คำว่า "อจิต" ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่า "ไม่มีจิต" นะขอรับ
แต่หมายถึง การฝึกภาวนาอีกแบบหนึ่ง ที่ยกตัวผู้รู้ให้อยู่เหนือจิต กล่าวคือ จิตก็เกิดดับไปตามเหตุปัจจัย แต่ตัวผู้รู้ไม่ได้นำเหตุและผลแห่งจิตนั้นมามีผลต่อผู้รู้ จะเรียกได้ว่า นอกเหตุเหนือผล อย่างท่านผู้รู้เคยสอนไว้ก็เป็นได้
ในอีกมิติหนึ่งหมายถึงว่า จิตก็เกิดดับไปตามเหตุปัจจัยของกงล้อวัฏสงสาย เราจะทำอย่างไรที่จะดูจิตเฉย ๆ โดยไม่ยึดมั่นถือมั่นกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับจิต คล้าย ๆ ดังที่เราดูหนังดูละคร ที่แม้จะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นกับตัวละคร เราก็เป็นเพียงผู้ดู ดูเฉย ๆ ให้รู้ตามจริง
แต่สำหรับปุถุชนอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ นั้น ก็จะโดนสิ่งร้อยรัดทางโลกผู้เรากับจิตเอาไว้ จิตเป็นเช่นไรเราก็เป็นเช่นนั้น
แต่ "อจิต" นั้น จิตเป็นเช่นใด ก็เป็นธรรมชาติแห่งจิตแห่งกรรม เราเป็นผู้ดู ดูเฉย ๆ ดูให้รู้ตามจริง
เอ! บางทีเราก็หาคำมาอธิบายสิ่งบางสิ่งไม่ได้ถูกต้องนักทีเดียวขอรับ
มาชม
เห็นคมมุมคิดดี ๆ นะครับ
ขอบพระคุณครับ
เด็กข้างบ้านครับ การตามดูจิตไปตลอด ทำได้ยากครับ ผมทำได้เป็นช่วงๆ ไม่นานก็ฟุ้ง
สวัสดีค่ะ
มาได้ข้อคิดดีๆจากที่นี่ค่ะ
ขอบคุณนะคะที่แวะไปทักทายกัน
ขอบพระคุณท่าน UMI ที่กรุณาแวะมาทักทายขอรับ
สวัสดีครับ ครูหยุย
เด็กข้างบ้านครับ การตามดูจิตไปตลอด ทำได้ยากครับ ผมทำได้เป็นช่วงๆ ไม่นานก็ฟุ้ง
สวัสดีครับ พี่ณัฐ