กอด


ฉันมีความรู้สึกว่าการที่แม่กอดฉันมันอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ทั้ง ๆ ที่ฉันไม่ได้สัมผัสมาก่อนฉันรู้แล้วว่าแม่รักฉันแค่ไหน ทั้ง ๆ ที่ฉันเป็นโรคที่ใคร ๆ รังเกียจแม่ไม่เคยรังเกียจแม้แต่น้อย เมื่อคืนฉันมีความสุขที่สุดและจะไม่ขอลืมคืนนี้ว่า ..มันอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกเลย

กอด

 

ฉันเคยลองนึกว่า.........ถ้าฉันตายในเดี๋ยวนี้  มีสิ่งใดบ้างพี่ฉันอยากทำอยู่สิ่งใดบ้างที่ฉันยังทำอยู่......มีสิ่งใดบ้างที่ฉันยังไม่ได้ทำเลย....ชีวิตที่ผ่านมาเป็นที่น่าพอใจแล้วกระนั้นหรือ ?

แต่แล้วฉันก็พบว่า.......ฉันยังพลัดวันประกันพรุ่งในสิ่งที่ฉันอยากจะทำเวลาของฉันจ่อมจมไปกับเรื่องอื่น ๆ สิ่งอื่น ๆ และบุคคลอื่น ๆ

ฉันใช้เวลาเพื่อชีวิตตนเองน้อยเสียเหลือเกิน   ดูดูไปแล้วช่างน่าเสียดายที่ฉันได้ทำบางส่วนของชีวิตหล่นหายไป  ส่วนที่เป็น  เข้าช่วงปลายฝนต้นหนาว  เป็นเวลาพักผ่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์เราคือการนอนพักอยู่กับบ้าน  ฉันอิจฉาคนที่ได้ต้องตื่นแต่เช้ามาทำงานแบบอาชีพอย่างเราๆ ผู้ช่วยเหลือคนไข้...พอ ถึงโรงพยาบาลหันดูภายในตึกมีคนไข้มาก ๆ ม๊าก  น่าเบื่อ ๆ ที่สุด  ก่อนจะลงมือทำงาน รับเวร-ส่งเวรก่อนทุกครั้ง.....พอการส่งเวรมาถึงห้องแยกโรค เช่นการรับเวรที่น่ารังเกียจที่สุด  ห้องนี้พวกเราจะเรียกว่าห้อง  UFO  ซึ่งแปลว่า ห้องมนุษย์ต่างดาวที่ใช้ศัพท์  เรียกคนไข้  จำพวก แยกโรคต่าง ๆ รวมถึงคนไข้ HIV  ซึ่งเป็นโรคที่ใคร ๆ เป็นแล้วมีทางเดียวที่จะหลุดพ้นไปได้คือ ความตาย  เท่านั้นเอง  ห้องแยกโรค เป็นห้องที่ติดแอร์ เย็นฉ่ำ มาก ภายในห้องแคบ   แออัด  เหมือนกับการขึ้น เลิฟสูง  ๆ  หลายชั้น ที่หายใจไม่ออกอย่างบอกไม่ถูกที่เดียวเลย  มีร่างชายสูงประมาณ  160  กว่านั่งกอดเขารูปร่างผอมนับซี่โครงได้ ว่ามีครบหรือเปล่า  ผู้ป่วยรายนี้มองหน้า ฉันอย่างจะบอกอะไรสักอย่างในแววตาของเข้ามีน้ำตาลไหลออกมาเป็นทาง 

ผู้ป่วย : ผมมีไข้ไม่ครับ  แล้วความดันเป็นอย่างไรบ้าง ?  เค้าถามฉัน ฉันตอบไปว่า

ยังมีไข้สูงนะต้องเช็คตัวและกินน้ำเยอะๆ ได้ช่วยระบายความร้อนออกมาจะไข้จะได้ลด  ส่วนความดันนั้นต่ำ นิดหนึ่งไม่ไปไรหรอก

หลังพูดจบเดินหันหลังให้มือหนึ่งผลักประตูออกแต่ก็ต้องสะดุ้งตกใจอย่างรุนแรงเมื่อผู้ป่วยถามฉันว่าจำได้หรือเปล่า  ฉันหันไปมองแล้วตอบว่าขอโทษค่ะ จำไม่ได้จริง ๆ ผู้ป่วยมองด้วยแววตาสงสัยแล้วพูดออกมาว่า  จำไม่ได้จริงหรือฉันพยายามนึกเท่าไรก็นึกไม่ออกสักที  จนกระทั้งผู้ป่วยตอบว่า  “ผม......วรา  งัย”  จำได้หรือยัง  ฉันยิ้มแบบแห้ง ๆ  ตอบว่าขอโทษค่ะ  จำไม่ได้จริงๆ  ผู้ป่วยลุกขึ้นนั่งแล้วพูดต่ออีกว่ามอง ให้ดีเด็กนรก   คำ ๆ นี้เป็นฉายาของแก๊งของฉันตอนเรียน ม.ปลาย ที่คุณครูตั้งให้  ฉันรู้สึกโกรธมาก ทำตาลุกเท่าไข่หานพร้อมทั้งพูดเสียงดังว่า ....ขอโทษค่ะคุณเป็นใคร  ที่สามารถรู้จักฉายานี้ !  ผมวรา  หนึ่งในสมาชิกของแก๊งไง  ฉันนิ่งไปครู่หนึ่งพร้อมทั้งตอบไปว่าจำได้แล้ว  ฉันสงสายตาไปพร้อมกับหัวเราะและตอบว่าสอง  ใช่มั้ย....ใช่ผมเอง....ผมจะคุยกับเธอหลายวันแล้วแต่ไม่กลัวคุยกล้าว่าเธอจะรังเกียจผม  ฉันตอบว่าไม่หลอก....คุยได้ตลอด  แล้วใครมาเฝ้าเธอ  สองตอบว่า  “แม่”  สองไม่มีแฟนหรือ ? ... มีแต่เลิกกันแล้วเราไม่มีลูกเพราะผมกลัวจะเป็นแบบผมอีก  ฉันถามด้วยสีหน้า  งง งง  สองบอกว่า  จำได้มั้ย  ผมเป็นเด็กบ้านแตกมันเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูกเว้นวรรคเด็กที่พ่อแม่ต้องแยกทางกันฉันตอบสองว่าเดี๋ยวเราคอยคุยกันนะเพราะวันนี้  อยู่เวรช่วงเช้าต่อจนถึงเที่ยงคืน  ฉันกลับมาทำงานตามหน้าที่  จนถึงเวลาวัดไข้ตอน18.00 น.

          พอฉันผลักประตูเข้าไป....สองมองด้วยแววตาคนที่รอคอยใครสักคนอย่างจริงจัง  พร้อมกับอมยิ้มเล็กน้อย  ฉันถามสองว่ายิ้มอะไร  สองพูดด้วยสายตาที่อ่อนโยนน้ำเสียงแผ่วเบา ว่าก็เธอไม่ลืมสัญญาตอนเช้าของวันนี้  ฉันตอบว่าสัญญาอะไร  ก็เธอบอกว่าตอนเย็นเธอจะมาอีกครั้ง  ฉันก็นึกในใจว่า....แล้วไปสัญญาอะไร  พอดีมีคนผลักประตูเข้ามาเป็นกำลังแห้งตาย  เพราะห้องนี้ไม่อยากเข้าไปอยู่นาน ๆ เนื่องจากแน่นหน้าอกหายใจไม่ออกเลยเป็นผู้หญิงวัยกลางคนสูงประมาณ  160 กว่า พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวานมากจากใจและน้ำเสียงนั้นมาพร้อมกับสายน้ำที่ไหลออกมาจากเป้าตาทั้งสองข้างลงมาเป็นทางลูกเป้นอย่างไร  ปวดตรงไหนกินข้าวหรือยัง  เจ็บมากไหม  ฉันฟังแล้วรู้สึกดีใจ  แทนเลยแต่สองไม่บอกได้แต่นอนนิ่ง ๆ เหมือนกับคนไม่มีชีวิตจิตใจเองเสียเลย   มือทั้ง 2 ข้าง หิ้วของกินพะรุงพะรัง  แล้วก็ถามอีกว่าลูกจะกินอะไรแม่ซื้อของที่ลูกชอบทั้งนั้นเลย

          คำตอบที่ผู้เป็นแม่ได้ยินนั้น  .....เหมือนสายฟ้าฟาดลงบนหัวใจของผู้เป็นแม่  คือ  แม่ยังจำได้อีกหรือว่าผมชอบกินอะไร  แม่ของสองถึงกับทรุดตัวลงเหมือนคนล้มทั้งยืนแล้วพูดว่าสองทำไม่พูดกับแม่อย่างนี้ละ  ลูกฉันหันไปมองเพื่อนแล้วพูดว่า  “สอง” แม่อุตสาห์มาหานะ  เธอทำแบบนี้ไม่ถูกนะสองถึงยังไงเขาก็ยังเป็นแม่เธอไม่เข้าใจคำว่าเด็กบ้านแตกหรอก  สองฉันจะไม่พูดกับเธอแล้วนะถ้าสองยังไม่ขอโทษแม่  ฉันก็เดินออกมาด้วยความโกรธสองมากคิดในใจว่าไม่พูดกับสองอีก  

          พอตกดึกก่อนที่ฉันจะลงเวร  ฉัน เห็นแม่ของสองนั่งอยู่ตรงหน้าห้องคนทำความสะอาดด้วยสีหน้าที่เหมือนคนแบบ  โลกนี้ไข้คนเกียจ  ฉันเดินเข้าไปแล้วลงนั่งข้าง ๆ แม่  แล้วถามว่าแม่กินข้าวหรือยัง  แม่ก็ตอบว่ากินแล้ว  แล้วลูกละกินยังดิฉันยิ้มพร้อมทั้งเอามือของดิฉันไปจับมือแล้วลูบ  เบา ๆ  พร้อมกับพูด แม่ไม่รู้หรือว่าสองเค้ารักแม่มากนะ  แม่มองหน้าฉันด้วยแววตาที่งง และนิ่งไปพักหนึ่ง  แม่พูดพลางแล้วก็มีน้ำตาไหลออกมา  ...หนูคือเพื่อนของสองตอน  ม.ปลายแล้วเราก็ไปเรียนที่สงขลาด้วยกัน  6  คน เป็นผู้หญิง 2 คน  ผู้ชาย 4 คน หนึ่งในนั้นเป็นสองไปเลยด้วย  แต่สองเค้าเรียนแค่ 2 ปี  แล้วถูกให้ออก  เพราะเกรดไม่ถึงพี่ทางวิทยาลัย  ตั้งไว้  และแม่รู้ไหมว่าสองเค้าเลือกคณะอะไร  แม่ตอบด้วยสีหน้าที่ งง ก็คือ  คณะครุศาสตร์อย่างพี่แม่เป็น  แม่หันมามองฉันพร้อมทั้ง  เช็ดน้ำตา  และเปล่งน้ำเสียงห้วน ๆ ออกมาจริงหรือ  ! ค่ะแม่ แต่สองไม่เคยบอกแม่เลย  เค้าบอกแม่ว่าเรียนเอกศิลปะ  ซึ่งเป็นเอกที่แม่ไม่ชอบ  และแม่ไม่เคยถามเค้าอีกเลย  ได้แต่ส่งเงินให้เค้าแค่นั้น  เพราะแม่ไปมีครอบครัวใหม่ จึงทำให้สองน้อยใจในตัวแม่  หลังจากนั้นสองไปอยู่ กทม. เสียหลายปี  จนกระทั้งเค้ากลับมาอีกครั้งอยู่ในสภาพแบบนี้  สองเล่าให้หนูฟังว่า  เค้าใช้ชีวิตแบบหนุ่มเจ้าสำราญไปวัน ๆ ไม่คิดอะไรกับชีวิต  ไม่มีเงินก็ขอพ่อถ้าไม่พอก็ขอแม่  ให้มีเงินใช้ก็พอแล้วชีวิตนี้ แม่ค่ะ  แม่เคยถามเค้าไม่ว่าอยากได้อะไร  มีปัญหาอะไรจะคุยกับแม่มั้ย  มีอะไรจะให้แม่ช่วยเหลือไม่  แม่เคยถามสองบ้างมั้ย  แม่นิ่งเงียบแล้วตอบฉันว่า  แม่ไม่เคยถามเค้าสาย  แม่และก็แม่แล้วฉันก็ตอบแม่ว่า แม่มัวแต่สร้างครอบครัวใหม่ของแม่  แต่แม่ไม่เคยคิดถึงจิตใจของสองว่าต้องการอะไรกันแน่ แม่ค่ะเงินทองของวัตถุ  ไม่ใช่สิ่งที่ลูกต้องการหลอกนะ  แม่มองหน้าฉันแล้วทำตาเขียดปัด! แม่ลองวิธีหนูมั้ย แม่มองแบบสายตาที่อ่อนโยนแล้ว ไม่มีเสียงตอบรับจากแม่เลยพร้อมทั้งแม่นิ่ง  ฉันไม่สามารถมองออกเลยว่าแม่คิดอะไร อยู่  แล้วฉันก็บอกวิธีการที่ว่า  3  วิธี  1  แม่ลองเข้าไปกอดแล้วเอามือทั้งสองลูบหลังเบาๆ พร้อมทั้งถามว่า  วันนี้ลูกมีอะไรจะบอกแม่ไหม  วันนี้ลูกรักแม่มั้ย แต่แม่รักลูกทุกวันเลย  หรือ  2  แม่โอบไหลแล้วเอามือลูบศีรษะของลูก เบาๆ พร้อมทั้งถามเหมือนข้อความเดิมและวิธีสุดท้าย แม่จับมือของลูกพร้อมทั้งลูบไหลเบาๆ หรือไม่ก็เคาะเป็นจังหวะพร้อมทั้งมองที่แววตาของลูกดูอย่าใช้น้ำเสียงที่แข็งจนเกินไป เราจะไม่ได้คำตอบออกมา

          ฉันไม่รู้หรอกว่าเป็นการสอนหนังสือพระสังฆราชหรือเปล่า  แม่จะเอาไปใช้กับสองก็ได้นะหนูขอกลับก่อนเดี๋ยวจะลงเวรแล้วพรุ่งนี้ค่อยพบกันใหม่

          พอวันรุ้งเช้า  ฉันเข้าไปเปลี่ยนผ้าปูก็ต้องตกใจอย่างบอกไม่ถูกเลยว่า  แม่กำลังป้อนข้าวต้มให้สองกิน  และสองก็กินจนเกือบจะหมดชาม  แล้วหันมาพูดกับฉันว่า ...ไอเด็กนรก  แกพูดอะไรกับแม่  ฉันตอบว่าเปล่า  ไม่ได้ทำอะไรเลย  สองมองแล้วอมยิ้มแบบยิ้มที่ออกมาจากใจ  โดยไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำ   แม่พูดกับฉันว่าแม่ไปซื้อของก่อนฝากไว้เดี๋ยว  ฉันก็ตอบแม่ว่าไม่รับฝากหรอก  แม่หัวเราะทั้ง ๆ น้ำตาไหลออกมา  ฉันหันมาถามสองว่าเป็นอย่างไร 

          สองตอบว่า เกือบ  18  ปี  แล้วที่แม่ไม่เคยกอดฉันเลย  ฉันมีความรู้สึกว่าการที่แม่กอดฉันมันอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก  ทั้ง ๆ ที่ฉันไม่ได้สัมผัสมาก่อนฉันรู้แล้วว่าแม่รักฉันแค่ไหน  ทั้ง ๆ ที่ฉันเป็นโรคที่ใคร ๆ รังเกียจแม่ไม่เคยรังเกียจแม้แต่น้อย  เมื่อคืนฉันมีความสุขที่สุดและจะไม่ขอลืมคืนนี้ว่า  ..มันอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกเลย  ฉันคิดว่าชีวิตนี้  ฉันเหมือนอยู่บนโลกใบนี้อย่างโดดเดี๋ยวอ้างว้าง  แต่เดี๋ยวนี้ฉันรู้แล้วว่า  แม่รักฉันขนาดไหน  ฉันจะไม่ทิ้งแม่ไปอีกแล้ว ฉันอยากจะขอโทษแม่.....คนเราทุกคนไม่มีใครที่ไม่เคยทำผิดพลาด  มาก่อนแล้วแต่ใครจะคิดหรือไม่คิด  และบางครั้งคนเราไม่มีโอกาสมากพอที่จะย้อนเวลาไปได้  ขอแค่คิดแล้วเริ่มทำก่อนที่จะสายเกินไปที่จะไม่ได้ทำ  แล้วจะมาโทษใครอีกไม่ได้ว่าเป็นคนผิด

“ เธอได้ทำสิ่งผิดพลาดหลายอย่างในชีวิต  ที่เธอรู้สึกผิดและอายทุกครั้งที่นึกถึงมัน  เธอเข้าใจดีว่าความผิดพลาดเกิดได้กับคนทุกคน  แต่เธอก็ทำใจไม่ได้”  อยากจะบอกเธอว่าบางครั้ง  การยกโทษให้คนอื่นดูจะได้กับคนทุกคน  แต่เธอก็   “ทำใจไม่ได้”  อยากจะบอกเธอว่าบางครั้งการยกโทษคนอื่นดูจะง่ายกว่าการยกโทษให้ตัวเอง  โปรดอย่าทำร้ายตัวเองอีกต่อไปเลย  วันนี้ไม่ใช้วันวาน  ขอให้เริ่มต้นวันใหม่.....ชีวิตใหม่  ด้วยการให้อภัยตนเอง



ความเห็น (3)

"หากรู้จักมองชีวิตให้ครบทุกด้าน กาลเวลาที่เราสมมุติว่าเป็นอดีตหรือปัจจุบัน ย่อมเป็นครูสอนชีวิตให้มีคุณค่าและสามารถฟ้องอนาคตข้างหน้าว่า จะเป็นเช่นไรได้ด้วยภาวะที่ลงตัว "

"You can't change the past but you can change the future into a better past!!!"

"คุณไม่สามารถกลับไปเปลี่ยนอดีตได้ แต่สิ่งที่คุณสามารถเปลี่ยนได้คืออนาคตเพื่อที่จะเป็นอดีตที่ดีกว่า"

แวะมาอ่านบันทึกดี ๆ ค่ะ

  • สวัสดีครับ
  • ใจคือสิ่งสำคัญ ใจที่ขาดความรักก็เหมือนต้นไม้ที่เหี่ยวเฉารอวันตาย
  • ความรักในครอบครัวเหมือนทิพย์ชโลมใจ คนที่ได้รับการตอบสนองต่อการได้รับความรักจากพ่อแม่ไม่เพียงพอ ทำให้ติดยาหรือใช้ชีวิตที่มีความเสียงต่อการเกิดอันตรายได้ง่าย เนื่องจากจะไม่รู้สึกไม่รักตนเอง
  •  แต่ละครอบครัวจึงต้องควรแสดงความรัก ความห่วงใยกัน การกอด การสัมผัสคือการถ่ายทอดความรักที่มีพลัง ถ้าเรากอดคุณพ่อคุณแม่ดู จะรู้สึกถึงความอบอุ่น สุขใจ เหมือนได้น้ำทิพย์ชโลมใจ

เราควรทำปัจจุบันให้ดีที่สุด อย่าไปเสียใจกับอคีต ขอบคุณสำหรับบุคลากรที่ให้การดุแลอย่างมนุษย์

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท