่งที่พวกเราที่อยู่รวมกัน ณ ที่นี้ มีเหมือนกันทุกคนคือ ..ความไม่ใส่ใจ การไม่รู้จักตนเอง การติดอยู่แต่ความสบาย ไม่อยากจะทำอะไรเลยในแต่ละวัน

.

<a href="http://www.uppicweb.com/show.php?id=333e2f93225c79f82db174a283f1e590" target="_blank"><img border="0" src="http://www.uppicweb.com/x/i/te/1dsc04122.jpg" alt="images by uppicweb.com" /></a>

จะขอเสวนาต่อครับ
.
ทำไมถึงต้องมีการพูดคุยกัน ตัวเราได้ชี้ให้เห็นแล้วว่า สิ่งที่พวกเราที่อยู่ร่วมกันนี้ มีความไม่เหมือนกันทางด้านกายภาพ แต่ทางด้านจิตใจนั้น เรามีเหมือนกันกับบุคลทั่วทั้งโลก ทั้งความกลัว ความโกรธ ความอิจฉาริษยา ความเกียจคร้าน การไม่อยากจะทำอะไร ซึ่งเป็นปัญหาหนักมากที่เรา ในสถานะที่จะเป็นพ่อ เป็นแม่ ของพวกเธอได้ทุกคน เป็นปัญหาที่หนักทางใจอย่างมากในแต่ละวันในแต่ละนาที ทุก ๆ ครั้งที่ปลุกเธอลุกขึ้นไปซ้อม มันเหมือนกับเราได้ทำร้ายพวกเธอ เพราะไม่สามารถทำให้พวกเราสามารถที่จะทำการอันใดได้ด้วยตนเอง ถ้าหากขืนปล่อยให้เป็นไปโดยไม่มีการเคลื่อนไหวทางด้านการเปลี่ยนแปลง ชีวิตของพวกเราคงไม่ต่างอะไรกับเครื่องจักรมนุษย์ ที่ไม่มีความสามารถที่จะเรียนรู้เรื่องการทำงาน ทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ด้วยความรักอย่างแท้จริง ชีวิตของพวกเราจะต้องตกอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์การบังคับ..
.
บังคับให้ลุกขึ้นฝึกซ้อม นี่พูดในสถานะนักกีฬา ยังไม่พูดในสถานะที่เป็นพลเมืองของโลก นี่แค่ชีวิตในความเป็นนักกีฬา แค่เพียงสิ่งเดียวที่เรามีความสามารถในตอนนี้ เรายังไม่สามารถที่จะมอบความรักให้กับสิ่งที่เราทำได้ด้วยความใส่ใจ แล้วเราจะก้าวไปทำอะไรได้ ชีวิตที่รอเราอยู่ในวันขางหน้า เป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัจสากัลย์มาก มีกัปดักกับหลุมพรางที่รอคอยต้อนรับให้เราเดินตกหรือหลงทางไป มีสิ่งที่เราไม่รู้ว่าเป็นภัยอย่างใหญ่หลวงต่อชีวิต นั่นคือเรื่องที่ว่า หากเราไม่รู้จักตัวเองในวันนี้..
.
พวกเรามีความดี ความงาม อยู่ในตัวเอง การพูดคุยกันในวันนี้ คงจะข้ามไปไม่ได้ ว่า ขอขอบคุณนักกีฬาทุกคน ที่เลือกมาอยู่เล่นกีฬาจักรยาน และเวลาที่เราเดินทางไปแข่งขันที่ไหน เรามีความประทับใจในตัวพวกเราเป็นอย่างมาก ที่เจอใคร ๆ ก็แล้วแต่ เรายกมือไหว้เขา สิ่งนี้คือสิ่งที่เรามีความดี ถึงแม้ว่าความโดดเด่นทางด้านการแข่งขันจักรยานของเรายังคงเดินทางไปไม่ถึงดวงดาว แต่ขอให้รักษาความดีงามตรงนี้ไว้ รักษาความนอบน้อมถ่อมตน ฝึกปฏิบัติให้เกิดจากดวงใจ สิ่งนี้เท่านั้น คือสัจจะ ที่เป็นความจริง
.
เราเองได้นำเสนอเรื่องราวของพวกเราที่อยู่ที่นี้ในเวป ไทยเอ็มทีบี มาโดยตลอด มีคนรู้จักพวกเรา และสิ่งหนึ่งที่เราพูดคือความจริง เราจะพูดแต่ความเป็นจริง เพราะความเป็นจริงคือสัจจะ เราจะไม่หลอกลวงใครเด็ดขาด เพราะเรามีศรัทธาต่อชีวิต ขอให้พวกเราที่อยู่ ณ ที่นี้ ได้มีความสำนึกถึงบุญคุณที่เราได้รับ ทั้งเรื่องการบริจาคช่วยเหลือ ทั้งเรื่องการให้กำลังใจ ไม่มีใครเห็นสิ่งที่เราทำ ไม่มีใครรู้ว่าเราเป็นอย่างไร แต่ความจริงที่ได้สื่อสาร จะเปิดเผยกลุ่มก้อนจักรยานของเราที่ร่วมกันสร้างมาจากใจ ให้เป็นที่ปรากฎ
.

 

หัวใจในความเป็นนักจักรยานที่ดี และจะเดินทางไปสู่ฝากฝั่งฝันที่ไกลแสนไกลได้ มีใครรู้บ้างไหมว่าควรเป็นอย่างไร..
.
(เด็กได้แต่นั่งฟัง ข้าพเจ้ามองส่องสายตาเข้าไปสื่อสารกับใจเด็ก ผ่านทางความรู้สึกคิดนึก ดุจว่าใจเรากำลังสื่อสารกันอยู่ )
.
เงียบด้วยการค้นหาคำตอบของเด็กจักรยาน และความเงียบจากภายนอก ที่ไม่มีเสียงอึกทึกครึกโครมกำปะนาทของเครื่องยนต์กลไกใด ๆ
.
ข้าพเจ้าปล่อยให้เกิดการค้นหาคำตอบจากการตั้งคำถาม เพราะการค้นหาคำตอบ คือการค้นหาวิถีแห่งความคิดนึก และถึงแม้นว่าในค่ำคืนนี้จะยังไม่มีคำตอบจากเด็ก แต่เขาได้ค้นหาคำตอบด้วยตัวเองแล้วภายในจิตสำนึก ภายในการคิด
.
ได้ระยะเวลาหนึ่ง คำพูดของตนเองจึงพร่างพรูออกมาเพื่อให้เด้กเกิดการเรียนรู้ว่า สิ่งที่ข้าพเจ้ากำลังสื่อสารกับตัวเขานั้น ตรงกันในความหมายของการคิดที่เกิดขึ้นภายในจิตใจของเขาเมื่อสักครู่นี้หรือไม่ อาศัยความเงียบในการค้นหาคำตอบ เป็นช่องทางให้เกิดการค้นหา ว่าหนึ่งนั้น ผู้พูดพูดได้ตรง จริง ดังที่เขาคาดคิดไว้ก่อนแล้วหรือไม่ ข้าพเจ้าเข้าใจว่า ความเงียบที่ไม่ตอบคำถามของเด็ก ๆ คือการค้นหาความเป็นจริงด้วยตนเอง ค้นหาคำตอบด้วยตนเอง ตามวิถีและแนวทางการศึกษาที่ผ่านมาของแต่ละบุคคล

 

  • ตัวเรานั้น ไม่มีความจำเป็น และไม่มีความสำคัญอันใดกับเธอเลย ..
  •  เราไม่ต้องการให้เธอมาเรียกเราว่าโค้ช เพราะคำว่าโค้ช ยิ่งใหญ่เกินไปสำหรับเรา เราขอเป็นพ่อ เราเลี้ยงพวกเธอดุจดั่งลูก ถ้าหากว่าเธอมิใช่ลูกฉัน เธอจะมานั่งอยู่ ณ ที่นี้มิได้ เพราะเหตอันใดนะหรือ
    .
    เพราะว่าความเป็นจริงแล้ว ความเป็นจริงแล้ว ทุก ๆ คนที่มองพวกเรา มองการเป็นอยู่ มองการแต่งตัว มองดูการพูดการจา บางทีเห็นเราขี่จักรยานยกล้อเล่น บางทีเห็นเราขี่จักรยานปาดซ้ายปาดขวา บางทีเห็นเราขี่จักรยานอยู่เต็มถนน เขาก็มาเล่าให้ฉันฟังว่า ทำไมเด็ก ๆ ไม่มีมารยาทเลย ทำไมเด็ก ๆ ถึงนอนตื่นสาย ทำไมเด็ก ๆ ถึงไม่ยอมลุกไปซ้อม ทำไมเด็ก ๆ เหล่านี้ถึงขี้เกียจกันนัก ทำไมเด็ก ๆ เหล่านี้ถึงไม่ยอมล้างจาน ไม่หุงข้าว ไม่ซักผ้า ทำไมทำอะไรไม่จริงไม่จัง
    .
    ฉันก็ตอบไปว่า ขอให้นึกเสียว่าถ้าเป็นลูกของเรา เราจะทำอย่างไรดี ในขณะที่เราขับรถยนต์อยู่ แล้วบังเอิญเด็กขี่จักรยานขวางทาง เราจะขับชนเขาไหม ในขณะที่เด็กเดินเกะกะอยู่ริมถนน ถ้าเป็นลูกของเรา เราจะด่าทอว่าเขาไหม ตรงกันข้าม เราจะเฝ้าอบรมสั่งสอนลูกของเรา ให้เกิดความคิด เกิดความรู้ เกิดปัญญา ฉันในสถานะนี้ ไม่ใช่โค้ชของพวกเธอ เพราะคำว่าโค้ช ไกลเกินไปสำหรับฉัน ยิ่งใหญ่เกินไป ฉันขอเป็นพ่อของพวกเรา
    .
    แล้วต่อไปนี้ เธอก็อาจจะทราบได้ว่า ตัวเราเองนั้นไม่มีความหมายอันใด ที่จะทำให้เธอยิ่งใหญ่ทางด้านการกีฬาได้ หัวใจสำคัญคือตัวเธอเอง มิใช่ฉัน....

 

การพูดคุยยังคงดำเนินต่อไป ..สำหรับการเขียนนี้ ภาษาอาจจะถอดจากคำพูดได้ดีมากกว่า หรืออาจจะไม่เหมือนการพูดในวันนั้น แต่ความเข้าใจและความหมายคือเรื่องเดียวกัน มีการใช้คำว่าฉัน เข้ามาแทนคำว่า เรา สำหรับการพูดจริง ๆ ไม่ได้พูดคำว่า ฉัน เพียงแต่ใช้แทนในการเขียนเพื่อมิให้มีคำซ้ำมากเกินไปครับ

หัวใจคือตัวเธอเอง มิใช่เรา
.
พวกเราค้นหาได้ไหมว่า การเป็นนักจักรยานที่ดี และจะประสพความสำเร็จในการแข่งขัน จะต้องมีหัวใจสำคัญอะไร
.
(หลังจากเกริ่นนำไปได้สักพัก จึงดึงเข้าเรื่องหัวข้อการพูดคุยกันต่อ )
.
มีใครตอบได้ไหม
.
(ยังคงเงียบ )

ในขณะที่เรานอนอยู่ คนเก่งเขาได้ออกไปซ้อมแล้ว ในขณะที่เรากำลังตัดสินใจอยู่ คนเก่งเขาได้ออกไปไกลลิบแล้ว ในขณะที่เรากำลังงุ่มง่าม ลุกหรือตื่นขึ้นมาอย่าง งง ๆ ยังอยากจะนอนต่อ ไม่อยากจะลุกไปซ้อมเลย เบื่อจักรยานมาก ๆ เลย ในวันนี้ ซ้อมทีไรเหนื่อยทุกครั้ง..คนเก่งเขาไปปั่นอยู่บนถนนแล้ว
.
เราได้ทิ้งโอกาสของตัวเราเองไปอย่างสิ้นเชิง
.
หมายความว่าอย่างไร ข้อแรก หนึ่ง ต้องมีความขยัน สอง มีความมุ่งมั่น สาม มีเป้าหมายในการแข่งขัน และสี่ มีความรัก ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เธอจะลุกไปทำอะไรไม่ได้ หากเธอไม่รักที่จะทำ
คงจะเป็นวาระแรกในการพบปะพูดคุยกันในเวปบอร์ดแห่งนี้ครับ...ขอสวัสดีท่านผู้มีเกียรติทุกท่านครับ หัวข้อที่ได้ตั้งกระทู้คือ  การเปลี่ยนแปลงตนเองสู่วิถีแห่งจิตสำนึกใหม่ นั้น เป็นหัวข้อการนั่งพูดคุยกันกับเด็กจักรยาน หลังจากจบภารกิจที่เป็นธรรมเนียมปฎิบัติอันสืบเนื่องมาทุกปี คือเรื่องการหยุดพักผ่อนในการฉลองวันดีวันขึ้นปีใหม่ ....

เมื่อเด็กกลับเข้ามารวมตัวกันใหม่ จึงได้จัดเสวนาเรื่องการปฎิวัติตัวเอง โดยข้าพเจ้ามานั่งพูดคุยกันร่วมกับเด็ก ๆ ที่บ้านศูนย์ฝึกจักรยานกองบิน 46 โดยเนื้อหานั้นตั้งประเด็นไว้ 4 รายการด้วยกัน ประการแรก เป็นการพูดคุยเสวนาเรื่องทั่วไป โดยใจความหลัก ๆ ก็คงเป็นเรื่องการอยู่ร่วมกัน การประพฤติปฎิบัติตน การเสาะหาสืบค้นเรื่องภายในดวงจิต ตลอดจนแนวทางที่เน้นย้ำคือเรื่องการเรียนรู้ตนเอง รู้จักตัวเองจากภายใน ซึ่งเป็นเรื่องที่ได้ถูกหยิบยกมาเป็นประเด็นแรกในการเสวนาในย่ำค่ำยามราตรี

ประการที่ 2 คือเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกับการเรียนรู้การใช้ชีวิตของตนเองที่ผ่านมา โดยหยิบยกเรื่องการไร้ระเบียบวินัยอย่างแท้จริงของเด็กแต่ละคนมาพิจารณา ชี้ให้เห็นข้อบกพรองที่สมควรได้รับการแก้ไข ปรับปรุง โดยการกระทำต่าง ๆ ของเด็กจักรยาน ได้ถูกเฝ้ามองด้วยการพิจารณาถึงเหตุแห่งที่มาที่ไปตลอด จนบางครั้งตัวข้าพเจ้าเองนั้น ต้องยึดหลักแห่งการเป็นพ่อกับลูกอย่างต่อเนื่อง เหนียวแน่น ด้วยการอยู่ร่วมกันกับเด็ก ๆ นั้น คงไม่มีใคนสมบูรณ์พร้อมไปเสียทุกเรื่อง และที่สำคัญ เด็กแต่ละคนที่มากินนอนอยู่ร่วมกันนั้น คงมิใช่เป็นเด็กที่คงแก่เรียน แน่นอนว่า เขาไม่ใช่เด็กที่เป็นแบบอย่างของทางด้านความดีงาม ทุกคนล้วนเดินทางเข้าสู่ปัญหาที่ถูกกระบวนการในเรื่องของการติดในสิ่งไม่รู้ ติดเกมม์ ติดความฟุ้งเฟ้อ ติดเพื่อน แต่ยังไม่ถึงกับแย่เลยเสียทีเดียว .....

ประการที่สองที่ได้หยิบยกมาพูดคุยกันนั้น จึงเป็นประเด็นหลักของหัวข้อการเสวนาร่วมกันในวันนั้น โดยคำว่า '' ปฏิวัติ '' ที่ได้พูดคุย จึงเป็นคำที่สื่อความหมายในเรื่องของการเปลี่ยนตัวเองอย่างสิ้นเชิง เป็นการเล่าเรื่องสืบค้นถึงการปฎิบัติตนในวาระก่อนสิ้นปีเก่า สืบเนื่องมาจนถึงการเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งปีใหม่ หากข้าพเจ้าปล่อยผ่านเลยไป การเฉลิมฉลองของเด็กคงไม่รู้นัยยะสำคัญของการเริ่มต้นวาระดิถีวันดีวันขึ้นปีใหม่ซึ่งเป็นกุศโลบายของพ่อเฒ่าแม่แก่ที่ได้สอนสั่งลูกหลานให้ทำการละทิ้งเรื่องแห่งการไร้ระเบียบวินัย ไร้รัก ไร้จิตสำนึก ไร้คุณธรรม กองไว้กับปีเก่า วาระดิถีวันดีวันขึ้นปีใหม่ จึงถือได้ว่าเป็นวันที่เราทุกท่านถือกำเนิดและดำรงชีวิตใหม่ ด้วยเรื่องแห่งการปฎิวัติปฎิบัติตนเองใหม่อย่างสิ้นเชิง....

และการเกิดใหม่นี้....ได้ถูกหยิบยกมาพิจารณากันในย่ำค่ำราตรีนั้น ภายใต้โรงเรียนแห่งความรัก '' โรงเรียนใต้แสงดาว.....''

 

ประการที่สามนั้น ....คือหัวข้อในเรื่องของการวางแผนการฝึกซ้อมตลอดปีของเด็กจักรยาน โดยข้าพเจ้ามีคำถามไปยังเด็กแบบเรียบง่ายที่สุดว่า ทำไมเราถึงได้มากินนอนเก็บตัวฝึกซ้อมร่วมกัน ซึ่งกว่าจะได้รับคำตอบจากเด็ก ต้องทำการสืบค้นลงไปอีกว่า เพราะเหตุอันใดถึงไม่มีใครกล้าตอบคำถาม เพราะเหตุอะไรถึงไม่มีใครแสดงความคิดเห็น เมื่อทำการเจาะลึกลงไปถึงก้นบึ้งทางจิตใจ จึงได้เห็นการเปลี่ยนแปลงตนเองใหม่อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเรื่องนี้อยู่ในระหว่างการพูดคุยกันขณะนั้น ข้าพเจ้าได้ทำการเปิดสภาวะที่ถูกซ่อนเงียบ กบดาน หลบหลีก ไม่กล้าเผชิญกับความจริง และเมื่อทำการสืบค้นแล้ว การคลี่คลายคำถามจึงพร่างพรูออกจากจิตของเด็ก ทำให้เราเห็นแง่มุมที่ตนเองไม่เคยคาดคิดว่าจะเป็นคำตอบของเด็กที่ได้ถูกสถาปนาว่าไม่คงแก่เรียนได้ และคำตอบที่ทำให้ข้าพเจ้าเกิดพลังในการประสานงานในหน้าที่ของความเป็นมนุษย์และบุคคลผู้รักในกีฬาจักรยาน จะกระทำการต่อไปได้ คือเรื่องที่ได้รับคำตอบจากเด็กว่า ทำให้ตัวเขาเองนั้น สามารถเรียนรู้เรื่องการช่วยเหลือกันได้ จากการอยู่ที่นี่ (การอยู่ร่วมกัน) ซึ่งเป็นคำตอบที่เรียบง่าย แต่ยิ่งใหญ่ในความหมาย.....

ครับ...เป็นคำตอบที่ตนเองไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า เด็กจะเกิดการซึมซับเรื่องการเกื้อกูลกันได้ และคำตอบนั้น ถือได้ว่า การก่อรูปที่ได้ประสานงานทางด้านนามธรรม เกิดการเปลี่ยนแปลงตนเองได้อย่างแท้จริง ถึงแม้ว่า กลุ่มของเด็กที่อาศัยอยู่ร่วมกันนี้ จะถูกวิพากษ์หรือถูกดูแคลนว่าไม่มีวันเก่ง หรือไม่มีทางที่จะนำพาไปสู่ความเจริญแห่งตนได้ แต่ใครจะรู้ใจของเขาได้เท่ากับตัวเขาเอง ตัวเขาเองเท่านั้น ที่จะทำการปฎิวัติตนเองได้ และวันนี้ ข้าพเจ้าก็เกิดความเชื่อมั่นว่า หนทางสู่วิถีปี 53 นั้น คงเป็นวาระดิถีที่สวยงามได้ ด้วยใจของเขาที่อยู่ก้นบึ้ง ที่แฝงเร้น ซ่อนลึก จากการดึงจิตขึ้นสู่วิถีแห่งความกล้า ขึ้นสู่รากแห่งสภาวะของผู้เจริญ นั่นคือรากแก้วแขนงหนึ่ง ที่จะเจริญงอกงามในกาลปัจจุบัน....



เป็นบทความที่เคยพูดคุยกับเด็กจักรยานบ้านกองบิน 46  ในช่วงต้นปีมานี้ครับ  และได้คัดลอกมาจากเวปบอร์ดที่ลงไว้ในบอร์ดจักรยาน  ขอแนะนำสถานที่ศูนย์ฝึกจักรยาน  กองบิน 46 ที่ซึ่งไม่มีงบประมาณจากองค์กรอันใดทั้งสิ้น  เราอยู่กันมาได้   ด้วยการช่วยเหลือตัวเองอย่างพอเพียง  อยู่ได้ด้วยความพอดีขอรับ ......

ข้าวปลาอาหารข้าวสารแห้ง  พ่อแม่บางคนมีก็นำมาให้   บางครั้งก็หาขายกางเกงจักรยาน   นำเงินกำไรมาซ้อมหาอาหารกินอยู่   บางครั้งก็มีท่านผู้ใจดี  นำมอบให้ไปแข่งขัน  บางครั้งก็หาประมูลเสื้อเพื่อพาทีมไปแข่งกัน   นี้คือที่มาของบ้านหลังนี้ครับ   เดินทางด้วยความพอเพียง   บางท่านใจดี   บริจาคอะไหล่จักรยานมาให้  ได้ใช้ซ้อมใช้แข่งขัน   หลาย ๆ อย่างเป็นการเดินทางด้วยการช่วยเหลือกันตามอัตถภาพที่พึงกระทำได้   ขออนุญาติแนะนำบ้านที่อยู่หลังผลผลิตทางด้านวัตถุดิบ   บ้านที่อยู่ไกลจากวิทยาการร่วมสมัย    บ้านที่ใช้แสงดาวและดวงใจในการเดินทาง......ศูนย์ฝึกจักรยานกองบิน 46    บ้านที่ตั้งอยู่บนเส้นทางแห่งดวงดาว

ไม่มีพลังอำนาจศัตราวุธ  อาวุธชนิดใดในโลหหล้า  ที่จะสามารถชนะพลังแห่งความดีงามได้  

 

กระผมเข้าใจเช่นนี้ครับ 

 

ขอสวัสดีท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน วันนี้ยังคงเป็นการเดินทางมาเล่าเรื่องกิจกรรมที่เกิดขึ้นจากความเพียร ความพยายามที่จะสื่อสารกับทุกท่าน ให้เกิดเป็นเครือข่ายจักรยาน ขอทำความดีเพื่อแผ่นดิน

 ขอเรียนเชิญท่านติดตามเรื่องราวกิจกรรมที่เริ่มตันด้วยความรัก&nbsp; กิจกรรมที่วัตถุประสงค์อยู่นอกเหนือขอบเขตของผลที่เป็นวัตถุดิบ แต่เป็นเรื่องการมอบให้กันด้วยความรัก ให้กันด้วยจิตใจที่ดีงาม...

 

ขอสวัสดีในเข้าวันจันทร์ที่ดีงามครับ

เส้นทางแห่งชีวิตและมิตรภาพ จักรยานคือการเดินทางสื่อสารด้วยใจมาเล่าเรื่อง.....

วิทยาการการฝึกซ้อมก้าวกระโดดไปมาก แต่ผมยังย่ำอยู่กับที่ เนื่องจากอุปกรณ์ช่วยฝึกแต่ละอย่าง หลักหมื่น หลักพัน จึงมีความจำเป็นที่จะต้องถอยกลับไปพึ่งตนเองแบบพื้นฐาน ในเรื่องของการใช้ความสามารถดัดแปลง แก้ไข ค้นหา สิ่งที่ทดแทนกันได้ เรื่องวิทยาการมีความสำคัญ เรื่องไฮเทคโนโลยีมีความจำเป็น แต่ยังไม่ใช่ในปฐมบทพื้นฐาน ที่ว่าด้วยรากเหง้าแห่งตนเอง วันนี้กับกิจกรรมของเด็กน้อย จึงเป็นเรื่องการเรียนรู้ตนเองจากภายใน เรียนรู้การอยู่ร่วมกัน เรียนรู้เรื่องความรักในการกระทำ กระทำการด้วยความรัก ตรงนี้คือเครื่องมือที่เงินเรือนหมื่นเรือนแสนหาซื้อไม่ได้ มีเงินมากไปก็เท่านั้น หากใจไม่สงบสุข หากใจไม่ปิติสมบูรณ์ หากใจเป็นทุกข์ ขอทานนอนตากแดดตากฝนอยู่ข้างถนนยังหลับสบายกว่าคนมีเงินนับแสนพันล้าน เพียงเพราะบาทเดียวที่รับทานะ ย่อมพอเพียงได้ด้วยการรับจากใจ รับด้วยการสื่อถึงการให้ที่ปิติสุข การให้ที่สมบูรณ์จากภายใน และการให้เช่นนั้น คือความสุขสบายใจอย่างสมบูรณ์ทั้งผู้ให้และผู้รับ ผมเปรียบได้ดั่งขอทานที่นอนข้างถนนคนนั้น ฉนั้น เงินเรือนหมื่นแสนพันล้านจึงไม่มีความหมาย เพราะเราต้องการเพียงข้าวอิ่มท้อง ต้องการช่วยเหลือกันเท่าที่จะส่งเสริมกันได้ แค่นี้พอแล้วครับ ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องให้เด็กเก่งระดับโลก เก่งระดับเหนือใครในปฐพี แต่ขอให้เขาเก่งจากภายใน ให้เขามีจิตใจที่สมบูรณ์ สุขสงบ พอเพียง สำนึกตน สัมมาคาระวะครบถ้วน รูจักพระคุณ ทุกอย่างควรเป็นเรื่องที่เราจะเฝ้าดูแลใส่ใจได้ ในแนวทางการเรียนรู้ร่วมกันใหม่ ล้างใจเขาออกไป ล้างสิ่งติดตัวที่ไม่สำนึกรู้ ชำระล้างเรื่องแห่งการติดในสิ่งไม่รู้ และสิ่งที่ข้าพเจ้าเฝ้าเพียรให้เกิดขึ้น คือโครงสร้างทางภายในใหม่ ที่เด็กทั้งหมด จะลุกขึ้นไปดำรงชีวิตตนเอง ด้วยการเกิดภูมิปัญญาแห่งตนขอรับ ...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท