กอด
ฉันเคยลองนึกว่า.........ถ้าฉันตายในเดี๋ยวนี้ มีสิ่งใดบ้างพี่ฉันอยากทำอยู่สิ่งใดบ้างที่ฉันยังทำอยู่......มีสิ่งใดบ้างที่ฉันยังไม่ได้ทำเลย....ชีวิตที่ผ่านมาเป็นที่น่าพอใจแล้วกระนั้นหรือ ?
แต่แล้วฉันก็พบว่า.......ฉันยังพลัดวันประกันพรุ่งในสิ่งที่ฉันอยากจะทำเวลาของฉันจ่อมจมไปกับเรื่องอื่น ๆ สิ่งอื่น ๆ และบุคคลอื่น ๆ
ฉันใช้เวลาเพื่อชีวิตตนเองน้อยเสียเหลือเกิน ดูดูไปแล้วช่างน่าเสียดายที่ฉันได้ทำบางส่วนของชีวิตหล่นหายไป ส่วนที่เป็น เข้าช่วงปลายฝนต้นหนาว เป็นเวลาพักผ่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์เราคือการนอนพักอยู่กับบ้าน ฉันอิจฉาคนที่ได้ต้องตื่นแต่เช้ามาทำงานแบบอาชีพอย่างเราๆ ผู้ช่วยเหลือคนไข้...พอ ถึงโรงพยาบาลหันดูภายในตึกมีคนไข้มาก ๆ ม๊าก น่าเบื่อ ๆ ที่สุด ก่อนจะลงมือทำงาน รับเวร-ส่งเวรก่อนทุกครั้ง.....พอการส่งเวรมาถึงห้องแยกโรค เช่นการรับเวรที่น่ารังเกียจที่สุด ห้องนี้พวกเราจะเรียกว่าห้อง UFO ซึ่งแปลว่า ห้องมนุษย์ต่างดาวที่ใช้ศัพท์ เรียกคนไข้ จำพวก แยกโรคต่าง ๆ รวมถึงคนไข้ HIV ซึ่งเป็นโรคที่ใคร ๆ เป็นแล้วมีทางเดียวที่จะหลุดพ้นไปได้คือ ความตาย เท่านั้นเอง ห้องแยกโรค เป็นห้องที่ติดแอร์ เย็นฉ่ำ มาก ภายในห้องแคบ แออัด เหมือนกับการขึ้น เลิฟสูง ๆ หลายชั้น ที่หายใจไม่ออกอย่างบอกไม่ถูกที่เดียวเลย มีร่างชายสูงประมาณ 160 กว่านั่งกอดเขารูปร่างผอมนับซี่โครงได้ ว่ามีครบหรือเปล่า ผู้ป่วยรายนี้มองหน้า ฉันอย่างจะบอกอะไรสักอย่างในแววตาของเข้ามีน้ำตาลไหลออกมาเป็นทาง
ผู้ป่วย : ผมมีไข้ไม่ครับ แล้วความดันเป็นอย่างไรบ้าง ? เค้าถามฉัน ฉันตอบไปว่า
ยังมีไข้สูงนะต้องเช็คตัวและกินน้ำเยอะๆ ได้ช่วยระบายความร้อนออกมาจะไข้จะได้ลด ส่วนความดันนั้นต่ำ นิดหนึ่งไม่ไปไรหรอก
หลังพูดจบเดินหันหลังให้มือหนึ่งผลักประตูออกแต่ก็ต้องสะดุ้งตกใจอย่างรุนแรงเมื่อผู้ป่วยถามฉันว่าจำได้หรือเปล่า ฉันหันไปมองแล้วตอบว่าขอโทษค่ะ จำไม่ได้จริง ๆ ผู้ป่วยมองด้วยแววตาสงสัยแล้วพูดออกมาว่า จำไม่ได้จริงหรือฉันพยายามนึกเท่าไรก็นึกไม่ออกสักที จนกระทั้งผู้ป่วยตอบว่า “ผม......วรา งัย” จำได้หรือยัง ฉันยิ้มแบบแห้ง ๆ ตอบว่าขอโทษค่ะ จำไม่ได้จริงๆ ผู้ป่วยลุกขึ้นนั่งแล้วพูดต่ออีกว่ามอง ให้ดีเด็กนรก คำ ๆ นี้เป็นฉายาของแก๊งของฉันตอนเรียน ม.ปลาย ที่คุณครูตั้งให้ ฉันรู้สึกโกรธมาก ทำตาลุกเท่าไข่หานพร้อมทั้งพูดเสียงดังว่า ....ขอโทษค่ะคุณเป็นใคร ที่สามารถรู้จักฉายานี้ ! ผมวรา หนึ่งในสมาชิกของแก๊งไง ฉันนิ่งไปครู่หนึ่งพร้อมทั้งตอบไปว่าจำได้แล้ว ฉันสงสายตาไปพร้อมกับหัวเราะและตอบว่าสอง ใช่มั้ย....ใช่ผมเอง....ผมจะคุยกับเธอหลายวันแล้วแต่ไม่กลัวคุยกล้าว่าเธอจะรังเกียจผม ฉันตอบว่าไม่หลอก....คุยได้ตลอด แล้วใครมาเฝ้าเธอ สองตอบว่า “แม่” สองไม่มีแฟนหรือ ? ... มีแต่เลิกกันแล้วเราไม่มีลูกเพราะผมกลัวจะเป็นแบบผมอีก ฉันถามด้วยสีหน้า งง งง สองบอกว่า จำได้มั้ย ผมเป็นเด็กบ้านแตกมันเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูกเว้นวรรคเด็กที่พ่อแม่ต้องแยกทางกันฉันตอบสองว่าเดี๋ยวเราคอยคุยกันนะเพราะวันนี้ อยู่เวรช่วงเช้าต่อจนถึงเที่ยงคืน ฉันกลับมาทำงานตามหน้าที่ จนถึงเวลาวัดไข้ตอน18.00 น.
พอฉันผลักประตูเข้าไป....สองมองด้วยแววตาคนที่รอคอยใครสักคนอย่างจริงจัง พร้อมกับอมยิ้มเล็กน้อย ฉันถามสองว่ายิ้มอะไร สองพูดด้วยสายตาที่อ่อนโยนน้ำเสียงแผ่วเบา ว่าก็เธอไม่ลืมสัญญาตอนเช้าของวันนี้ ฉันตอบว่าสัญญาอะไร ก็เธอบอกว่าตอนเย็นเธอจะมาอีกครั้ง ฉันก็นึกในใจว่า....แล้วไปสัญญาอะไร พอดีมีคนผลักประตูเข้ามาเป็นกำลังแห้งตาย เพราะห้องนี้ไม่อยากเข้าไปอยู่นาน ๆ เนื่องจากแน่นหน้าอกหายใจไม่ออกเลยเป็นผู้หญิงวัยกลางคนสูงประมาณ 160 กว่า พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวานมากจากใจและน้ำเสียงนั้นมาพร้อมกับสายน้ำที่ไหลออกมาจากเป้าตาทั้งสองข้างลงมาเป็นทางลูกเป้นอย่างไร ปวดตรงไหนกินข้าวหรือยัง เจ็บมากไหม ฉันฟังแล้วรู้สึกดีใจ แทนเลยแต่สองไม่บอกได้แต่นอนนิ่ง ๆ เหมือนกับคนไม่มีชีวิตจิตใจเองเสียเลย มือทั้ง 2 ข้าง หิ้วของกินพะรุงพะรัง แล้วก็ถามอีกว่าลูกจะกินอะไรแม่ซื้อของที่ลูกชอบทั้งนั้นเลย
คำตอบที่ผู้เป็นแม่ได้ยินนั้น .....เหมือนสายฟ้าฟาดลงบนหัวใจของผู้เป็นแม่ คือ แม่ยังจำได้อีกหรือว่าผมชอบกินอะไร แม่ของสองถึงกับทรุดตัวลงเหมือนคนล้มทั้งยืนแล้วพูดว่าสองทำไม่พูดกับแม่อย่างนี้ละ ลูกฉันหันไปมองเพื่อนแล้วพูดว่า “สอง” แม่อุตสาห์มาหานะ เธอทำแบบนี้ไม่ถูกนะสองถึงยังไงเขาก็ยังเป็นแม่เธอไม่เข้าใจคำว่าเด็กบ้านแตกหรอก สองฉันจะไม่พูดกับเธอแล้วนะถ้าสองยังไม่ขอโทษแม่ ฉันก็เดินออกมาด้วยความโกรธสองมากคิดในใจว่าไม่พูดกับสองอีก
พอตกดึกก่อนที่ฉันจะลงเวร ฉัน เห็นแม่ของสองนั่งอยู่ตรงหน้าห้องคนทำความสะอาดด้วยสีหน้าที่เหมือนคนแบบ โลกนี้ไข้คนเกียจ ฉันเดินเข้าไปแล้วลงนั่งข้าง ๆ แม่ แล้วถามว่าแม่กินข้าวหรือยัง แม่ก็ตอบว่ากินแล้ว แล้วลูกละกินยังดิฉันยิ้มพร้อมทั้งเอามือของดิฉันไปจับมือแล้วลูบ เบา ๆ พร้อมกับพูด แม่ไม่รู้หรือว่าสองเค้ารักแม่มากนะ แม่มองหน้าฉันด้วยแววตาที่งง และนิ่งไปพักหนึ่ง แม่พูดพลางแล้วก็มีน้ำตาไหลออกมา ...หนูคือเพื่อนของสองตอน ม.ปลายแล้วเราก็ไปเรียนที่สงขลาด้วยกัน 6 คน เป็นผู้หญิง 2 คน ผู้ชาย 4 คน หนึ่งในนั้นเป็นสองไปเลยด้วย แต่สองเค้าเรียนแค่ 2 ปี แล้วถูกให้ออก เพราะเกรดไม่ถึงพี่ทางวิทยาลัย ตั้งไว้ และแม่รู้ไหมว่าสองเค้าเลือกคณะอะไร แม่ตอบด้วยสีหน้าที่ งง ก็คือ คณะครุศาสตร์อย่างพี่แม่เป็น แม่หันมามองฉันพร้อมทั้ง เช็ดน้ำตา และเปล่งน้ำเสียงห้วน ๆ ออกมาจริงหรือ ! ค่ะแม่ แต่สองไม่เคยบอกแม่เลย เค้าบอกแม่ว่าเรียนเอกศิลปะ ซึ่งเป็นเอกที่แม่ไม่ชอบ และแม่ไม่เคยถามเค้าอีกเลย ได้แต่ส่งเงินให้เค้าแค่นั้น เพราะแม่ไปมีครอบครัวใหม่ จึงทำให้สองน้อยใจในตัวแม่ หลังจากนั้นสองไปอยู่ กทม. เสียหลายปี จนกระทั้งเค้ากลับมาอีกครั้งอยู่ในสภาพแบบนี้ สองเล่าให้หนูฟังว่า เค้าใช้ชีวิตแบบหนุ่มเจ้าสำราญไปวัน ๆ ไม่คิดอะไรกับชีวิต ไม่มีเงินก็ขอพ่อถ้าไม่พอก็ขอแม่ ให้มีเงินใช้ก็พอแล้วชีวิตนี้ แม่ค่ะ แม่เคยถามเค้าไม่ว่าอยากได้อะไร มีปัญหาอะไรจะคุยกับแม่มั้ย มีอะไรจะให้แม่ช่วยเหลือไม่ แม่เคยถามสองบ้างมั้ย แม่นิ่งเงียบแล้วตอบฉันว่า แม่ไม่เคยถามเค้าสาย แม่และก็แม่แล้วฉันก็ตอบแม่ว่า แม่มัวแต่สร้างครอบครัวใหม่ของแม่ แต่แม่ไม่เคยคิดถึงจิตใจของสองว่าต้องการอะไรกันแน่ แม่ค่ะเงินทองของวัตถุ ไม่ใช่สิ่งที่ลูกต้องการหลอกนะ แม่มองหน้าฉันแล้วทำตาเขียดปัด! แม่ลองวิธีหนูมั้ย แม่มองแบบสายตาที่อ่อนโยนแล้ว ไม่มีเสียงตอบรับจากแม่เลยพร้อมทั้งแม่นิ่ง ฉันไม่สามารถมองออกเลยว่าแม่คิดอะไร อยู่ แล้วฉันก็บอกวิธีการที่ว่า 3 วิธี 1 แม่ลองเข้าไปกอดแล้วเอามือทั้งสองลูบหลังเบาๆ พร้อมทั้งถามว่า วันนี้ลูกมีอะไรจะบอกแม่ไหม วันนี้ลูกรักแม่มั้ย แต่แม่รักลูกทุกวันเลย หรือ 2 แม่โอบไหลแล้วเอามือลูบศีรษะของลูก เบาๆ พร้อมทั้งถามเหมือนข้อความเดิมและวิธีสุดท้าย แม่จับมือของลูกพร้อมทั้งลูบไหลเบาๆ หรือไม่ก็เคาะเป็นจังหวะพร้อมทั้งมองที่แววตาของลูกดูอย่าใช้น้ำเสียงที่แข็งจนเกินไป เราจะไม่ได้คำตอบออกมา
ฉันไม่รู้หรอกว่าเป็นการสอนหนังสือพระสังฆราชหรือเปล่า แม่จะเอาไปใช้กับสองก็ได้นะหนูขอกลับก่อนเดี๋ยวจะลงเวรแล้วพรุ่งนี้ค่อยพบกันใหม่
พอวันรุ้งเช้า ฉันเข้าไปเปลี่ยนผ้าปูก็ต้องตกใจอย่างบอกไม่ถูกเลยว่า แม่กำลังป้อนข้าวต้มให้สองกิน และสองก็กินจนเกือบจะหมดชาม แล้วหันมาพูดกับฉันว่า ...ไอเด็กนรก แกพูดอะไรกับแม่ ฉันตอบว่าเปล่า ไม่ได้ทำอะไรเลย สองมองแล้วอมยิ้มแบบยิ้มที่ออกมาจากใจ โดยไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำ แม่พูดกับฉันว่าแม่ไปซื้อของก่อนฝากไว้เดี๋ยว ฉันก็ตอบแม่ว่าไม่รับฝากหรอก แม่หัวเราะทั้ง ๆ น้ำตาไหลออกมา ฉันหันมาถามสองว่าเป็นอย่างไร
สองตอบว่า เกือบ 18 ปี แล้วที่แม่ไม่เคยกอดฉันเลย ฉันมีความรู้สึกว่าการที่แม่กอดฉันมันอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ทั้ง ๆ ที่ฉันไม่ได้สัมผัสมาก่อนฉันรู้แล้วว่าแม่รักฉันแค่ไหน ทั้ง ๆ ที่ฉันเป็นโรคที่ใคร ๆ รังเกียจแม่ไม่เคยรังเกียจแม้แต่น้อย เมื่อคืนฉันมีความสุขที่สุดและจะไม่ขอลืมคืนนี้ว่า ..มันอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกเลย ฉันคิดว่าชีวิตนี้ ฉันเหมือนอยู่บนโลกใบนี้อย่างโดดเดี๋ยวอ้างว้าง แต่เดี๋ยวนี้ฉันรู้แล้วว่า แม่รักฉันขนาดไหน ฉันจะไม่ทิ้งแม่ไปอีกแล้ว ฉันอยากจะขอโทษแม่.....คนเราทุกคนไม่มีใครที่ไม่เคยทำผิดพลาด มาก่อนแล้วแต่ใครจะคิดหรือไม่คิด และบางครั้งคนเราไม่มีโอกาสมากพอที่จะย้อนเวลาไปได้ ขอแค่คิดแล้วเริ่มทำก่อนที่จะสายเกินไปที่จะไม่ได้ทำ แล้วจะมาโทษใครอีกไม่ได้ว่าเป็นคนผิด
“ เธอได้ทำสิ่งผิดพลาดหลายอย่างในชีวิต ที่เธอรู้สึกผิดและอายทุกครั้งที่นึกถึงมัน เธอเข้าใจดีว่าความผิดพลาดเกิดได้กับคนทุกคน แต่เธอก็ทำใจไม่ได้” อยากจะบอกเธอว่าบางครั้ง การยกโทษให้คนอื่นดูจะได้กับคนทุกคน แต่เธอก็ “ทำใจไม่ได้” อยากจะบอกเธอว่าบางครั้งการยกโทษคนอื่นดูจะง่ายกว่าการยกโทษให้ตัวเอง โปรดอย่าทำร้ายตัวเองอีกต่อไปเลย วันนี้ไม่ใช้วันวาน ขอให้เริ่มต้นวันใหม่.....ชีวิตใหม่ ด้วยการให้อภัยตนเอง
"หากรู้จักมองชีวิตให้ครบทุกด้าน กาลเวลาที่เราสมมุติว่าเป็นอดีตหรือปัจจุบัน ย่อมเป็นครูสอนชีวิตให้มีคุณค่าและสามารถฟ้องอนาคตข้างหน้าว่า จะเป็นเช่นไรได้ด้วยภาวะที่ลงตัว "
"You can't change the past but you can change the future into a better past!!!"
"คุณไม่สามารถกลับไปเปลี่ยนอดีตได้ แต่สิ่งที่คุณสามารถเปลี่ยนได้คืออนาคตเพื่อที่จะเป็นอดีตที่ดีกว่า"
แวะมาอ่านบันทึกดี ๆ ค่ะ
เราควรทำปัจจุบันให้ดีที่สุด อย่าไปเสียใจกับอคีต ขอบคุณสำหรับบุคลากรที่ให้การดุแลอย่างมนุษย์