หมอเจ๊ คนสวย แซ่เฮ
พ.ญ. ศิริรัตน์ เอกศิลป์ สุวันทโรจน์

เยือนเมืองเหนือปี ๕๓ (๒) : เมื่อไรก็เมื่อนั้น


ความกลัวในใจทำให้ใจร้อน ไม่รู้สึกกลัว เปลื้องอารมณ์เบื่อๆและความคิดตำหนิตัวเองออกไปแล้ว ใจที่เย็นขึ้นช่วยหาทางเลือกใหม่ให้ได้

เมื่อรู้ว่ามีรถให้เดินทางในรอบบ่ายได้ ฉันก็วางแผนเวลาของวันนี้ซะใหม่ ตัดสินใจโดดเรียนก่อนถึงพักเที่ยงแทนที่จะหายไปเฉยๆเต็มวันเหมือนคราวไปสวนป่า ขอแก้ตัวเป็นลูกศิษย์ที่ดีขึ้นเรื่องการโดดเรียนค่ะ

งานนี้มี ๒ สาว อุ๊ยจันตาและเมียสิบล้อเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดค่ะลุงเอก…อิอิ

ตอนเช้าก่อนออกจากที่พักฝากสัมภาระบางส่วน ไว้ที่พัก บอกว่าขากลับจะมาพักใหม่

กินข้าวกลางวันก่อนเดินทางจากศูนย์ราชการ  ขึ้นรถบัสบริการฟรีของศูนย์ราชการ มาขึ้นรถแท๊กซี่ต่อที่ริมถนนแจ้งวัฒนะ

ไว้ใจแท๊กซี่เรื่องเส้นทางวิ่ง โชเฟอร์พารถวิ่งเข้าถนนริมคลองประปาแทนเส้นหลักสี่ เจอรถติดยาวทีเดียว วิ่งเข้าไปได้ค่อนทาง  มองเวลาแล้วไม่น่าจะไหว ฉันจึงบอกว่า ตัดสินใจให้หน่อยเหอะ เดี๋ยวจะไปไม่ทันขึ้นรถเดินทาง

โชเฟอร์ตัดสินใจอยู่พักหนึ่งจึงหารือว่าขอ วิ่งย้อนเส้นทางเดิมได้ไหม อนุญาตแล้วเขาก็พารถวิ่งย้อนมาถึงทางลอดใต้สะพานตรงแยกคลองประปาพบว่าถูกปิด เมื่อรถวิ่งลัดตรงไปไม่ได้ ถูกบังคับให้วิ่งเลียบซ้ายตรงไปอีกทาง โชเฟอร์เริ่มกังวล ถามมาว่า “วิ่งบนทางด่วนไหม” ตอบเขาไปว่า วิ่งเส้นธรรมดาข้างล่างนี่แหละ ดูเหมือนเขาอึ้งไป

เมื่อวิ่งตรงไปเรื่อยๆจึงรู้ว่า ที่โชเฟอร์กังวล เพราะเขาไม่รู้ว่าสามารถยูเทิร์นไปฝั่งตรงข้ามได้ตรงทางด่วน บอกเส้นทางให้เขาวิ่งรถไปข้างทางด่วน จนสามารถยูเทิร์นไปฝั่งตรงข้ามได้

บรรยากาศ ชานชาลารถสายเหนือของสถานีหมอชิตยามบ่าย

สอบอารมณ์ของตัวเองไปตลอดทางเหมือนกัน มีจี๊ด มีโกรธหรือเปล่า พบว่ามีอารมณ์เบื่ออยู่เบาๆ  ตำหนิตัวเองก็มีด้วย

ยูเทิร์นมาแล้วรถวิ่งเร็วจี๋วิ่งแล้วเบรค บอกให้รู้ว่าคนขับมีความกลัวในใจทำให้ใจร้อน ที่แปลกก็คือเมื่อฉันพบว่าไม่รู้สึกกลัวกับการไปไม่ทันขึ้นรถ เปลื้องอารมณ์เบื่อๆและความคิดตำหนิตัวเองออกไปแล้ว โชเฟอร์ดูเหมือนใจเย็นขึ้น และช่วยหาทางเลือกใหม่ให้กับฉันได้

เขาเสนอให้วิ่งรถไปเข้าด้านหลังของสถานี หมอชิตซึ่งฉันไม่รู้จักหรอก  เมื่อฉันบอกว่าไม่รู้จักแต่อนุญาตให้ลองดู เขามั่นใจขึ้น แล้วรถก็พาฉันมาส่งถึงหมอชิตที่เวลา ๑๓.๕๕ น.

ก่อนลงจากรถ เขาแสดงความเสียใจและขอโทษที่ทำให้ฉันเสียเวลา  ฉันกล่าวตอบด้วยคำขอบคุณเขาสั้นๆก่อนปิดประตูรถให้

ลงจากรถได้แล้วก็รีบไปที่ช่องขายตั๋วของ บริษัทที่มาดูไว้ตั้งแต่เมื่อวาน ก็ได้รับคำตอบว่า วันนี้รถงดวิ่ง ใจแป่วเลย คิดว่าต้องแกร่วรอให้ค่ำจึงจะเดินทางได้ ระหว่างความคิดแล่นอยู่ว่าจะใช้เวลาที่ต้องรออย่างไร ก็มีคนชี้ไปที่ช่องขายตั๋วถัดไปพร้อมบอกว่า “ถามเขาดู”

เดินไปดูก็เห็นป้ายบอกเชียงใหม่รถออก ๑๔.๓๐ น. ก็ใจชื้น นับเวลาเดินทางแล้วคาดเดาว่า น่าจะถึงเลยเที่ยงคืน ก่อนซื้อตั๋วจึงเช็คเวลากับเจ้าถิ่น “ถ้าไปถึงเชียงใหม่ตีหนึ่งจะเป็นยังไง” เมื่อเจ้าถิ่นตอบกลับมาว่า “ไปถึงเมื่อไรก็ไปรับเมื่อนั้น” เท่านั้นการสมรู้ร่วมคิดก็เสร็จสิ้นลงค่ะลุงเอกขา

จนถึงเวลานี้ รถก็ยังจอดอยู่เฉยๆ ดีนะที่รีบมาแบบใจเย็นๆ

ได้ตั๋วแล้วก็รู้สึกเอะใจกับบริการที่ช่อง ขายตั๋วเล็กน้อย  เมื่อพาตัวเดินไปขึ้นรถที่ชานชาลาที่ชี้บอก ก็เห็นพนักงานกลุ่มหนึ่งแต่งกายเรียบร้อยนั่งคุยคล้ายนั่งรออยู่ เดินเข้าไปกะว่าจะให้โหลดกระเป๋าไว้ใต้ท้องรถ ที่ไหนได้ พวกเขาชี้บอกว่าให้ขึ้นนั่งบนรถแล้วก็เฉยๆ เดินต่อไปที่รถก็ไม่มีใครรอรับกระเป๋าไปโหลด

เดินขึ้นรถก็เห็นคนสวยในชุดสีม่วงยืนอยู่ ถามเธอว่ามีที่วางกระเป๋าให้ไหม เธอก็ตอบว่ามี เมื่อเธอรับตั๋วไปตรวจสอบแล้วฉันก็รอว่าเธอจะให้ใครมารับกระเป๋าไปโหลด เธอชี้ไปที่นั่งแล้วบอกว่า พี่นั่งตรงนี้ค่ะ แล้วเดินจากไป…แป่ว

แป่วแล้วก็หมดอารมณ์ใช้บริการโหลดกระเป๋า เมื่อนั่งลงจึงวางกระเป๋าไว้ตรงช่องว่างระหว่างที่นั่งแทน วางลงไปแล้วก็พบว่า อืม เธอไม่ได้พูดโกหกหรอก บริเวณที่ว่างระหว่างที่นั่งนั้นมีช่องว่างให้วางกระเป๋าได้จริงๆ…อิอิ

นั่งอยู่ตรงที่นั่งแล้วดูเวลาไปพลาง ถึงเวลา ๑๔.๓๐ น. นึกว่ารถจะออก ที่ไหนได้

เมื่อคนสวยถูกป้อนคำถามจากผู้คนหลายคนว่า ถึงเวลาแล้วทำไมล้อยังไม่เลื่อน  เธอปล่อยคำพูดออกมาว่า หนูไม่รู้ ถามคนปล่อยรถซิค่ะ  เอาแล้วไงความเอะใจตอนซื้อตั๋วถูกเฉลยแล้ว

สภาพ ภายในของรถ สบายแค่ไหน ดูได้จากในภาพ

ระหว่างที่ถึงเวลาแล้วล้อยังไม่เลื่อนซะที ผู้โดยสารหลายคนหงุดหงิดใจจนส่งเสียงบ่น บ่นผ่านโทรศัพท์ไปทางปลายสายว่า รถยังไม่ออกเล้ย ทีหลังอย่าใช้บริการบริษัทนี้เลยนะ แล้วเอ่ยชื่อบริษัทออกมาก็มี

ถึงเวลาแล้วล้อไม่เลื่อนนั้นก็มีเหตุอยู่ ข้อสังเกตที่รับรู้ก็คือ ได้ยินเสียงคนสวยสอบถามไปที่ห้องขายตั๋วหลายครั้งเรื่องชื่อคนซื้อตั๋วและ เช็คเบอร์ที่นั่งที่มีคนนั่งแล้ว ได้ยินชื่อบริษัทหลายบริษัทที่ออกตั๋วที่นั่งให้มาขึ้นรถคันนี้ด้วย  ได้เห็นทหารเรือเด็กๆคนหนึ่งโดนคนสวยเรียกให้ผุดลุกผุดนั่งอยู่หลายรอบกับ การเช็คตั๋ว ได้เห็นผู้คนบางคนทิ้งตั๋วแล้วเดินลงจากรถไป

สิ่งที่ได้เห็นและได้ยินบอกฉันว่า บริษัทรถทัวร์ที่นี่เขาทำงานด้วยกันแบบเครือข่ายหนา เป็นอะไรที่ดีในมุมมองของฉัน ดีที่ฉันว่าคือการไม่แข่งขันกันจนพาเจ๊งในสถานการณ์เช่นวันนี้

คนสวยที่ทำให้รู้สึกทึ่งเมื่อเห็นการแต่งกายและฝีมือใส่รองเท้าส้นสูงเดินในรถ โดยไม่ล้มและมือถือของในระหว่างรถวิ่งของเธอ

เหตุเกิดที่ได้พบพานวันนี้ฉันมองว่าเป็น จุดอ่อนของการขาดการจัดการที่ดีด้านการประสานงานระหว่างคนหน้างาน การที่ล้อไม่สามารถเลื่อนออกได้ตามเวลาเป็นผลผลิตที่ฟ้องฝีมือของผู้บริหาร คนที่อยู่หน้างานซะมากกว่า

นึกแปลกใจกับอารมณ์ตัวเองในตอนนั้นอยู่ เหมือนกัน ไม่มีอารมณ์หงุดหงิดหรือโกรธบริษัท แต่เข้าใจซะมากกว่าแฮะ

รถที่นั่งไปเป็นรถบัส ๒ ชั้น วิ่งไม่เร็วและไม่เหวี่ยงตัว บอกให้รู้ว่า คนขับรถเขาไม่ประมาท  ก่อนรถวิ่งคนสวยก็ทำหน้าที่ของเธอ แจกน้ำดื่ม ขนมให้จนครบที่นั่ง  ระหว่างทางก็ให้บริการอีกเป็นระยะๆ  ไม่เหมือนนครชัยแอร์ก็ตรงที่ไม่มีงานเก็บขยะของคนสวยหลังแจกอาหารและน้ำค่ะ

รถเคลื่อนล้อออกจากหมอชิต ๑๕.๐๐ น. ถึงแม้บนรถมีทีวีติดอยู่ ตลอดทางโชเฟอร์และคนสวยก็ไม่ได้เปิดให้ดูหรอก เป็นเรื่องดีที่ฉันนึกขอบคุณอยู่ในใจไม่น้อยที่ทำให้ฉันได้อยู่เงียบๆและได้ พักผ่อนเต็มที่

ที่นั่งที่ได้มานั้นอยู่ตรงชั้นล่าง ทีแรกไม่ได้นึกอะไรมากนัก จนเมื่อเหลือบไปเห็นห้องน้ำที่ด้านหลัง นึกถึงเรื่องกลิ่นไม่พึงประสงค์ขึ้นมาแวบหนึ่ง  โชคดีที่ตลอดทางไม่มีใครทำให้เกิดกลิ่น จึงนั่งได้สบายๆมาจนสุดเส้นทาง

เมื่อรถวิ่งมาถึงกำแพงเพชร โชเฟอร์จอดแวะให้เติมอาหารใส่ท้อง มีอาหารบริการให้ตามตั๋ว เป็นข้าวราดแกง บะหมี่ ก๋วยเตี๋ยว ข้าวจานเดียว แล้วแต่ผู้คนจะเลือก มื้อนี้ฉันเลือกกินบะหมี่ต้มยำหมู ชิมรสชาดแล้วอร่อยดี

ห้องน้ำที่ผ่านเข้าไปใช้ที่ร้านอาหารนี้ ไม่ถึงกับเลอเลิศ ความสะอาดพอยอมรับได้  เมื่อคนสวยเธอเข้าไปใช้ห้องน้ำผู้หญิงด้วย ผู้โดยสารหลายคนก็ทักกันเกรียว ซึ่งเธอก็เป็นตัวของตัวเองดีนะ เมื่อตอบว่า หนูก็ใช้ของหนูที่นี่แหละ

ก่อนขึ้นรถก็เดินยืดเส้นยืดสายแก้เมื่อย ชมบรรยากาศรอบร้านไปด้วย เห็นถนนและผืนดินเปียกน้ำเล็กน้อย บ่งบอกว่าฝนเพิ่งตกผ่านไปไม่นาน บรรยากาศที่สัมผัส เงียบสงบ ไม่เห็นรถสัญจรไปมาเท่าไร

บรรยากาศเมืองกำแพงเพชร ตอนที่รถแวะพักให้กินข้าวเย็น หน้าร้านอาหารมีช้างไม้หลายตัวยืนเฝ้า

ได้ยินเสียงโชเฟอร์ชวนกันขึ้นรถและบอกกันว่า ไปกันเถอะ อยากกลับบ้านไปดูบอลเต็มแก่แล้ว จึงนึกขึ้นได้ว่าช่วงเวลานี้เป็นฤดูกาลของฟีฟ่าฟีเวอร์

หลังอิ่มท้อง หนังตายังไม่ทันหย่อน คนสวยก็เดินบริการผ้าห่มให้ คนนั่งข้างฉันซึ่งเป็นผู้ชายตัวใหญ่หลับไปก่อนที่จะได้ใช้บริการจากเธอ

ได้คุยกับเขาระหว่างรถวิ่งบ้าง โดยฉันถามเขาว่า เวลาที่จะถึงเชียงใหม่น่าจะเป็นเวลาไหน เขาตอบมาว่า ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน เพิ่งใช้บริการของบริษัทรถทัวร์นี้ครั้งนี้เองแหละ แล้วก็ได้คุยกันอีกครั้งเมื่อรถวิ่งเข้าถึงเขตเมืองเชียงใหม่แล้ว

ในที่สุดการเดินทางก็ถึงปลายทาง ณ เวลาตีหนึ่ง พาตัวลงจากรถแล้วเหลียวมองหาผู้มารับ  สักครู่จึงเห็นตัวกันและกัน

๒ สาวมากันพร้อมหน้า ได้ความว่า คืนนี้อุ๊ยเตรียมที่นอนไว้ให้ที่ห้องอุ๊ย

รู้สึกตั้งแต่ก่อนเดินทางว่าอุ๊ยเป็นห่วง เรื่องหนังสือเชิญตัวฉันมาทำงานจากเจ้าของเรื่อง  จึงบอกให้อุ๊ยคลายใจว่า หนังสือเชิญถึงมือโรงพยาบาลแล้ว ลูกน้องฉันโทรมาบอกเมื่อบ่ายของวันนี้  ส่วนการติดต่อโดยตรงจากผู้ประสานงานนั้นแม้จะเงียบ ก็ไม่เป็นไรเจอตัวกันแล้วค่อยสานกันต่อได้ ตอนที่บอกรู้สึกเหมือนอุ๊ยกังวลอะไรบางอย่างอยู่ลึกๆ

เจอกันแล้ว อุ๊ยบอกว่าหิว ๓ สาวจึงยกขบวนกันไปหาข้าวต้มกิน อิ่มท้องกับข้าวต้มหอมๆและกับข้าวแล้ว เมียสิบล้อก็พาตัวไปส่งที่ห้องพักของอุ๊ย  นัดหมายเจอกันในวันรุ่งขึ้น แล้วก็ลาจากกัน

อุ๊ยพาตัวขึ้นไปห้องพัก จัดที่นอนให้ หลังจากจัดการตัวเองกันเรียบร้อยแล้ว ก็นั่งคุยกันต่อจนตี ๔ จึงแยกย้ายกันไปนอน ที่นอนอุ่นๆที่อุ๊ยจัดให้ ทำให้ฉันหลับสบายจนถึงรุ่งเช้า

๑๑ มิถุนายน ๒๕๕๓

หมายเลขบันทึก: 375997เขียนเมื่อ 17 กรกฎาคม 2010 00:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 23:13 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

รถไม่สวยเท่าสมบัติทัวร์5555555

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท