“ อย่าปล่อยให้คน คนหนึ่งคิดถึงเธอ...........” เสียงเพลงโปรดจากโทรศัพท์มือถือ ดังมารบกวนโสตประสาทของคนที่กำลังนอนหลับ กอดร่างนุ่มๆของลูกน้อย ให้ต้องสะดุ้งตื่น “ ฮัลโหล ว่าไงจ๊ะ” เสียงกรอกไปตามปลายสาย คลายจากความง่วงงุนเมื่อมองเห็นเบอร์โทรศัพท์ ของโรงพยาบาลแสดงที่หน้าจอมือถือ “มี Refer case pre eclampsia ไปด่วนตอนนี้เลยนะพี่” ข้าพเจ้าวางสายโทรศัพท์ พร้อมกับหันไปมองลูกสาวทั้ง 2 คน ที่เพิ่งคลายจากอ้อมกอด หอมแก้มคนละฟอด ก่อนรีบลุกไปอาบน้ำแต่งตัวด้วยความรีบเร่ง ก่อนไปโรงพยาบ
ตึกผู้ป่วยในที่สว่างจ้าจากแสงไฟ ที่เตียงผู้ป่วย ข้าพเจ้ามองเห็นหญิงตั้งครรภ์ที่ท้องโตเต็มที่นอนพักอยู่ ใบหน้าอิดโรย อ่อนล้า และมันวาว นอนปิดตานิ่งอยู่บนเตียงปลายเท้าบวม มองเลยไปที่ถุงปัสสาวะที่แขวนอยู่ข้างเตียง เห็นน้ำปัสสาวะเป็นสีแดงเข้มคล้ายสีเลือด แล้วตกใจ รีบกลับไปอ่านประวัติผู้ป่วยและรับฟังการส่งข้อมูลจากน้องพยาบาล ก่อนที่จะทักทายผู้ป่วยก่อนเหมือนทุกครั้ง ผู้ป่วยตั้งครรภ์บุตรคนที่ 2 มีอาการจุกแน่นหน้าอก ปวดศีรษะมาก ตาลาย บวม ความดันโลหิตสูง และที่สำคัญตอนนี้ปัสสาวะที่ออกมาเป็นสีแดงเข้มคล้ายสีเลือด รับฟังอาการผู้ป่วยแล้ว ข้าพเจ้ารู้สึกตกใจและกังวลใจ คิดถึงภาวะแทรกซ้อนและความเสี่ยงที่จะเกิดตามมาหากต้องส่งตัวผู้ป่วยในตอนนี้ เพราะผู้ป่วยอาจมีอาการที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาในเรือขณะส่งต่อ แต่เมื่อพยาบาลเวรปรึกษาแพทย์แล้วมีคำสั่งให้ส่งตัวไปยังโรงพยาบาลหน่วยรับโดยด่วน
ข้าพเจ้าตัดสินใจร่วมกับพยาบาลเวรอีกครั้ง รีบเคลื่อนย้ายผู้ป่วยเพื่อส่งต่อ จัดเตรียมยาที่จำเป็นและอุปกรณ์ช่วยชีวิตต่างๆไปพร้อมเพรียง พี่พนักงานขับรถก็รีบเร่งขับรถด้วยความเร็วและระมัดระวังเพื่อให้ทันเรือสปีดโบ๊ทที่กำลังจะออกจากท่า ข้าพเจ้าก้มมองใบหน้าของผู้ป่วยที่นอนหลับตา คิ้วขมวด มีเหงื่อผุดพรายตามไรผมและเหนือริมฝีปาก
“เป็นอย่างไรบ้างน้อง ปวดหัวมากมั้ย บอกพี่ได้เลยนะ”
เปลือกตาค่อยเปิดขึ้นมองสบกับข้าพเจ้า ไม่มีรอยยิ้ม ใบหน้าแสดงความอ่อนล้า ทุกข์ใจ แล้วค่อยๆหลับตาลง คิ้วขมวดมากขึ้น ข้าพเจ้าวัดความดันโลหิตซ้ำ มันสูงมากเลยหากยังพาผู้ป่วยไปโดยไม่ได้รับการช่วยเหลือเบื้องต้นก่อน ต้องแย่แน่ๆเลย ข้าพเจ้าคิดในใจ มือเอื้อมไปลูบเบาๆบนหลังมือผู้ป่วย แล้วเปลือกตาที่ปิดสนิทก็เปิดขึ้น พร้อมเสียงที่เอ่ยขึ้นเบาๆ
“ ปวดหัว แล้วก็แน่นหน้าอกมากเลย”
“บัง... หยุดรถ กลับโรงพยาบาลด่วนเลย เร็วๆ...”
“เราต้องกลับโรงพยาบาลก่อน คนไข้ความดันสูงมาก อาจชักได้ ถ้าชักในเรือแล้วการช่วยเหลือจะทำได้ยากมาก”
ข้าพเจ้าหันกลับไปบอกญาติซึ่งมองหน้ากันด้วยความสงสัย ........เราตัดสินใจถูกใช่มั้ย ? ......เสียงเล็กๆร้องถามขึ้นในใจ ... คนไข้ต้องได้รับการช่วยเหลือก่อน .... 2 ชีวิตในมือ ที่ฝากไว้กับเราต้องได้รับการดูแลที่ดีที่สุดและปลอดภัย
รถพยาบาลจอดลงหน้าตึกโรงพยาบาล ข้าพเจ้ามองเห็นเพื่อนๆและพี่พยาบาลหลายคนต่างทยอยกันมาทำงาน ความดีใจผุดขึ้นมาทันที เพราะรู้แล้วว่าผู้ป่วยต้องได้รับการช่วยเหลืออย่างเต็มที่จากพวกเราพยาบาลที่นี่ ย้ายผู้ป่วยเข้าห้องฉุกเฉิน พยาบาลทุกคนบนตึกต่างกรูเข้ามาช่วยกันโดยไม่ต้องร้องขอ คนละไม้คนละมือ ติดต่อแพทย์ ให้ยา วัดสัญญาณชีพ เช็ดตัว.......... แต่เวลาแค่ 5 นาทีที่กลับมา ผู้ป่วยกลับมีอาการแย่ลง มุมปากตก พูดลิ้นคับปาก และที่สำคัญผู้ป่วยกำลังชักขณะที่เรากำลังให้ยาป้องกันการชักอยู่
ข้าพเจ้ารู้สึกชาวาบไปทั่วทั้งตัว ผู้ป่วยกำลังแย่ หากตอนนี้กำลังอยู่ในเรือทั้ง 2 ชีวิตจะเป็นอย่างไร เพราะการช่วยเหลือทำได้ยากมากในเรือซึ่งมีทั้งผู้โดยสาร ผู้ป่วยและญาติเต็มลำเรือ ทั้งคู่จะต้องไม่เป็นอะไร เราต้องทำได้ ทุกคนเฝ้าดูแลช่วยเหลือผู้ป่วยอย่างตั้งใจ แล้วอาการผู้ป่วยก็เริ่มคงที่ เตรียมพร้อมที่จะส่งต่อไปโรงพยาบาลหน่วยรับ แต่อุปสรรคมันมีมากกว่าที่เราคิด ไม่มีเรือสักลำที่จะไปส่ง เพราะวันนี้เป็นวันที่เรือทุกลำต่างพร้อมใจกันไปรับผู้แสวงบุญที่กลับจากนครเมกกะ
ข้าพเจ้าหันไปมองสบตากับพี่พยาบาลแล้วความรู้สึกของเราคงตรงกัน ...เฮลิคอปเตอร์....การติดต่อขอกับศูนย์เป็นไปได้ยากมาก หลากหลายขั้นตอนเหลือเกิน..แล้วเราทุกคนก็ต้องผิดหวัง เพราะไม่สามารถทำได้ แววตาของเราเริ่มหมดหวัง เพราะคนไข้ของเราคงรอนานไม่ได้อีกแล้ว แล้วสิ่งที่ข้าพเจ้าคาดไม่ถึงก็เกิดขึ้น ผู้ป่วยเริ่มมีอาการ เกร็ง อาเจียนออกมาเป็นน้ำสีเขียว สักพักริมฝีปากบางซีดก็ขยับขึ้นลงช้า ร้องเรียกน้องสาวเข้ามาหาใกล้ๆ
“ฝากลูกด้วย ดูลูกให้ด้วย”
ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าน้ำตาที่อัดแน่นมาตลอดการช่วยเหลือผู้ป่วยมันไหลออกมาตอนไหน ร่างกายทุกส่วนรู้สึกอ่อนล้า เจ็บแน่นในอก ความรู้สึกของคนเป็นแม่ ข้าพเจ้าเข้าใจมันดี แม้ร่างกายจะต่อสู้กับความเจ็บป่วยแทบไม่ไหว แต่ชีวิตน้อยๆที่เคลื่อนไหวไปมาอยู่ในร่างกายก็ยังห่วงใยมิวาย ร่างกายทุกส่วนของข้าพเจ้าหนักอึ้ง ยืนมองนิ่งไปที่ใบหน้าผู้ป่วย................ตุ๊บ..ตุบ..ตุ๊บ..ตุบ.....เสียงดังก้องของหัวใจทารกในท้องของผู้ป่วยดังผ่านเครื่องดรอปโทน..เรียกสติของข้าพเจ้ากลับคืนมาอีกครั้ง
แล้วอุปสรรคทุกอย่างก็ต้องมีทางออกเสมอ “ เราได้เรือแล้ว” เสียงถอนหายใจด้วยความโล่งใจของพวกเราดังเกือบพร้อมกัน ดวงตาของญาติเริ่มมีความหวังอีกครั้ง เราเคลื่อนย้ายผู้ป่วยด้วยความรวดเร็ว ขึ้นรถ ลงเรือ แล้วก็ขึ้นรถอีกครั้ง ตลอดการเดินทางผู้ป่วยซึมลงมาก แต่ยังมีเสียงตอบรับผ่านริมฝีปากขาวซีด ตลอดเวลา “ ขา” เพื่อเป็นการตอบรับทุกครั้งที่พยาบาลเรียกถาม
สิ้นสุดการดูแลผู้ป่วยของพวกเรา เมื่อผู้ป่วยถึงห้องคลอดของโรงพยาบาลหน่วยรับ เมื่อส่งผู้ป่วยแล้วข้าพเจ้ากับน้องพยาบาลอีกคน ก็กลับมานั่งร้องให้อย่างไม่อายใครอีกแล้วด้วยความรู้สึกหลากหลาย ดีใจ โล่งใจ ภูมิใจ.... ที่ได้ดูแลผู้ป่วยให้ถึงมือแพทย์และโรงพยาบาลหน่วยรับที่มีความพร้อม แม้ในกาลข้างหน้าเราจะยังไม่รู้ว่า อีก 2 ชีวิตที่เราดูแลจะเป็นอย่างไรต่อไป
กล้วยทะเล...
ถ่ายทอดความรู้สึกได้ดีมากเลยค่ะ ตรงกับความรู้สึกของหลายๆคน และพี่ก็เป็นคนเก่งจริงๆ เทคแคร์ผู้ป่วยได้ดีในทุกด้านเลย น้องจะเอาเปงตัวอย่างนะค่ะ....ปลื้มจัง
บรรยายได้อรรถสร พร้อมด้วยถ้อยคำที่สละสลวยมาก ทำให้อ่านแล้วเหมือนอยู่ในเหตุการณ์จริง ผมอ่านแล้วขนลุกเลย แต่สุดท้ายก็รู้สึกดีใจกับผู้ป่วย ญาติ และพยาบาล โดยเฉพาะ "กล้วยทะเล" เก่งจริงๆ สู้ต่อไปทำงานเพื่อคนเกาะยาว อย่าย้ายไปไหนนะ
ข้าน้อยขอคารวะ