จากนั้นอาจารย์ได้ให้ข้อเสนอในการเชื่อมโยง SRM กับเครื่องมือพัฒนาองค์กรอื่น ๆ เป็นตารางไว้คือ
SRM |
BSC |
RBM |
PMQA |
กพร. |
ประชาชน (value) |
Financial |
Result |
หมวด 7.1 |
ประสิทธิผล (50%) |
Streakholder |
Customer |
หมวด 7.3 ,7.4 |
คุณภาพ (10%) |
|
การบริหารจัดการ |
Internal process |
System |
หมวด 1.2,3.2,4.2,6 |
ประสิทธิภาพ (10%) |
Learning &develop |
Learning &growth |
Driver |
หมวด 1.2,3.1 |
พัฒนาองค์กร (30%) |
SRM กับบุคลากรในองค์กร
* ทำให้พันธกิจและยุทธศาสตร์ขององค์กรเป็นงานของทุกคน ทุกพื้นที่ และทุกเครือข่าย
* ทำให้ทุกคนตอบว่า “จะทำอะไรเป็นสิ่งสำคัญขององค์กร”
การขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติ
เริ่มจากความต้องการที่จะพัฒนา จากการพัฒนาคน องค์กร และการสร้างภาคี โดยองค์กรและชุมชนกำหนดกระบวนการทำให้เกิดการสร้าง SRM ก่อให้เกิด
ฉะนั้นจะเริ่ม SRM โดย
- มี concept base และ Project base
- CSF ที่สำคัญคือการที่มีความร่วมมือระหว่างองค์กรที่ทำงานแบบเจาะจง
- การแปลง และวัดคุณค่าให้เป็นนามธรรม และวัดได้
- เริ่มทันที อย่ารอทุกอย่างให้สมบูรณ์ ให้เป็นวิถีชีวิต ทำไปเปลี่ยนแปลงไป
ขั้นตอนการทำ SRM
หมายเหตุ ขั้นตอน 1-3 เป็นกระบวนการสร้าง และขั้นตอน 4-7 เป็นกระบวนการใช้
สำหรับการสร้างตัวชี้วัดซึ่งใช้กำหนดทิศทางการดำเนินงาน , ใช้ตรวจสอบและควบคุม และติดตามผลการดำเนินงาน และก่อให้เกิดความสำเร็จของการดำเนินงานนั้น อาจารย์ได้ให้ความหมายสิ่งที่เกี่ยวข้องดังนี้
CSF (critical success factor) หัวใจแห่งความสำเร็จ คือ
อะไรที่เป็นสิ่งที่จุดประกายที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง(อย่างต่อเนื่อง หรือเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่) ที่นำไปสู่ความสำเร็จ
KPI คือ
ต้องทำ หรือจะทำอะไรที่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่เหล่านั้น เพื่อปรับปรุงแก้ไขให้เป็นไปในทิศทางที่ตั้งไว้
PI คือ ตัววัดผลการปฏิบัติการที่ทำให้เกิดผลลัพธ์
KRI (Key result indicator) คือผลลัพธ์ที่สำคัญของการเปลี่ยนแปลง
อาจารย์สรุปว่า ตัวชี้วัดต้องตอบคำถามที่ว่า ประชาชนได้อะไร (ทั้งระยะใกล้ กลาง และไกล) และวัดได้หรือไม่ เท่านั้นเอง
สุดท้ายอาจารย์พูดถึงความจำเป็นในการใช้ SRM เพื่อกำหนดทิศทางสู่ความสำเร็จในการพัฒนาสุขภาพประชาชน โดย WHO และ SEARO ได้กำหนดให้มีการฟื้นคืนชีพการสาธารณสุขมูลฐานโดยเบนจากการมุ่งการให้บริการ เป็นการมุ่งต่อการพัฒนา ภายใต้บริบททางสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง สู่ความเข้มแข็ง และพึงพาตนเองได้ของประชาชน โดยใช้แผนที่ทางเดินยุทธศาสตร์ โดยชักนำให้เกิดการเปลี่ยน
- เปลี่ยนวิถีการพัฒนา
- เปลี่ยนกระบวนการทำงาน และเติมช่องว่างการพัฒนา
- เปลี่ยนทิศทางการมีส่วนร่วม เป็นการเป็นเจ้าของ
- เปลี่ยนโอกาสที่จะได้ค้นพบความคิดริเริ่มใหม่ ๆ จากที่ต่าง ๆ
- เปลี่ยนมาใช้มาตรการที่มาจากชุมชนและท้องถิ่นมากขึ้น
โดยจุดหมายปลายทางของการส่งเสริมและป้องกันโรคคือ
สิ่งที่สำคัญคือความชัดเจนในแนวคิดอันเป็นรากฐานและการแปลงแนวคิดไปสู่การปฏิบัติ นั่นเอง
ขอบคุณนะคะที่นำความรู้มาแบ่งปัน