จากบันทึกของคุณ สะ-มะ-นึก
เรื่อง Airport Rail Link...รถไฟลอยฟ้าร้อนๆ มาแล้วจ้า ที่เขียนไว้ในปี 2550 นั้น
ปีนี้ 2553 ผู้เขียนได้มีโอกาสทดลองนั่งฟรี!มาแล้วเมื่อวันพุธที่ 4 สิงหาคมที่ผ่านมา คราวไปร่วมประชุมวิชาการของสมาคมศิษย์เก่าพยาบาลจุฬาฯ
รอบนี้ประสบการณ์การเดินทางคนเดียว..โชคโชน ไม่ใช่เพราะม้าเหล็ก แต่เพราะความเฉิ่มเบ๊อะของตนเอง
เที่ยวนี้ผู้เขียนเดินทางไป กทม.ด้วยเครื่องบินคนเดียวเพราะไปเป็นผู้พูดจึงไม่ได้มีใครไปด้วย ความที่เป็นหญิงจึงไม่กล้าเดินทางกลางคืนคนเดียว แม้ว่าจะเป็นหญิงแก่ๆก็ตาม
ไหล่ซ้ายสะพายกระเป๋า 1 ใบ มือซ้ายถือโน๊ตบุ๊ค มือขวาลากกระเป๋ามีล้อ...ดีหน่อยที่ค้างเพียงคืนเดียว... ของไม่มาก กะว่าตกหล่นยังไงก็มีเวลาช่วงเย็นถึงค่ำ
...
เครื่องบินบินจากท่าอากาศยานขอนแก่นราวบ่ายสองโมงยี่สิบ ... เห็นเมฆสวยๆบนท้องฟ้าแล้วอดคิดถึง ชมรมคนรักมวลเมฆ ของ อ.บัญชา ธนสมบัติ "ผู้ชายหลงรักมวลเมฆ"ไม่ได้ เลยเก็บภาพมาฝาก...
ถึงสนามบินสุวรรณภูมิราวบ่ายสามโมงสิบห้า เพื่อนแนะนำมาว่ามี airport link ขึ้นไปชั้นG ออกเวลา 16.00 น. ลองนั่งดู...
ไอ้เราก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร ก็ได้แต่ท่องจำไว้ว่า airport link, airport link... ชั้นG
หลังล้อเครื่องบินแตะพื้นที่สุวรรณภูมิก็เสียเวลาเดินไปรับกระเป๋าที่โหลดลงเครื่องซึ่งระยะทางจากเครื่องไปไกลโข... ได้กระเป๋าเรียบร้อยก็เดินหาป้ายประชาสัมพันธ์ airport link ไม่เห็นมี...
ถามพนักงาน เธอบอกว่า airport link อยู่ข้างล่าง ชั้น G รถเที่ยวแรกสี่โมงเย็นมั้ง!
ออกจะแปลกใจเพราะเจ้าหน้าที่ของสนามบินผู้ให้ข้อมูลงงๆที่จะบอก แถมออกจะไม่มั่นใจ เราเลยออกตัวว่าถามต่อข้างนอกเค้าคงรู้นะ
ลากรถขนสัมภาระมาด้านนอก น้องเค้าบอกว่าลงลิฟท์ไปชั้นล่างก็ได้ แต่ด้วยความที่ใจดีเลยให้ฝรั่งที่ขนของมากกว่าเข้าลิฟท์ไป ส่วนตัวเองยอมเข็นรถลงทางลาด น่าจะสักสองทางลาดมั้ง แล้วถามเจ้าหน้าที่ต่อ... เขาบอกว่าสนามบินไม่มีชั้น G และไม่มีรถไฟฟ้าฟรี จะมีก็รถไฟฟ้าฟรีของการรถไฟแห่งประเทศไทยให้ลงไปต่อชั้นล่าง
เลยเพิ่งมารู้ว่า airport link เป็นของการรถไฟแห่งประเทศไทยก็ตอนที่เขาไม่ให้เอารถขนสัมภาระของสนามบินลงไปนี่แหละ
ตอนนั้นน่าจะเกือบๆสี่โมงเย็นแล้ว ออกจะแปลกใจว่าใช่ทางนี้หรือเปล่าเพราะไม่มีใครเลย เหมือนสถานีร้าง
พอเกือบถึงสถานีรถไฟได้ยินเสียงเขาบอกว่าจวนได้เวลารถออกแล้ว ได้ยินแต่เสียงล้อกระเป๋าลากและฝีเท้าข้างหลังดังมาก กะความเร็วดูเขาจะเร่งรีบ ถึงรู้สึกร้อนตัวว่าเราอาจตกรถไฟเที่ยวนี้หากยังเงอะงะอยู่ เลยรีบวิ่งบ้างเพราะเริ่มสังหรณ์ใจตะหงิดๆ...(ตามเสียงคนข้างหลัง...แต่ยังอยู่หน้าเขา)
และก็จริงดังสังหรณ์เพราะต้องแวะรับตั๋วขึ้นรถไฟก่อนจึงรีบวิ่งต่อไปที่ขบวนรถ ได้ยินแต่พนักงานบอกว่าเดี๋ยวๆ... เราเหวี่ยงกระเป๋าขึ้นรถแล้วรีบชิดในเพราะมีอีกคนวิ่งตามหลังมาติดๆ แล้วก็มีกระเป๋าอีกใบเหวี่ยงตามเข้ามา แล้วประตูรถไฟก็ปิด....
ที่ดูว่าสถานีรถไฟร้างไม่มีคนเพราะเขาขึ้นบนรถไฟหมดแล้วนี่เอง... เขารอเวลารถออกและยายแก่คนนี้ต่างหาก
ไม่มีที่นั่งเพราะคนเต็มตู้ มีแต่ที่ยืนโหน โชคดีมีฝรั่งใจดียกเสาให้เราเกาะแล้วเขาไปนั่งชมวิวริมหน้าต่าง ถ่ายรูปกัน...
ด้วยความที่ต้องเอาขาสองข้างเกี่ยวกระเป๋า มือซ้ายเกาะเสา มือขวาถือโน๊ตบุ๊คเลยได้ภาพบนรถมาฝากน้อย
ราว 22 นาทีก็ถึงสถานีพญาไท ...สุดแสนสะดวกสบายและรวดเร็วบนเส้นทาง Airport link ค่ะ
เหลือแต่เส้นทางสั้นๆจากสถานีพญาไทจะไปที่หมายคือโรงแรมแมนดารินนี่แหละที่เป็นปัญหาของผู้เขียนซึ่งเดิมวางแผนจะนั่งแท็กซี่ กะว่าแป๊บเดียวคงถึงเพราะใกล้ๆ...ที่ไหนได้ ยังพบอุปสรรคมากมายเพราะฝนตกหนัก สร้างความสนุกให้ตัวเองได้อีกหลายยก
แล้วจะกลับเล่าให้ฟังต่อค่ะ
มีรายละเอียดเส้นทาง เวลาเดินทางและค่าโดยสาร Airpotr link ที่นี่ค่ะ
พี่เคยจะไปนั่ง แต่ยังไม่เคยค่ะ จะลองดูวันหน้าค่ะ
พี่แก้วขา
ประหยัดเวลาและไม่ต้องหงุดหงิดกับรถที่ติดค่ะ
อีกหน่อยหากคิดเงินค่าโดยสาร ราคาเริ่มต้นที่ 15 บาท + ระยะทางกิโลเมตรละราว 80 กว่าสตางค์...เอ้า ให้กิโลละบาทเลย จากพญาไทไปสุวรรณภูมิราว 30 กิโลเมตร ค่าเดินทางไม่เกิน 45 บาท ...แบบนี้ดูค่อยมีคุณภาพชีวิตขึ้นมาหน่อยค่ะ
ขากลับติ๋วมาขึ้นที่พญาไทแล้วลงสุวรรณภูมิ... สะดวกมากเหมือนขามาค่ะ
ติดใจละ