เมื่อต้นปี 2553 โรงพยาบาลสองได้ทำกิจกรรมอย่างหนึ่งร่วมกับชุมชนในชื่อโครงการ " พ่ออุ๊ย แม่ใหญ่ ใส่ใจลูกหลานสืบสานวัฒนธรรมท้องถิ่น" โดยได้รับทุนอุปถัมจาก สสส. โดยทางมหาวิทยาลัยมหิดล ภาควิชาภาษาและวัฒนธรรมแห่งเอเซียจัดทำเป็นโครงการ สื่อพื้นบ้านสร้างสุขภาวะเยาวชน เมื่อการดำเนินกิจกรรมครบตามกระบวนการและได้ทบทวนถึงผลลัพธ์ที่ได้ ภาพที่เกิดในมโนคติเป็นภาพการเก็บเกี่ยว ความสุข สวยงาม ทีละเล็ก ทีละน้อย ตามเส้นทางเดิน และอยากร่วมแบ่งปันให้กับทุกคน
" สื่อพื้นบ้าน...สร้างสุขภาวะคนหลายวัย" ( ตอนที่ 1 จุดเริ่มต้น)
เริ่มจากรัก
ชมรมคนฮักสุขภาพ ตำบลบ้านกลาง อำเภอสอง เป็นกลุ่มผู้สูงอายุที่ร่วมกันทำกิจกรรมหลายๆอย่าง นับตั้งแต่ออกกำลังกาย ขายขยะจนเป็นทองคำ ทำปุ๋ยใช้กัน ปลูกผักชีวภาพ และเล่นดนตรีพื้นเมือง ซะล้อ ซอ ซึง เดิมทีการเล่นดนตรีเป็นแบบเพื่อนสอนเพื่อน นานวันท่านก็อยากเล่นให้เป็นเพลงที่ไพเราะ มีท่วงทำนองที่ถูกต้อง จึงต้องการเรียนรู้จากมืออาชีพ ได้มีครูสอนดนตรีไทยในหมู่บ้านท่านทำงานอยู่ที่ต่างจังหวัดและจะกลับบ้านทุกวันศุกร์ จึงได้จัดกลุ่มเล่นกันทุกวันเสาร์อาทิตย์ตอนเย็นและทำกันอย่างต่อเนื่องจนสามารถเล่นเป็นวงได้ ผลจากการทำกิจกรรมเล่นดนตรีพื้นบ้านในกลุ่มผู้สูงอายุ ร่างกายที่มีอาการปวดเมื่อยหายไป นิ้วมือที่แข็งเกร็งกลับเป็นนิ้วมือที่สามารถบรรเลงเพลงผ่านเครื่องสายได้อย่างไพเราะ ดังนั้นแล้วการเล่นดนตรีเป็นการช่วยขยับข้อต่อ กล้ามเนื้อ เส้นเอ็นต่างๆได้อย่างนุ่มนวล ลดการบาดเจ็บและสร้างความแข็งแรงได้เป็นอย่างดี
อาการซึมเศร้า และการเก็บตัวของผู้สูงอายุก็ได้หายไป จากการที่กลุ่มได้มาพบกันอย่างสม่ำเสมอ พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาในชีวิต และร่วมกันทำกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลาย สร้างความสุขทางด้านจิตใจด้วยเสียงเพลง เมื่อลูกหลานในครอบครัวได้มาเยี่ยมเยียนผู้สูงอายุ ได้ฟังท่านเล่นดนตรี ได้รับการชื่นชมจากลูกหลาน ความอยากรู้อยากเห็นของเด็กโดยธรรมชาติก็จะเข้าไปขอเรียนขอรู้จากปู่ย่าตายาย ดนตรีจึงเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างลูกหลานได้อย่างประณีตเป็นความสัมพันธ์ที่เกิดจากความสุนทรียทางอารมณ์
ความสุขนี้เกิดขึ้นในบ้านแต่สิ่งนี่ไม่ได้เกิดขึ้นกับบ้านทุกหลังในกลุ่มชมรมผู้สูงอายุเนื่องด้วยความแตกต่างของการดำเนินชีวิตแต่ละครอบครัว จึงมีความต้องการที่จะแบ่งปันและเผื่อแผ่ความสุขที่ได้รับให้กับกลุ่มเพื่อนสมาชิกบ้าง และได้ย้ายความสุขออกมาจากบ้าน รวมกันฝึกเล่นดนตรีในชุมชนโดยมีจุดศูนย์กลางการพบปะที่วัด จัดเวลาให้สะดวกต่อทั้งผู้สูงอายุและลูกลานที่จะได้มาพบกัน เมื่อมีกลุ่มเกิดขึ้นในหมู่บ้านที่สามารถทำกิจกรรมได้อย่างต่อเนื่อง ชุมชนจึงเกิดความสนใจ เด็กๆในหมู่บ้านเริ่มที่จะเดินเข้ามาหาผู้สูงอายุ สนใจ ซักถาม พูดคุย ขอเล่นด้วย แบ่งปันความสุขร่วมกันระหว่างผู้สูงวัยและเด็กน้อย ความสุขทางใจเกิดขึ้นกับกลุ่มผู้สูงอายุ ความรู้สึกเหงากับสภาพที่ต้องอยู่บ้านตามลำพังหายไป ถึงแม้ไม่มีลูกหลานอยู่ในบ้านแต่ก็มีลูกหลานในชุมชนมาอยู่ด้วย พลังแห่งความรัก ความเอื้ออาธร ความรู้สึกมีคุณค่าในตัวชนของผู้สูงวัย เกิดขึ้นกับชุมชนนี้อย่างมากมายและพร้อมที่จะแบ่งปันให้กับสังคมต่อไป
( ติดตามตอนที่ 2 ต่อไปนะคะ) พัชรินทร์_OM /sha song
สวัสดีครับ
ดนตรีพื้นบ้านในหลายพื้นที่ถูกกลับนำมาใช้ในกลุ่มผู้สูงอายุอย่างได้ผลมาก ๆ เลยครับ
ผมเพิ่งไปที่บ้านถืมตอง จ.น่าน มา
เมื่อสองปีก่อนผู้สูงอายุกลุ่มหนึ่งนำดนตรีพื้นบ้านมาเป็นดนตรีประกอบการออกกำลังกาย
มีการคิดท่าออกกำลังกายใหม่ โดยประยุกต์จากท่าทางการฟ้อนแบบพื้นบ้าน
ได้รับความสนใจจากผู้สูงอายุมากเลยครับ
ผู้สูงอายุจำนวนมากสุขภาพดีขึ้นจากการออกกำลังกายในแบบฉบับที่เขาคุ้นเคย
มีโอกาสออกจากบ้านมาพูดคุยกัน
จะติดตามอ่านตอนต่อไปนะครับ
ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ เรื่องราวยังมีการดำเนินอีกหลายบท ชวนติดตามนะคะ / พัชรินทร์
เคยเรียนดนตรีไทย ( ขิม ) ร.ร. นารีรัตน์ ...ชอบมาก ๆ ค่ะ ยังอยากจะไปเรียนที่ชุมชนวัดบ้านกลางเหมือนกัน ก็ยังหาโอกาสไม่ได้เลยค่ะ .....noot LR