162..แบบไหนที่เรียกว่าคนด้อยโอกาส ใช่แบบนี้หรือไม่


พี่น้องกัลยาณมิตรที่รักทุกท่านคะ ทุกคนอยากมีโอกาส หรือได้รับโอกาสดีดีกันทั้งนั้น แต่ก็ยังมีคนจำนวนหนึ่ง จะเรียกว่าด้อยโอกาสเป็นรากหญ้า ที่ยากจนและหาได้รับโอกาสเท่าเทียมเหมือนกับคนอื่นไม่  โอกาสอะไรมา ที่จะนำมาสนับสนุน ก็รู้สึกว่าเขาจะไม่ได้รับโอกาสนั้นเลย ทั้งๆที่ เป็นคนไทยเหมือนกัน

 

  ในอำเภอกระนวน จังหวัดขอนแก่น  ท้องถิ่นที่ผู้เขียนอยู่อาศัย ได้เห็นความเหลื่อมล้ำ ในด้านโอกาสของบุคคลส่วนหนึ่ง มีจำนวนประมาณสี่สิบเปอร์เซนต์ ของชาวอำเภอกระนวนที่ไม่ได้รับโอกาส หรือที่เรียกว่า คนด้อยโอกาส ที่ สมควรจะได้รับเช่นกัน ในฐานะคนไทยเหมือนกัน แต่เขาหาได้รับไม่

ก่อนที่จะกล่าวถึงคนจำนวนนี้ ขอเล่ารายละเอียด เกี่ยวกับวิถีชีวิต ของชาวอำเภอกระนวนซึ่งในอำเภอกระนวน จะมีหลากหลายอาชีพ

  อาชีพค้าขายส่วนมากจะเป็นคนจีน จะมีคนจีนที่ทำมาค้าขายเปิดร้านมานมนานแล้ว ตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ ก็สืบทอดกันมา จากกิจการเล็กๆๆก็ เปิดกิจการใหญ่โต มีตึกรามบ้านช่อง อำนวยความสะดวกสินค้า มาบริการ ชาวกระนวนทุกอย่าง ไม่จำเป็นจะต้องไปซื้อที่อื่น เรียกได้ว่า ภายในอำเภอกระนวน จะซื้ออะไรหาได้หมด มิหนำซ้ำ แม้มีห้างเทสโกโลตัส มาขายสินค้าราคาถูกกว่าร้านค้า ก็มี ก็ไม่กระทบกระเทือน ยังสู้การขายได้ อย่างใดก็ตาม อำเภอกระนวน จึง ขอนับ และขอถือว่าพ่อค้าคนจีน เป็นพ่อค้า ที่ถือว่ามีอันจะกิน ร่ำรวยอยู่ในเขตอำเภอกระนวน เป็นจำนวนมากมาย ประมาณยี่สิบเปอร์เซนต์

     

นอกเหนือจากพ่อค้าคนจีน ก็จะมีเจ้าของท้องถิ่น คือเป็นชาวกระนวนโดยกำเนิด   ซึ่งมีและได้รับที่ดิน หรือมรดก มาจากบรรพบุรุษอีกส่วนหนึ่ง ของชาวอำเภออกระนวน ที่ถือว่าร่ำรวย อยู่บริเวณนอกเขตเทศบาลออกไป ตามหมู่บ้านต่างๆๆ ชาวบ้านร่ำรวย ประเภทนี้ ก็คือ ชาวเกษตรกร มีที่ดินมากมาย ซึ่งจะเป็นที่ดินที่ได้มาจากบรรพบุรุษ แล้วก็สืบทอดกันมา หรือพอมีเงินก็ซื้อไว้ ด้วยรู้คุณค่าของที่ดิน ที่เพิ่มพูนรายได้จากผลิตผลการเกษตร   ปลูกทั้ง อ้อย ปลูกทั้งมัน ปลูกทั้งยางพารา ปลูกข้าว ถือว่าไม่ลำบากเพราะพ่อแม่บรรพบุรุษได้ให้โอกาส หยิบยื่นที่ดิน แบ่งทรัพย์สิน ปันมรดกมาให้ และสอนอาชีพบรรพบุรุษ ที่ตกทอดสืบมา มาตลอด คือเกษตรกรรม ปลูกอ้อย ปลูกมัน ปลูกยางพารา ปลูกข้าว  มีทั้งที่ดิน มีทั้งประสบการณ์  มีทั้งแรงงาน แรงเงิน มาสนับสนุน พอมีอันจะกิน ในแต่ละหมู่บ้าน แต่ละชุมชน

 

            อีกอาชีพหนึ่งนั่นคืออาชีพ มนุษย์เงินเดือน  ซึ่งจะมีพนักงานตามห้างร้าน และ อาชีพราชการ รายได้ไม่ต้องพูดถึง  ชีวิตแขวนไว้กับเงินเดือน ใช้เป็นก็เหลือ ใช้ไม่เป็นก็ไม่เหลือ  ได้ยินอาชีพครู ครูคนหนึ่งรำพึง  อาชีพครูดีอย่างหนึ่ง  กู้ได้ทุกอย่าง ไม่กู้แต่กับระเบิด เงินไม่มีเหลือ เพราะเอาลงทุน เพิ่มรายได้จากเงินเดือนไปอีก (ที่พูดได้ สามีเป็นครู เป็นส่วนหนึ่งของความรู้สึกของผู้เขียน) ถึงไม่มีเงินเดือนเหลือ แต่ก็มีหน้ามีตา มีเกียรติอยู่ได้สมตำแหน่ง สมฐานะ ไม่ต้องเอ่ยอะไรมากก็ได้ อาศัยเงินเดือน รู้จักใช้ รู้จักเก็บ รู้จักหา รอด

              แต่พี่น้องที่รักทุกท่านคะ มีอาชีพหนึ่ง น่าสงสารมาก   (ความรู้สึกของผู้เขียนอีก ที่ว่าเขาน่าสงสาร)  ในอำเภอกระนวน จะมีคนจำนวนนี้ประมาณ สี่สิบเปอร์เซนต์ นี่คืออาชีพรับจ้าง  ไม่ใช่แต่จะมีที่กระนวนหรอกนะคะ ที่อื่นก็มี แต่ผู้เขียนได้มีโอกาสสัมผัส ชีวิตคนรับจ้างเหล่านี้ เขาอยู่ได้เพราะรับจ้างตามหมุนเวียนฤดูกาล แล้วแต่มีอะไรที่เขาทำได้  รับจ้างได้  เสร็จงานหนึ่ง เขาก็ไปหางานอีกอย่างหนึ่ง ไม่เคยมีวันหยุด ทำไม อยู่ในอำเภอเดียวกัน ใกล้กัน แต่ชีวิตความเป็นอยู่ถึงแตกต่างกัน เพราะเขา ไปทำอะไร หรือผิดปกติจากเพื่อนตรงไหน  สรุปแล้ว ก็คือคนด้อยโอกาสนี่เอง มาอ่านคนด้อยโอกาส อาชีพรับจ้างกันเถอะคะ

               จากการสอบถามอาชีพรับจ้าง  คนหารับจ้างงานเหล่านี้  บางคนหาเช้ากินค่ำ ชีวิตเขาเคยชินต่อความยากลำบากมาจนชาชินแล้ว จนไม่มีหรือขอความสงสารจากใคร แต่ถ้าคนมาสอบถาม เขาก็พรั่งพรู สิ่งที่มีในใจออกมา ด้วยน้ำตาคลอเบ้า เหมือนจะน้อยเนื้อต่ำใจในวาสนา เหนื่อยหน่ายต่อการสู้ชีวิตในบางครั้ง  เพราะ คนอื่น ได้รับอะไรกัน แต่เขากลับไม่ได้  ได้แต่มองดู หรือรับทราบจิตใจสำหรับคนที่เริ่มท้อถอย แต่ก็มีอาชีพรับจ้างจำนวนหนึ่ง ยอมจำนนต่อฟ้าดิน ยอมรับโชคชะตา

    1.เขาเล่าว่า ที่ดินไม่มีเหมือนกับคนอื่น  เพราะพ่อแม่ก็ยากจนรับจ้างมาก่อน เขาก็รับจ้างตามพ่อแม่มา เหตุ เพราะพ่อแม่ต้องรับจ้างย้ายสถานที่ไปเรื่อยๆๆ โอกาสเรียนก็เรียนได้แค่ ป.6 ไม่จบเสียด้วยซ้ำ ทั้งที่อยากเรียนต่อ ที่ดินทำกินก็ไม่มี และอาศัยเป็นจับกังรับจ้างไปเพียงวันๆๆ งานอะไร ก็ต้องทำ ไม่มีพื้นฐานไม่อาจเกี่ยงงานได้

 

    อย่างแรก เรื่องที่ดิน ที่ดินที่เขาขาดโอกาส นั่นคือ ขณะนี้ หลวงมีนโยบาย ช่วยภัยแล้งแก่ชาวเกษตรกร ใครมีที่ดิน ตั้งแต่ 10 ไร่ขึ้นไป ไปลงทะเบียน เอาหลักฐานไปแสดงด้วย  จะให้ความช่วยเหลือไร่ ละ สองร้อย บาท นั่นคือคนมีที่ดินได้รับการช่วยเหลือภัยแล้ง  แต่เขาไม่มีที่ดิน ก็ได้แต่ดูด้วยความน้อยใจ ที่ตนเองไม่มีไร่นาพอ 10 ไร่กับเขา มีแค่บ้านพอได้ซุกหัวนอน จึงไม่มีโอกาสได้รับเงินเหมือนคนอื่น ที่มีไร่ ยิ่งมี ก็ยิ่งให้  ยิ่งไม่มีก็ยิ่งไม่ได้

 

2. ที่นาก็ไม่มี ขณะนี้ ข้าวสาร ข้าวเปลือกราคาดี   ข้าวสารขึ้นราคา ชาวนาบางคนขายข้าวเปลือก ขนาด  สอง ถุงปุ๋ย ได้เงินถึงเจ็ดร้อยบาท ดีใจพากันนำข้าวไปขายยังโรงสีกันยกใหญ่ เพราะราคาดี ไม่เคยขาย สองถุงปุ๋ย ได้เงินถึง เจ็ดร้อย  บาท ชาวนาดีใจปีนี้

 

-เมื่อเป็นเช่นนี้ คนด้อยโอกาส คนยากจน นอกจากจะไม่มีที่ทำนา เคยซื้อเข้าเปลือกกันเองกับคนบ้านระแวกเดียวกัน เขาก็ไม่ขายให้ ซึ่งเคยซื้อกันแบบตวงเป็นปี๊บเพราะไม่มีตาช่างกิโล ขายให้กัน ปิ๊บละ 400-500 บาท หรือซื้อกันแบบถูกๆๆ ไม่มีอีกแล้ว เพราะเขาเอาไปขายให้โรงสีในอำเภอ ในตลาดหมด ได้ราคาดีกว่า เลยไม่ขายกัน คนไม่มีที่นา ต้องรับภาระเข้ามาซื้อข้าวสารในอำเภอ ซึ่งราคาข้าวสารก็แพงขึ้นแล้ว เพราะพ่อค้ารับซื้อข้าวเปลือกแพง  ใครมีนาข้าวยิ้มแฉ่งได้  แต่คนที่ไม่มีนา จำเป็นต้องขยันขึ้นกว่าปกติ เพราะข้าวสารแพงขึ้นมาก จนคิดไม่ออก ว่าจะทำงานรับจ้างอะไร ถึงจะพอซื้อข้าวกิน  ข้าวเปลือกเหนียว กิโลละ  สิบแปด  บาท ข้าวสารเหนียว กิโลละ  สามสิบ  บาท แล้วจะต้องหาเงินเท่าไหร่ ถึงจะพอซื้อข้าวกิน ได้ตลอดไป ครอบครัวก็หลายคน  แสดงว่า วันไหน ไม่ได้ออกไปรับจ้าง  ครอบครัวของเขา ข้าวก็จะขาดหม้อ ขาดกับข้าวไป

3.ตอนนี้มันสำปะหลังขึ้นราคา จากราคากิโลละ สองบาท ห้าสิบสตางค์ เป็นกิโลละ  สี่  บาท คนที่มีไร่มันสำปะหลัง ยิ้มแฉ่งอีก แต่เขาคนเดิม ไร่มันก็ไม่มี  เขาก็ได้แต่รับจ้างกู้มัน ขุดมันให้ เจ้าของไร่ได้ขายราคาดี สมปรารถนา ที่รอราคาดีมานานแล้ว ส่วนเขาต้องรีบขุด ขุด เจ้าของไร่ จะได้รีบขาย ช่วงที่ขึ้นราคา ดินขุดก็แข็งโป๊ก แต่ก็ต้องรับจ้าง เพราะอีกหน่อย พอฝนตกดินชุ่ม ดินอ่อน จะพากันขุดขายจำนวนมาก ตอนที่คนขุดกู้ขึ้นมาขายช่วงดินอ่อน มันจะลงราคาอีก

4.อ้อยขึ้นราคา จากไร่ ละหมื่น เป็นไร่ละ หมื่นห้า  เขาก็ไม่ได้โอกาสกับเขาอีกเพราะไม่มีไร่อ้อย  ชาวไร่อ้อย หรือคนที่ปลูกอ้อยขายยิ้มแฉ่ง แต่เขายิ้มไม่ออก ชาวไร่อ้อยไร่มัน หาตระเวนขายอ้อย ขายมันมัน ตามแหล่งรับซื้อ เพราะราคาดี  ส่วนตัวเขากลับหาขายแรงงาน  ใครมีอะไรให้ทำ ทำหมด  เพราะหยุดไม่ได้ หยุดก็คือ ไม่มีเงินซื้อข้าวกิน

 

5.ข้าราชการขึ้นเงินเดือน ผู้ใหญ่บ้าน เงินเดือนเดือนละ   สี่  พัน ขึ้นเป็น  แปด  พัน   จะขึ้นในเดือนตุลาคม ที่จะถึงนี้ ส่วนตัวผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน จาก สอง พัน   ก็เป็น ห้า พัน ผู้ใหญ่บ้าน ก็มีความสุขขึ้นอีกระดับหนึ่ง ส่วนเขาด้วยความยากจน และไร้การศึกษา หากินสืบวัน ตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน ก็ไกลความฝันเหลือเกิน ตามจริงเขาไม่รู้ความเคลื่อนไหว รายได้เหล่านี้หรอกนะ ผู้เขียน เป็นผู้ไปหาข้อมูลมา เพื่อสำรวจว่าคนด้อยโอกาสเป็นเช่นไร

 

6.พอข้าราชการขึ้นเงินเดือน ผู้ใหญ่บ้านขึ้นเงินเดือน ราคาสินค้าตามมาจ่อ ขึ้นราคาอีกแล้ว  เขาก็คิดหนักอีก เมื่อกี้ ราคาข้าว หาซื้อกันในหมู่บ้านลักษณะขอกันกิน ไม่มีอีกแล้ว ยังจะต้องมาพบกับราคาสินค้าที่ขึ้นราคาตามมา เขาจะอยู่อย่างไร ถ้าวันไหนเขาเกิดป่วย ไปทำงานไม่ได้ เงินก็ขาด ก็คงต้องยืมหรือกู้กัน เพื่อมาซื้อแค่อาหาร และข้าวสารพอประทังต่อวัน หรือไม่ รับจ้างก็ต้องเบิกล่วงหน้า เอามาใช้ก่อน หรือหนี้นอกระบบไป หรือไม่เงินมาใช้ก่อน แล้วจะมารับจ้างคืนให้

  

7.ยังดี คนยากจนบางครอบครัว ยังได้โอกาส เพราะมีคนแก่ อยู่  2 คน พ่อกับแม่ ได้เงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เดือนละ   ห้าร้อย/พันบาทสองคน  ก็ต้องมาตุนซื้อข้าวไว้ แล้วออกไปขายแรงงานเพื่อซื้อกับข้าว หรือเข้าป่าหาเห็ด หาของป่า สัตว์ป่า สัตว์น้ำ หรือพืชที่ปลูกไว้ กินยามจำเป็น แต่ด้วยการกระเสือกกระสน หารายได้ ไม่มีเวลาว่างพอ ที่จะไปได้หาของป่าหรือการทำสวนครัว ก็ไม่ได้ทำเต็มที่ ต้องซื้อกินเหมือนเดิม เพราะกลับจากรับจ้าง ก็มืดค่ำเหนื่อยแล้ว  ถ้าเกิดพ่อแม่ป่วย มาดูกัน ก็หยุดงาน ไม่ได้รับจ้าง นี่แหละทำไม วงเวียนชีวิต ในทีวี ถึงมีให้เห็น ทุกๆๆวัน ยิ่งจนก็ยิ่งจน

 

8.และก็มีบางครอบครัว  มีลูกเป็น อสม. ก็ดีหน่อยดูแลรักษาตามสิทธิ์ ตอนนี้ก็มีเงินเดือนเริ่มให้เดือนละ หกร้อยบาท เพิ่มเข้ามาเจือจุนอีกหน่อย  ก็ยังถือว่าได้โอกาสกับเขาอยู่บ้าง

9.เรื่องนี้แม้จะผ่านมานานแล้ว แต่ตนก็ยังรู้สึกถึงการด้อยโอกาส อย่างเห็นได้อย่างชัดเจน  นั่นคือรัฐบาล แจกเช็คช่วยชาติ ให้ข้าราชการที่มีเงินเดือนประจำอยู่แล้วสำหรับคนที่มีเงินเดือนไม่ถึง หนึ่งหมื่นห้าพันบาท  แจก คนละ สอง พันบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้เงินสะพัด  แล้วตนหละเป็นเป็นคนรับจ้างทั่วไปไม่มีเงินเดือน แม้กระทั่งชาวไร่ชาวนา กรรมกรสามล้อ  กรรมกรแบกหาม  ทำไมไม่ได้รับอะไรเลย  ทำไมถึงไปแจกให้คนที่มีรายได้อยู่แล้ว ให้เขาอีกทำไม นี่แหละ เขาถึงด้อยโอกาสในทุกๆๆเรื่อง  

 

 

10.ลูกคนด้อยโอกาส หากเขาเรียนดี เป็นเด็กดี ภายในหมู่บ้าน หรือชุมชนนั้น  เมื่อขึ้นการศึกษาระดับหนึ่ง เขาไม่มีค่าเรียน ค่าหนังสือ สมุด ทำไมผู้นำในชุมชนนั้น ไม่ให้โอกาสเขาได้เรียนสูงๆๆ จนเขาสามารถ พึ่งพาตนเองได้ หรือมีทุนมาให้เขา สนับสนุนเขาจนจบ แล้วมาพัฒนาหมู่บ้านหรือชุมชนตน ตามข้องตกลง

ทำอย่างไร คนถึงจะไม่ทิ้งถิ่น

 

 

พี่น้องที่รักทุกๆๆ ท่านคะ ขอจบแค่นี้สำหรับบทนี้ก่อน เพราะมันจะยาวไป เรามาเรียนรู้แค่ว่า ที่เรียกว่า คนด้อยโอกาส หรือคนรากหญ้า เป็นแบบไหนกัน ส่วนบทต่อไป  จะนำวิถีชีวิตประจำวัน ของคนรากหญ้า คนด้อยโอกาสในอำเภอกระนวน ตื่นขึ้นมา เขาจะต้องทำอะไรบ้าง สู้เพื่อความอยู่รอด

 

และพี่น้องที่รักทุกๆๆท่านคะ มีไหม คนในหมู่บ้าน หรือชุมชนของท่าน ท่านพอจะมองเห็นว่า เขาด้อยโอกาสอะไรบ้าง มาดูซิว่าในแต่ละอำเภอ แต่ละหมู่บ้าน  คนด้อยโอกาสมีแบบไหนบ้าง

 

           ผู้เขียน เขียนขึ้นมา เพื่อให้รู้ว่า เกิดเป็นคนเหมือนกัน แต่ทำไม แตกต่างกัน  เราจะแก้ปัญหาได้ไหม แก้อย่างไร หรือจะปล่อยไปเลย เพราะคิดว่า ชีวิตเขา เขากำหนดเอง

 

            พี่น้องที่รักทุกท่านคะ อ่านไปก่อนนะคะ ยังไม่ได้จัดรูปแบบ สีสรรค์ รูปประกอบเรื่อง เพราะต้องไปเลี้ยงหลานอีกแล้วคะ พี่เลี้ยงอายุ  ห้าสิบ   ปี ทำงานหนักไม่ได้  จะกลับบ้าน แล้ว มารับจ้างเลี้ยงหลานให้ เริ่มตอนเช้า เจ็ด  โมงเช้า เลิกบ่าย ห้า โมง ทุกๆๆวัน  นี่ก็เป็นคนด้อยโอกาส เช่นกัน เราก็ช่วยเขาได้ตามกำลังที่พอจะช่วยได้ แค่นี้แหละคะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านคะ ขอให้ทุกคน เรียนรู้ เพื่อจะได้ให้โอกาสตนเองได้ทันการ และให้โอกาสคนอื่นบ้าง

           

 

หมายเลขบันทึก: 387484เขียนเมื่อ 23 สิงหาคม 2010 16:58 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 23:25 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (23)
  • ผู้ที่อยู่ในภาคการเกษตรนั้นมีทั้งโอกาส และด้อยโอกาส
  • มีโอกาสคือทำเกษตรแบบทุนนิยมอุตสาหกรรมครบวงจร รวยมหาศาล
  • เกษตร ย่อยทำภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ประยุกต์เอาดั่งเดิมมาบูรณาการในปัจจุบัน  ในส่วนนี้มีภูมิคุ้มกันที่ดี

 ดำรงชีพในภาวะปัจจุบันได้ดี

  • เกษตร ผู้ที่ด้อยโอกาส ที่เดินตามทุนนิยม ขาดการบริหารจัดการที่ดี กิจการคือที่ทำกิน ยังรักษาไม่ได้ แหล่งเงินทุนต้องประนอมหนี้ หลายต่อหลายครั้ง
  • แหล่งเงินที่ว่านั้นได้แก่ ธกส,กองทุน กขคจ หมู่บ้านละสองแสนไม่มีดอกเบี้ย,กองทุนหมู่บ้าน หมู่บ้านละล้าน,กองเลี้ยงสัตว์ จาก อบต. กองทุนปุ๋ย อบต.หลายต่อหลายกองทุนลงไปชุมชน ชุมชนเข้าหาแหล่งเงินทุนได้มากกว่ามนุษย์เงินเดือนเสียอีก
  • พอประมาณ,มีเหตุมีผล,มีภูมิคุ้มกันที่ดี ภายใต้ ๒ เงื่อนไข เงื่อนความรู้ และคุณธรรม

อ่านแล้ว สะท้อนใจค่ะ

ตัวเราเองก็ต้องระวัง มีน้อยใช้น้อย  มีมากใช้พอดี เผื่ออนาคต

ลูกอีก 2  สามีอีก 1 (แน่นอนค่ะ)

แม่  ญาติ

ที่มีโอกาสได้ดูแล

อย่าประมาท

ท่องไว้เตือนใจตนเอง

สวัสดีค่ะพี่สุ

น่าเห็นใจนะค่ะ

อ่านแล้วได้เรียนรู้ชีวิตอีกรูปแบบหนึ่ง ชื่นชมการต่อสู้ของเขาเหล่านั้นค่ะ ขณะเดียวกันก็ชื่นชมน้ำใจ ความห่วงใย เห็นใจคนด้อยโอกาสของพี่สุค่ะ

ขอบคุณค่ะ

  • สวัสดีค่ะพี่สุ
  • โอ้โฮ! เป็นบันทึกที่ยาวและข้อมูลละเอียดมากเลยค่ะ
  • อาชีพผู้ปกครองของนักเรียนที่นี่(โรงเรียนของติ๋มค่ะ) ส่วนใหญ่ 80-90% ประกอบอาชีพเกษตรกร ก่อสร้าง และรับจ้างทั่วไป มีรายได้ไม่พอเพียง บางคนก็เช่าที่ดินทำนา บ้างก็ไปทำงานในเมืองใหญ่ ปล่อยให้ลูก หลานอยู่กับคนแก่ กับญาติบ้างก็มีค่ะ สุดท้ายปัญหาต่างๆก็มาตกอยู่ที่เด็ก
  • คิดอยู่เหมือนกันค่ะว่า ภาครัฐทำไมไม่เข้ามาดูแล และให้สวัสดิการกับผู้คนเหล่านี้ซักที(หลายสมัยมาแล้ว)...
  • อ่านแล้วสะท้อนใจในความไม่เท่าเทียมมากเลยค่ะพี่

พี่สุเล่าแบบเห็นภาพเลยนะ

ชอบภาพวิถีชาวบ้านพี่สุนำมาให้ชมมากเลยค่ะ

สวัสดีค่ะคุณสุ-มหาวิทยาลัยชีวิต ที่ไม่มีวันปิดทำการ

ไม่เป็นไรค่ะ  ให้แค่ ๓๕๐ ก็ไม่เป็นไรนะคะ  ได้รับเสื้อแน่นอนค่ะ

สำหรับการส่งลงทะเบียนธรรมดา  ทุกตัวค่ะ  ไม่สามารถส่ง EMS ได้ เพราะค่าส่งสูงมาก  เราต้องรักษาผลประโยชน์ของส่วนรวมค่ะ  การส่ง พกง.เพื่อเสื้อตัวเดียวมันน่าจะลำบากกว่าการขายเสื้อให้คุณสุ ๓๕๐ บาทนะคะ  เพราะต้องมีภาระเพิ่มค่ะคุณสุ  หวังว่าคงเข้าใจนะคะ

ช่วยเหลือเท่านี้ก็เป็นพระคุณอย่างยิ่งแล้วนะคะ

ขอขอบคุณในการร่วมกิจกรรมของ GotoKnow ค่ะ

1.

P
เหรียญชัย เหรียญชัย มาวงษ์

สวัสดีคะท่านพี่ มหา ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมอ่านและแสดงความคิดเห็นกัน คนในภาคเกษตรมีทั้งคนได้โอกาสและด้อยโอกาส เป็นความจริงคะ

-คนมีโอกาส มีเครื่องมือทำการเทคโนโลยี่สมัยใหม่ มีแต่รวยกับรวย

-ส่วนเกษตรย่อย ด้อยโอกาส ก็ต้องทำมาหากินถ้าอยากอยู่รอด ก็ต้องใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ แบบบูรณาการ ท่านพี่มหาเป็นผู้นำชาวบ้านและแบบอย่างที่ดีมาตลอด จะเห็นได้จากทุกบทความ เป้าหมายยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง มาบูรณาการ  พอประมาณ มีเหตุมีผล สร้างภูมิคุ้มกันรายได้ แต่ผู้ด้อยโอกาส บางคนหาเป็นเช่นนั้น จึงจำเป็นจะต้องกู้หนี้ยืมสิน จากรัฐบาล หรือกองทุนทุกแห่งที่มี  มันจึงลืมตาอ้าปากไม่ขึ้นซักที ปัญหาส่วนหนึ่งก็คือ ขาดการศึกษา ความรู้ไม่มี จึงเป็นผู้ตามตลอด

-ขอบคุณมากคะ แสดงว่าท่านพี่มหาเข้าใจดี ทำไม คนจึงด้อยโอกาส

พี่สุครับ คนที่ลำบากมากที่สุดดูจะเป็นผู้รับจ้าง คอยดูพอขึ้นเงินเดือนราชการ สินค้ามันก็ขึ้นามแน่นอน...

2.

P
กระติก~natachoei ที่ ~natadee
เมื่อ จ. 23 ส.ค. 2553 @ 20:13
#2146689 [ ลบ ]

สวัสดีคะ น้องกระติก วันที่ 27  สิงหาคม 53  คงจะได้พบกันอีกนะคะ

-เรื่องราวของใครบางคนเราอยู่สุขสบาย แต่เราไม่รู้ว่า ยังมีคนที่ลำบากกว่าเราอยู่อีก สาเหตุก็คงเรื่องไม่ได้รับการศึกษา ฐานะทางบ้านยากจน มาตลอด ทำอย่างไรก็ไม่รวย ถ้าไม่ไปขายของผิดกฎหมาย นี่แหละปัญหาสังคม สืบเนื่องมามากมาย  จะต้องแก้ที่ต้นเหตุ คือการศึกษาให้เขาได้เรียน หรือส่งเสริมให้มีอาชีพที่พอเลี้ยงตนเองได้บ้าง ก็จำเป็นคะ เขาเกิดมาเพื่ออาชีพนี้ ถ้าไม่มีเขา เราก็ต้องทำเอง

-เราก็ต้องระวังความเป็นอยู่ของเราเอง อย่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือย  เพราะวิกฤติการณ์คือสิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อคะ  ดีแล้วที่ไม่ประมาทท่องไว้เสมอคะ

3.

P
ถาวร
เมื่อ จ. 23 ส.ค. 2553 @ 20:19
#2146697 [ ลบ

สวัสดีคะ น้องถาวร วันที่ 27 คงได้พบกันนะคะ  ทุกคนเกิดมา ก็ต้องต่อสู้ตามแบบฉบับของตนเอง คนที่รับจ้างเขาก็จะแข็งแรง อดทน ต่างกับเรา เราไปทำแบบเขาก็ไม่ได้ เรารู้สึกว่าไม่ไหว เขากลับธรรมดา แต่เขาเคยคิดพิจารณาตนเองไหม ว่าทำไม เขาจึ้งต้องมารับจ้าง ซึ่งเป็นอาชีพที่ไม่มั่นคง ถ้าเกิดเขาเจ็บป่วยไป ทางบ้านคงเดือดร้อนกันหมด เขาก็ไม่คิดมากมายปานนั้น มีทางเดียว ถ้าส่งเสริมการศึกษาให้เขาแต่เล็กๆๆ นั่นคือครู ต้องให้เขาได้คิด และเรียนให้สูงๆๆ หาโอกาส หรือวิธีการส่งเสริม นักเรียนในท้องถิ่นของตน โตมาพอจะมีปัญญาบ้าง ว่าไป ว่าไป พูดได้แต่ทำยาก

-พี่สุเป็นคนชอบคิด ก็คิดเรื่อยเปื่อย บางครั้งคิดแทนเขาคะ จึงเกิดเรื่องนี้ขึ้นมาเขียนคะ

4.

P
Kanchana
เมื่อ จ. 23 ส.ค. 2553 @ 20:37
#2146717 [ ลบ ]

สวัสดีคะ น้องครูกาญจนา พี่สุก็มองไปรอบด้านเรื่อยเปื่อย คงจะไม่มีใครมาคิดเหมือนพี่สุหรอกคะ พี่สุเป็นคนสะดุด และสังเกต ความเป็นไป ของคนรอบข้าง ซึ่งเราพอจะมองเห็นความแตกต่าง แต่คนอื่นเขาไม่มองหรอกคะ เพราะธุระไม่ใช่ แม้แต่ผู้นำชุมชน เขาจะคิดเป็นเหมือนพี่สุหรือเปล่าก็ไม่รู้

-พี่สุเขียนขึ้นมาก็อยากให้พี่น้องเรา ชาว GTK ผู้ที่ไม่ได้เคยสังเกต ความเป็นอยู่ของคนรอบข้างหรือในชุมชน จะได้ลองไปหัดสังเกตเหมือนพี่สุบ้าง แล้วจะเอะใจ ได้ความคิดมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน

-สาเหตุ คนไม่มีการศึกษาสูง ไร้ที่ทำกิน ทำงานรับจ้างค่าแรงกับค่าใช้จ่ายในบ้านตนเองค่าแรงถูกไม่พอกิน จำเป็นจะต้องทิ้งถิ่นไปทำงานต่างจังหวัด ค่าจ้างแรงงานสูง แต่ก็ลำบากมันไม่ใช่บ้านตนเอง ไปแล้ว บางคนทิ้งลูกทิ้งเมีย ทิ้งพ่อทิ้งแม่ไปเลย เพราะเงินเดือนที่ได้รับไม่พอส่งมาให้ทางบ้าน

-ทางบ้านขาดแคลนอยู่แล้ว ก็หนักไปอีก ตกก็อยู่ที่เด็ก ขาดการดูแลเอาใจใส่ที่ดี อยู่กับปู่ย่าตายาย เลี้ยงตามมีตามเกิด

-ผู้ที่จะเห็นเขาเหล่านั้น ก็คือคน หรือผู้นำชุมชนนั้นที่จะดูแล และหาทางช่วยเหลือ ผู้นำชุมชน ความรู้ไม่มาก คิดไม่ถึง คาดไม่ถึง จึงมีวงเวียนชีวิต ทางทีวีทุกๆๆวัน แล้วถึงพากัน ไปช่วยเหลือ พร้อมได้หน้าได้ตา ได้ออกทีวี

-ถ้าหาก ทางบ้าน น้องครูกาญจนา มีคนด้อยโอกาส แล้วไปเห็นสภาพ อาจจะมีคนน่าสงสาร สะท้อนใจ ยิ่งกว่าได้อ่านเรื่องของพี่สุอีกคะ แต่จะมีเวลาสำรวจไหมคะ เพราะตามจริงแล้ว ก็ไม่ใช่หน้าที่เรา และเลิกงานมาก็เหนื่อยแล้ว ดูแลครอบครัวตนเองดีกว่า

5.

P
นาง...มณีวรรณ ตั้งขจรศักดิ์
เมื่อ จ. 23 ส.ค. 2553 @ 22:15
#2146942 [ ลบ ]

สวัสดีคะน้องนาง  วิถีชีวิตคนอีสาน อาชีพรับจ้างทั่วราชอาณาจักร ก็เป็นแบบนี้แหละคะ คนด้อยโอกาส ภาพคนดำนาสวยมากใช่ไหมคะ วันที่ 27 สิงหาคม 53 จะมาร่วมด้วยไหมคะ โกทูโนสัญจรคะ คิดถึงนะคะ แต่จะลางานมาได้ไหมหละ หรือไม่ก็แลกงานกับคนอื่น ไม่เช่นนั้นไม่ได้พบกันนะคะ

P
ครูคิม
เมื่อ อ. 24 ส.ค. 2553 @ 13:34
#2147643 [ ลบ ]

ขอบคุณคะพี่ครูคิม พี่ครูคิมคงจิตอาสาเหนื่อยมากเลยนะคะ ส่งเสื้อนิ ขอบคุณคะ สุไม่ว่าง ขอบคุณมากที่เข้ามาบอกตามว่าคะ รักษาสุขภาพด้วยนะคะ

8.

P
ขจิต ฝอยทอง
เมื่อ อ. 24 ส.ค. 2553 @ 15:10
#2147730 [ ลบ

สวัสดีคะ น้องครูขจิต แน่นอนเลยคะ คนรับจ้างลำบากแน่ ข้าวราคาถูกก็หาไม่ได้ซื้อกินลูกเดียว แล้วพอเงินเดือนข้าราชการขึ้น ราคาสินค้าขึ้นตาม แต่คนรับจ้างราคารับจ้างยังเท่าเดิม นั่นคือเขาต้องเหนื่อยมากขึ้น

-พี่สุว่า จะเกิดการขายยาบ้ามากขึ้น  ขโมยมากขึ้น สิ่งไม่ดีต่างๆ จะตามมาเพราะเกิดมีคนยากจน ยากจนยิ่งขึ้นอีกคะ จะมีใครตระหนักไหมนี่

-ยังไม่พอนะคะ น้ำท่วมไร่นา บางพื้นที่ในประเทศไทย จะเกิดข้าวราคาแพง สินค้าราคาแพง ใครจะช่วยเขาได้  คอยดูการแก้ปัญหา ของรัฐบาลคะ

-ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมกัน ได้ยินว่า วันที่ 27 สิงหาไม่ได้พบกันที่ โกทูโนสัญจรที่ขอนแก่น ใช่ไหมคะ พลาดได้ไง นา

ที่ กทม.ยิ่งเห็นความแตกต่างของชนชั้นมากมาย โดยเฉพาะกลุ่มคนที่โยกย้ายมาทำกินที่นี่ในลักษณะ "หาเช้ากินค่ำ" ท่ามกลางสภาวะค่าครองชีพที่สูงลิบลิ่ว ไม่มีบ้านช่องเป็นหลักแหล่ง.. เป็นอยู่อย่างแร้นแค้น.. บ้านต้องเช่า ข้าวต้องซื้อ รายได้ไม่พอค่าใช้จ่าย.. แทบไม่มีเงินส่งกลับไปบ้านนอก.. เพราะมาแต่ตัว ทิ้งครอบครัวไว้ที่โน่น ฯลฯ ...คิดดูแล้ว..ไม่แน่ใจว่า..การย้ายออกมาหากินนอกพื้นที่ โอกาสดีกว่าแน่แล้วหรือ ??..

สวัสดีครับ คุณป้า่สุ..

ูกู๊ดดี้อ่านบันทึกนี้แล้วรู้สึกเห็นใจคนที่ด้อยโอกาสมากเลยครับ...

ทุกวันนี้ แม้กู๊ดดี้จะยังไม่ได้เผชิญเรื่องราวมากมายขนาดนั้น (เพราะเพิ่งจะ 4 ขวบเอง) อิอิ

แต่เรื่องราวที่ได้อ่าน สามารถนำมาเป็นอุทาหรณ์เตือนใจในการใช้ชีวิตได้เป็นอย่างดีครับ...

ว่าคนเรา...ควรตั้งอยู่บนหนทางของความไม่ประมาท ไม่ว่าคุณจะอยู่ในสาขาอาชีพใด รู้กิน รู้ใช้ รู้ประมาณตนครับ...

คิดถึงคุณป้าสุเสมอครับ...

15.

P
นาง นงนาท สนธิสุวรรณ
เมื่อ 24 สิงหาคม 2553 16:23 น.
#2147814 [ ลบ ]

สวัสดีคะพี่ใหญ่ ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมทักทายคะ และมาเติมเต็มคะ

-เรื่องคนทิ้งถิ่นแล้วเข้ามาหางานทำที่กรุงเทพนั้น เขาก็คิดว่าเขาคิดถูกแล้ว เพราะกรุงเทพเป็นเมืองใหญ่ งานจะหาง่าย และมีทางเลือก แต่ถ้าไปอยู่บ้านตนเอง นอกจากทำไร่ ทำนาแล้ว จะไปหางานทำ เมืองมันก็เล็ก ความรู้ก็ไม่มี ฉะนั้น ตัดสินใจ ทิ้งถิ่นไปตายเอาดาบหน้า อาจจะเห็นคนบางคนได้งานและประสบผลสำเร็จ แต่ก็มีส่วนหนึ่ง ไม่ประสบผลสำเร็จ มาแล้วถอยไม่ได้ สู้ตาย กลับคืนก็ตายเหมือนกัน  จำเป็นจะต้องหยิบฉวยงานที่พอทำได้ ไม่เลือก ก็เลยเกิดการหาเช้ากินค่ำ  และปัญหาสังคมตามมาอีกมากมาย

-บ้านก็ต้องเช่า ข้าวก็ต้องซื้อ บางครั้งประหยัด กว่าจะหางานได้ ต้องขนข้าวสารเป็นกระสอบปุ๋ยจากบ้านไปพอประทัง และรายได้ที่ได้ เนื่องจากบ้านก็ต้องเช่าข้าวก็ต้องซื้อ เงินไม่พอที่จะส่งกลับคืนบ้าน น่าเห็นใจผู้รอคอยอยู่ทางบ้านคะ

-โอกาสที่เขาจำเป็นต้องเลือกคะ เพราะไม่มีทางเลือก  ที่จะดีไปกว่านี้แล้ว แม้จะเป็นโอกาส  ก็เป็นโอกาสของผู้ด้อยโอกาสดีดีไปเหมือนเดิมคะ

-ภาพที่มอบให้ ได้ข้อคิด เหมือนชีวิตที่มืดมน รอฟ้าสว่างคะ ขอบพระคุณคะพี่ใหญ่

16.

P
goody krub
เมื่อ 24 สิงหาคม 2553 21:15 น.
#2148073 [ ลบ ]

สวัสดีคะ น้องกู๊ดดี้คนเก่ง ป้าสุคิดถึงน้องกู๊ดดี้เหมือนกันคะ ดีแล้วคะ ที่ไม่ประมาท ตั้งใจเรียนสูงๆนะครับ ถ้าเรียนสูงเป็นคนดีพร้อม เราจะฉลาดขึ้น และจะไม่เป็นคนด้อยโอกาส เพราะเรารู้ทัน โอกาสดีดี เสมอคะ  และอย่าลืม ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง นั่นคือ รู้จักประมาณตน มีเหตุมีผล สร้างภูมิคุ้มกัน รู้จักหา รู้จักเก็บ รู้จักใช้ จะไม่ยากจนคะ

- ขอบคุณที่มาเยี่ยมนะคะ ป้าสุจะไปเยี่ยมคืนคะ  

  • สวัสดีค่ะ
  • ไม่ได้มาเยี่ยมพี่สุหลายวันเลย สบายดีนะค่ะ
  • ระลึกถึงพี่สุเสมอค่ะ
  • ขอบคุณค่ะ

                                 

9.

P
บุษรา
เมื่อ 25 สิงหาคม 2553 21:50 น.
#2149370 [ ลบ
น่ารักจังเลยคะ เด็กเต้นรำ เหมือนน้องบรีม กำลังหัดจีบมือนอย นอย พร้อมกับจำปูดำคะ คิดถึงน้องนกเหมือนกันนะคะ ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมคะ
 
                  
                  แมวก็ขอเต้นรำด้วยคนนะคะ สนุกกันใหญ่เลยคะ

สวัสดีค่ะพี่สุมาอ่านเรื่องราวคนยากไร้แล้วก็พบว่ามีทุกที่ ทุกแห่งค่ะ อาชีพรับจ้างหาเช้ากินค่ำได้รับผลกระทบก็น่าคิดกับความแตกต่างนะคะ

สวัสดีค่ะพี่สุ

น่าเห็นใจมากค่ะ กลุ่มคนเหล่านี้มีอยู่ทุกที่ค่ะ  ที่โรงเรียนของหนูก็มีเยอะ เด็กนักเรียนที่ผู้ปกครองยากจน ไม่มีที่ทำกิน หาเช้ากินค่ำ รับจ้างไปวันๆ  เด็กๆ ที่มาเรียนก็ไม่เป็นอันเรียน ไม่มีข้าวกิน บางครั้งก็ต้องหยุดเรียนไปก็มี โรงเรียนต้องให้ความช่วยเหลือเยียวยา... เห็นแล้วสงสารค่ะ

พี่สุสบายดีไหมคะ  ที่กระนวนฝนตกมากไหมคะ?  ที่อุตรดิตถ์ตกเยอะและหนัก จนเกิดน้ำท่วมหลายพื้นที่เลยค่ะ

คิดถึงนะคะ...

 

 

 "ทรัพยากรบนโลกนี้มีพอสำหรับทุกคน  แต่มีไม่พอสำหรับคนโลภเพียงคนเดียว"  มหาตมะ  คานธี

สวัสดีครับป้าสุ  ......ขอบพระคุณที่แวะไปทักทายครับ....

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท