2 ชีวิตในมือเรา


เราตัดสินใจถูกใช่มั้ย ? ......เสียงเล็กๆร้องถามขึ้นในใจ ... คนไข้ต้องได้รับการช่วยเหลือก่อน .... 2 ชีวิตในมือ ที่ฝากไว้กับเราต้องได้รับการดูแลที่ดีที่สุดและปลอดภัย

           “ อย่าปล่อยให้คน คนหนึ่งคิดถึงเธอ...........”     เสียงเพลงโปรดจากโทรศัพท์มือถือ   ดังมารบกวนโสตประสาทของคนที่กำลังนอนหลับ กอดร่างนุ่มๆของลูกน้อย  ให้ต้องสะดุ้งตื่น “ ฮัลโหล ว่าไงจ๊ะ  เสียงกรอกไปตามปลายสาย     คลายจากความง่วงงุนเมื่อมองเห็นเบอร์โทรศัพท์   ของโรงพยาบาลแสดงที่หน้าจอมือถือ “มี Refer case pre eclampsia  ไปด่วนตอนนี้เลยนะพี่”  ข้าพเจ้าวางสายโทรศัพท์ พร้อมกับหันไปมองลูกสาวทั้ง 2 คน ที่เพิ่งคลายจากอ้อมกอด หอมแก้มคนละฟอด ก่อนรีบลุกไปอาบน้ำแต่งตัวด้วยความรีบเร่ง ก่อนไปโรงพยาบ

          ตึกผู้ป่วยในที่สว่างจ้าจากแสงไฟ  ที่เตียงผู้ป่วย  ข้าพเจ้ามองเห็นหญิงตั้งครรภ์ที่ท้องโตเต็มที่นอนพักอยู่  ใบหน้าอิดโรย อ่อนล้า และมันวาว นอนปิดตานิ่งอยู่บนเตียงปลายเท้าบวม  มองเลยไปที่ถุงปัสสาวะที่แขวนอยู่ข้างเตียง   เห็นน้ำปัสสาวะเป็นสีแดงเข้มคล้ายสีเลือด    แล้วตกใจ  รีบกลับไปอ่านประวัติผู้ป่วยและรับฟังการส่งข้อมูลจากน้องพยาบาล    ก่อนที่จะทักทายผู้ป่วยก่อนเหมือนทุกครั้ง   ผู้ป่วยตั้งครรภ์บุตรคนที่ 2  มีอาการจุกแน่นหน้าอก ปวดศีรษะมาก  ตาลาย  บวม ความดันโลหิตสูง  และที่สำคัญตอนนี้ปัสสาวะที่ออกมาเป็นสีแดงเข้มคล้ายสีเลือด  รับฟังอาการผู้ป่วยแล้ว    ข้าพเจ้ารู้สึกตกใจและกังวลใจ คิดถึงภาวะแทรกซ้อนและความเสี่ยงที่จะเกิดตามมาหากต้องส่งตัวผู้ป่วยในตอนนี้  เพราะผู้ป่วยอาจมีอาการที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาในเรือขณะส่งต่อ  แต่เมื่อพยาบาลเวรปรึกษาแพทย์แล้วมีคำสั่งให้ส่งตัวไปยังโรงพยาบาลหน่วยรับโดยด่วน

          ข้าพเจ้าตัดสินใจร่วมกับพยาบาลเวรอีกครั้ง  รีบเคลื่อนย้ายผู้ป่วยเพื่อส่งต่อ จัดเตรียมยาที่จำเป็นและอุปกรณ์ช่วยชีวิตต่างๆไปพร้อมเพรียง  พี่พนักงานขับรถก็รีบเร่งขับรถด้วยความเร็วและระมัดระวังเพื่อให้ทันเรือสปีดโบ๊ทที่กำลังจะออกจากท่า    ข้าพเจ้าก้มมองใบหน้าของผู้ป่วยที่นอนหลับตา คิ้วขมวด  มีเหงื่อผุดพรายตามไรผมและเหนือริมฝีปาก

          “เป็นอย่างไรบ้างน้อง ปวดหัวมากมั้ย บอกพี่ได้เลยนะ”

เปลือกตาค่อยเปิดขึ้นมองสบกับข้าพเจ้า   ไม่มีรอยยิ้ม   ใบหน้าแสดงความอ่อนล้า ทุกข์ใจ  แล้วค่อยๆหลับตาลง คิ้วขมวดมากขึ้น  ข้าพเจ้าวัดความดันโลหิตซ้ำ  มันสูงมากเลยหากยังพาผู้ป่วยไปโดยไม่ได้รับการช่วยเหลือเบื้องต้นก่อน ต้องแย่แน่ๆเลย ข้าพเจ้าคิดในใจ   มือเอื้อมไปลูบเบาๆบนหลังมือผู้ป่วย  แล้วเปลือกตาที่ปิดสนิทก็เปิดขึ้น  พร้อมเสียงที่เอ่ยขึ้นเบาๆ

           “ ปวดหัว   แล้วก็แน่นหน้าอกมากเลย”

           “บัง...  หยุดรถ กลับโรงพยาบาลด่วนเลย  เร็วๆ...”

           “เราต้องกลับโรงพยาบาลก่อน คนไข้ความดันสูงมาก อาจชักได้  ถ้าชักในเรือแล้วการช่วยเหลือจะทำได้ยากมาก” 

          ข้าพเจ้าหันกลับไปบอกญาติซึ่งมองหน้ากันด้วยความสงสัย  ........เราตัดสินใจถูกใช่มั้ย ? ......เสียงเล็กๆร้องถามขึ้นในใจ ... คนไข้ต้องได้รับการช่วยเหลือก่อน .... 2 ชีวิตในมือ ที่ฝากไว้กับเราต้องได้รับการดูแลที่ดีที่สุดและปลอดภัย

          รถพยาบาลจอดลงหน้าตึกโรงพยาบาล  ข้าพเจ้ามองเห็นเพื่อนๆและพี่พยาบาลหลายคนต่างทยอยกันมาทำงาน ความดีใจผุดขึ้นมาทันที  เพราะรู้แล้วว่าผู้ป่วยต้องได้รับการช่วยเหลืออย่างเต็มที่จากพวกเราพยาบาลที่นี่  ย้ายผู้ป่วยเข้าห้องฉุกเฉิน  พยาบาลทุกคนบนตึกต่างกรูเข้ามาช่วยกันโดยไม่ต้องร้องขอ  คนละไม้คนละมือ  ติดต่อแพทย์    ให้ยา วัดสัญญาณชีพ  เช็ดตัว..........   แต่เวลาแค่  5 นาทีที่กลับมา  ผู้ป่วยกลับมีอาการแย่ลง มุมปากตก  พูดลิ้นคับปาก และที่สำคัญผู้ป่วยกำลังชักขณะที่เรากำลังให้ยาป้องกันการชักอยู่

          ข้าพเจ้ารู้สึกชาวาบไปทั่วทั้งตัว  ผู้ป่วยกำลังแย่ หากตอนนี้กำลังอยู่ในเรือทั้ง 2 ชีวิตจะเป็นอย่างไร  เพราะการช่วยเหลือทำได้ยากมากในเรือซึ่งมีทั้งผู้โดยสาร ผู้ป่วยและญาติเต็มลำเรือ  ทั้งคู่จะต้องไม่เป็นอะไร เราต้องทำได้   ทุกคนเฝ้าดูแลช่วยเหลือผู้ป่วยอย่างตั้งใจ  แล้วอาการผู้ป่วยก็เริ่มคงที่ เตรียมพร้อมที่จะส่งต่อไปโรงพยาบาลหน่วยรับ  แต่อุปสรรคมันมีมากกว่าที่เราคิด ไม่มีเรือสักลำที่จะไปส่ง  เพราะวันนี้เป็นวันที่เรือทุกลำต่างพร้อมใจกันไปรับผู้แสวงบุญที่กลับจากนครเมกกะ

          ข้าพเจ้าหันไปมองสบตากับพี่พยาบาลแล้วความรู้สึกของเราคงตรงกัน  ...เฮลิคอปเตอร์....การติดต่อขอกับศูนย์เป็นไปได้ยากมาก  หลากหลายขั้นตอนเหลือเกิน..แล้วเราทุกคนก็ต้องผิดหวัง เพราะไม่สามารถทำได้  แววตาของเราเริ่มหมดหวัง เพราะคนไข้ของเราคงรอนานไม่ได้อีกแล้ว แล้วสิ่งที่ข้าพเจ้าคาดไม่ถึงก็เกิดขึ้น  ผู้ป่วยเริ่มมีอาการ เกร็ง อาเจียนออกมาเป็นน้ำสีเขียว   สักพักริมฝีปากบางซีดก็ขยับขึ้นลงช้า  ร้องเรียกน้องสาวเข้ามาหาใกล้ๆ

          “ฝากลูกด้วย  ดูลูกให้ด้วย”

          ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าน้ำตาที่อัดแน่นมาตลอดการช่วยเหลือผู้ป่วยมันไหลออกมาตอนไหน  ร่างกายทุกส่วนรู้สึกอ่อนล้า เจ็บแน่นในอก  ความรู้สึกของคนเป็นแม่ ข้าพเจ้าเข้าใจมันดี    แม้ร่างกายจะต่อสู้กับความเจ็บป่วยแทบไม่ไหว   แต่ชีวิตน้อยๆที่เคลื่อนไหวไปมาอยู่ในร่างกายก็ยังห่วงใยมิวาย   ร่างกายทุกส่วนของข้าพเจ้าหนักอึ้ง ยืนมองนิ่งไปที่ใบหน้าผู้ป่วย................ตุ๊บ..ตุบ..ตุ๊บ..ตุบ.....เสียงดังก้องของหัวใจทารกในท้องของผู้ป่วยดังผ่านเครื่องดรอปโทน..เรียกสติของข้าพเจ้ากลับคืนมาอีกครั้ง

          แล้วอุปสรรคทุกอย่างก็ต้องมีทางออกเสมอ “ เราได้เรือแล้ว”  เสียงถอนหายใจด้วยความโล่งใจของพวกเราดังเกือบพร้อมกัน ดวงตาของญาติเริ่มมีความหวังอีกครั้ง เราเคลื่อนย้ายผู้ป่วยด้วยความรวดเร็ว ขึ้นรถ  ลงเรือ   แล้วก็ขึ้นรถอีกครั้ง  ตลอดการเดินทางผู้ป่วยซึมลงมาก แต่ยังมีเสียงตอบรับผ่านริมฝีปากขาวซีด ตลอดเวลา  “ ขา”  เพื่อเป็นการตอบรับทุกครั้งที่พยาบาลเรียกถาม

          สิ้นสุดการดูแลผู้ป่วยของพวกเรา เมื่อผู้ป่วยถึงห้องคลอดของโรงพยาบาลหน่วยรับ  เมื่อส่งผู้ป่วยแล้วข้าพเจ้ากับน้องพยาบาลอีกคน ก็กลับมานั่งร้องให้อย่างไม่อายใครอีกแล้วด้วยความรู้สึกหลากหลาย  ดีใจ  โล่งใจ ภูมิใจ.... ที่ได้ดูแลผู้ป่วยให้ถึงมือแพทย์และโรงพยาบาลหน่วยรับที่มีความพร้อม  แม้ในกาลข้างหน้าเราจะยังไม่รู้ว่า อีก 2 ชีวิตที่เราดูแลจะเป็นอย่างไรต่อไป

 

                                                                                           กล้วยทะเล...

 

 

 

                                                                                                                      

คำสำคัญ (Tags): #sha
หมายเลขบันทึก: 377392เขียนเมื่อ 21 กรกฎาคม 2010 11:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มีนาคม 2012 21:38 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ถ่ายทอดความรู้สึกได้ดีมากเลยค่ะ ตรงกับความรู้สึกของหลายๆคน และพี่ก็เป็นคนเก่งจริงๆ เทคแคร์ผู้ป่วยได้ดีในทุกด้านเลย น้องจะเอาเปงตัวอย่างนะค่ะ....ปลื้มจัง

บรรยายได้อรรถสร พร้อมด้วยถ้อยคำที่สละสลวยมาก ทำให้อ่านแล้วเหมือนอยู่ในเหตุการณ์จริง ผมอ่านแล้วขนลุกเลย แต่สุดท้ายก็รู้สึกดีใจกับผู้ป่วย ญาติ และพยาบาล โดยเฉพาะ "กล้วยทะเล" เก่งจริงๆ สู้ต่อไปทำงานเพื่อคนเกาะยาว อย่าย้ายไปไหนนะ

ข้าน้อยขอคารวะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท