ศึกษาภาวะผู้นำของ Hillary Clinton และวิเคราะห์อภิสิทธิ์ด้วย


ศึกษาภาวะผู้นำของ Hillary Clinton และวิเคราะห์อภิสิทธิ์ด้วย

          สัปดาห์นี้มีข่าวใหญ่ 2 เรื่องเกี่ยวกับประเทศของเรา ซึ่งท่านผู้อ่านคงจะต้องวิเคราะห์ให้รอบคอบ

          เรื่องที่ 1 คือเรื่องการเลือกตั้ง สก.สข.

          พรรคประชาธิปัตย์ยังครองความนิยมในกรุงเทพฯได้ดี มี 3 เขตที่แพ้อย่างสูสี ได้แค่ 45 แทนที่จะเป็น 48 เพราะคะแนนของพรรคการเมืองใหม่

          สรุปว่าเกิดคะแนนสวิงอย่างชัดที่กรุงเทพฯ คำถามคือคะแนนสวิงที่ภาคเหนือหรือภาคอีสานหรือไม่?

          ถ้าเกิดขึ้นจริงบทบาทของทักษิณในอนาคตค่อนข้างจะลำบากในการเลือกตั้งคราวหน้า อาจารย์สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ วิเคราะห์ไว้ในรายการ Hard Talk Thailand ทาง FM.90.5 MHz. เมื่อวันเสาร์ 15.00 – 16.00 น. ว่าทักษิณยังแน่นหนาพอสมควร ในภาคอีสานหรือภาคเหนือคงสวิงไม่มาก ยกเว้นเขตเมือง แต่ความนิยมไม่เพิ่มมีแต่ลดลง

          ส่วนพรรคการเมืองใหม่ขอให้กำลังใจ ทำหน้าที่ต่อไป คะแนนใน กทม.รวมแล้วได้ 95,000 คะแนน ก็ไม่น้อย แต่ไม่ได้ สก.เลยสักที่นั่งเดียว

          ส่วนอีกข่าวใหญ่ก็คือ ระเบิด M.79 ลงเป็นลูกที่ 2 หลังจากลูกแรกลงแถวซอยรางน้ำ แล้วไปลงที่ช่อง 11 การระเบิดในแต่ละครั้ง ต้องระวังไม่ให้คนกรุงเทพฯคาดคะเนว่าจะเกิดบ่อยๆ ศอฉ.ก็ต้องควบคุมให้ได้

          ส่วนประเด็นสุดท้าย การโยกย้ายข้าราชการกระทรวงมหาดไทยถูกมองว่าต้องสอบผ่านระบอบเนวิน โดยเฉพาะการแต่งตั้งอธิบดีกรมใหญ่ๆ ไม่ค่อยจะมีหลักเกณฑ์ในความเหมาะสม

ขอฝากนายกฯอภิสิทธิ์ช่วยดูด้วย เพราะข้าราชการขั้นผู้ใหญ่ต้องการความเป็นธรรม คุณเนวินต้องคำนึงถึงศักดิ์ศรีของข้าราชการทั้งกระทรวงด้วย

          ผมชอบใจคอลัมน์ของไทยรัฐ “หมายเหตุประเทศไทย” ที่กล้าชนกับเนวินแบบไม่กลัว เนวินแค่ผู้อยู่เบื้องหลัง ถ้ามีบทบาทนำจริงๆก็น่าวิตกว่าจะมีคนกล้าชนเนวินมากแค่ไหน?

          สัปดาห์นี้ ผมมีเรื่อง ฮิลลารี คลินตันต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้วฟันธงไปว่าโอบามา เริ่มแผ่วและอาจจะเป็นโอกาสดี ในอีก 6 ปีข้างหน้าอเมริกาจะมีประธานาธิบดีหญิงคนแรก

          เพราะผมชอบที่ฮิลลารีปรับตัวเป็นผู้แพ้ได้ดี การเป็นผู้นำที่ดีต้องอยู่อย่างยั่งยืน ยอมรับความเจ็บปวดได้เสมอและพร้อมที่จะกลับมา

          ในช่วงที่หาเสียงและการพ่ายแพ้ต่อโอบามาคนฉลาดอย่างฮิลลารีคงเรียนรู้ความเจ็บปวดได้อย่างดี และหาโอกาสที่จะกลับมาสู่ความสำเร็จอีกครั้ง

          ผมได้อ่านหนังสือชื่อ Leadership Secrets of Hillary Clinton โดย Rebecca Shambaugh จากคิโนะคุนิยะ  หนังสือเล่มนี้วิเคราะห์ภาวะผู้นำของฮิลลารี ว่าเป็นผู้แพ้อย่างอดทน เพราะแพ้ก่อน แต่ชนะทีหลังได้ ต่อสู้เพื่อเรียนรู้จากความเจ็บปวดและความล้มเหลว และเดินไปข้างหน้า

 

          การพ่ายแพ้ของฮิลลารีครั้งที่แล้ว คนอเมริกันส่วนมากคาดไม่ถึงว่าโอบามาจะใช้วิธีการหาเสียงแบบใหม่ มี 3 สาเหตุใหญ่ๆที่ฮิลลารีแพ้

  • มองการเลือกตั้งทั้งระดับ Primary แบบเดิม คือมุ่งชนะที่รัฐใหญ่ ถ้าชนะได้  โอบามาก็ยอมแพ้ในที่สุด แต่โอบามาเก็บคะแนนรัฐเล็กๆ ที่ฮิลลารีไม่สนใจ
  • ฮิลลารีใช้นโยบายหาเงินจากผู้สนับสนุนรายใหญ่ ไม่ใช้ Social Media โอบามาหาเงินจากอินเตอร์เน็ทเน้นรายย่อย
  • มีสามี ชื่อ บิล แต่มีผลร้ายต่อฮิลลารี เพราะบิลมองการเมืองแบบโบราณเก่าไปแล้วล้าสมัย

ในหนังสือเล่มใหม่นี้ฮิลลารี รักษาตัวเองให้มีคุณค่าและพร้อมที่จะเรียนรู้จากความเจ็บปวด

สิ่งแรกที่เป็นภาวะผู้นำของฮิลลารีคือ ความอดทนและความแข็งแกร่ง (Resilience) ซึ่งเป็นจุดแข็งของฮิลลารี ก็คืออยู่อย่างผู้แพ้ที่สง่างาม ไม่ถอดใจ แต่เข้มแข็งอดทน เช่น ยอมรับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศของโอบามาซึ่งเป็นอดีตคู่แข่ง

 ฮิลลารีเห็นว่าใน 4 ปี ข้างหน้า โอกาสจะขึ้นมาแข่งเป็นประธานาธิบดีอีกครั้งคงเกิดขึ้นลำบาก ยอมรับว่ามีตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศที่คนอเมริกาหรือคนในโลกเห็นบทบาท ก็จะทำให้ไม่ถูกลืม และถ้าโอบามาเกิดมีปัญหา ก็ยังมีโอกาสกลับมาเป็นประธานาธิบดีได้ทีหลัง

เรื่องความอดทนและแข็งแกร่ง (Resilience) ก็เป็นเรื่องที่นักการเมืองทุกประเทศควรจะมี อย่างคุณอภิสิทธิ์ เป็นผู้นำที่แข็งแกร่งมาก และดูจะไปได้ไกลกว่าที่ทุกๆคนคาดคิด

ในช่วงที่เป็นนายกรัฐมนตรีต้องเผชิญกับเหตุการณ์หนัก ๆ หลายครั้ง แต่นายกฯอภิสิทธิ์รอดขึ้นมาได้เพราะความอดทนและแข็งแกร่ง

  • ครั้งแรกที่พัทยา ถูกเสื้อแดงบุกไปยึดที่ประชุมอาเซียน ซัมมิท
  • ครั้งที่ 2 ถูกทุบรถที่มหาดไทย
  • ครั้งที่ 3 ก็คือ คืนที่ 10 เมษายน 2553 ที่พันเอกร่มเกล้าถูกยิงตาย การเมืองคืนนั้นคงเจ็บปวดต่อนายกอภิสิทธิ์มาก แต่ก็ผ่านมาได้ เรียกว่า มีความอดทนและแข็งแกร่งมาก

ถ้าไม่ถูกยุบพรรคหรือถูกแบนการเมือง 5 ปี ผมว่าคนไทยน่าจะสบายใจได้ที่มีนายกฯชื่ออภิสิทธิ์ มีความซื่อสัตย์ หวังดีต่อประเทศ เพราะเริ่มสร้างความสามารถในการจัดการกับวัฒนธรรมการเมืองไทยได้

ช่วงนี้คุณอภิสิทธิ์มีบารมีขึ้นมาก มีความมั่นใจในตัวเองและทำงานภายใต้ขีดจำกัดได้ดีมาก

หนังสือยังเน้นว่าฮิลลารีมีภาวะผู้นำอีกด้านหนึ่งคือชอบเรียนรู้ตลอดชีวิตเป็นประเด็นที่ผู้นำทุกคนควรจะมี

เป็นผู้ใฝ่รู้ คิดเป็น วิเคราะห์เป็น ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ นายกฯอภิสิทธิ์เก่งในเรื่องการหาความรู้ข้ามศาสตร์ จับประเด็นและสรุปประเด็นง่ายๆ ชอบอ่านหนังสือ และค้นคว้าตลอดเวลา

ในหนังสือว่าคุณสมบัติของผู้นำของฮิลลารี คือ

  • เรียนรู้ตลอดชีวิต
  • อย่าพอใจกับปริญญาเท่านั้น
  • อย่าพอใจกับการเรียนในห้อง (Formal Learning)
  • สนุกกับการคิดนอกกรอบ
  • สนุกกับการคิดข้ามศาสตร์
  • ถึงจะเก่งอย่างไร? ก็ต้องรับฟังคนอื่น

ผมคิดว่าการเป็นผู้นำที่ดี อย่า อัตตา มาก ให้เกียรติคนอื่นๆ เพราะไอเดียวใหม่ๆ เกิดขึ้น อาจจะมาจากการปะทะทางปัญญาและฟังคนอื่นบ้าง

โดยสรุป หาหนังสือเล่มนี้มาอ่าน เพราะมีอีกหลายประเด็นที่พูดไว้ เรื่อง ฮิลลารีกับภาวะผู้นำ ผมเลยนำมาวิเคราะห์ให้ฟังแค่ 2 ประเด็นหลักๆ

สุดท้าย ผมขอแสดงความยินดีกับมหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ดที่ได้รับการประเมินคุณภาพภายในระดับดีมาก ประจำปี 2552 จากสำนักอุดมศึกษา

(จากซ้าย) คุณพงษ์พันธ์ สัมภวคุปต์ ดร.ณรงค์ชัย อัครเศรณี ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ รศ.ดร.บุญมาก ศิริเนาวกุล อ.วัลลภา ศรีทองพิมพ์ Dr. Dolly Samson และ อ.สรยุทธ วัฒนวิสุทธิ์ ร่วมแสดงความยินดีกับคณะผู้บริหารของมหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด ที่ผ่านการตรวจประเมินคุณภาพภายในระดับสถาบัน ประจำปี 2552 และได้ผลคะแนนในระดับ “ดีมาก”

หมายเลขบันทึก: 390512เขียนเมื่อ 3 กันยายน 2010 15:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 23:28 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท