บทเรียนความจริง กับ ดร.จีระ จากหนังสือพิมพ์แนวหน้า ฉบับวันเสาร์ที่ 11 กันยายน 2553 ติดตามบทความย้อนหลังได้ที่ http://www.naewna.com/allnews.asp?ID=97&HL=0&no=1 เศรษฐกิจชายแดน คนไทยได้อะไร ? |
สัปดาห์นี้ มีข่าวน่าสนใจหลายๆ เรื่อง ข่าวแรกคือ มีสัญญาณที่ดีจากพรรคเพื่อไทยจะหันหน้ามาปรองดองกันในชาติ ถึงแม้ยังสับสนบ้าง แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี จะเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ ผมยังอยากให้ทุกฝ่ายให้ความสนใจที่จะเจรจากันลดความขัดแย้ง ความรุนแรงที่เกิดขึ้นนั้นเป็นบทเรียนราคาแพง ปัจจุบันเห็นแล้วว่า คนไทยรักและหวงแหนความสงบสันติวิธี ความสามารถอยู่ร่วมกันและการจัดการกับความหลากหลายทางความคิด โดยใช้วิธีการที่นุ่มนวลแบบไทยๆ เหตุผลที่สำคัญน่าจะมาจากคะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทยของทักษิณเริ่มตก แนวนโยบายการปรองดองอาจจะช่วยให้พรรคเพื่อไทยได้รับคะแนนนิยมเพิ่มขึ้น อีกประการหนึ่งอาจจะเป็นเพราะท่อน้ำเลี้ยงของทักษิณเริ่มหมด ค่อยๆ แห้งไป และความรู้สึกที่ไม่ดีของคนไทยต่อความรุนแรง เผาบ้าน เผาเมือง คนไทยเจ็บปวดมามากแล้วไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก ข่าวอีกเรื่องหนึ่ง การผ่านงบประมาณทำให้รัฐบาลชุดนี้หายใจคล่องขึ้น คงต้องติดตามดูว่า งบประมาณครั้งนี้ช่วยทำให้ประเทศก้าวไปข้างหน้าอย่างเข้มแข็งและยั่งยืนหรือไม่? หรือเป็นงบประมาณที่เอาใจพรรคร่วมเพื่อความอยู่รอดทางการเมืองไปก่อน ฝากท่านนายกฯอภิสิทธิ์ให้ดูด้วย เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2553 ผมได้เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการชายแดนไทย สภาผู้แทนราษฎร โดย คุณอิทธิเดช แก้วหลวง ประธานคณะกรรมาธิการเป็นประธานในที่ประชุมเกี่ยวกับเรื่องกฎหมายโลจิสติกส์ เศรษฐกิจระดับมหภาค น่าจะถือว่าเป็นความสำเร็จของคนหนุ่ม 2 คนคือ คุณกรณ์ จาติกวณิช กับคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ส่งออก 22% GDP เพิ่มทั้งปี กว่า 7% อยากจะขอให้ 2 ท่านช่วยดูแลเศรษฐกิจระดับครัวเรือนให้มีภาวะเศรษฐกิจดีตามตัวเลขระดับมหาภาคด้วย ให้ชาวบ้านได้ประโยชน์ด้วย เพราะถ้ามหภาคดีเฉพาะคนบางกลุ่ม คะแนนนิยมของคุณอภิสิทธิ์ก็ยังไม่สูงนัก แต่ถ้ากระจายไปยังระดับครัวเรือนรากหญ้า คะแนนนิยมของคุณอภิสิทธิ์ก็จะเพิ่มขึ้นมาก ระดับครัวเรือน ก็เป็นระดับที่สำคัญ เน้นการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบก็เป็นนโยบายที่ดี ที่ควรจะทำต่อไป การสร้างพลังทางเศรษฐกิจระดับครัวเรือนโดยการสร้างผู้ประกอบใหม่ๆ ในด้าน SME's โดยเฉพาะในอีสานและเหนือ ก็เป็นจุดสำคัญที่รัฐบาลจะต้องทำต่อไป ให้ได้ผล ในความเห็นของผม คิดว่าขณะนี้มีแนวโน้มที่ดีในระดับเศรษฐกิจชายแดน เพราะผมได้เห็นมาที่จังหวัด มุกดาหาร มุกดาหาร เป็นเมืองหน้าด่านที่เชื่อมโยงระหว่างลาว เวียดนาม และรัฐกวางสีในจีน สะพานข้ามแม่น้ำโขงที่มุกดาหาร สร้างเรียบร้อยแล้ว รัฐบาลก็ต้องให้ความสำคัญชาวบ้านยุคใหม่ให้มีศักยภาพที่จะทำธุรกิจชายแดนให้ได้ผลมากขึ้นกว่าเดิม มุกดาหารเป็นจังหวัดชายแดนเล็กๆ และมีโอกาสมากมายที่จะเกิดขึ้น ถ้า * ข้าราชการ * นักธุรกิจ * นักวิชาการ * ชาวบ้าน * ประชาชนทั่วๆ ไป การประชุมสร้างความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจ สังคม ศิลปวัฒนธรรมและความสงบเรียบร้อยกับประเทศเพื่อนบ้านตามโครงการพัฒนาเมืองคู่แฝด (Friendship for Societies Economies and Peace: SCEP) ในระหว่างวันที่ 3 - 8 กันยายน 2553 โดยคุณกิตติรัตน์ กุลตังวัฒนา เลขาธิการหอการค้าจังหวัดมุกดาหาร จัดขึ้น ณ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี วิทยาเขตมุกดาหาร ได้รับการพัฒนาให้มีศักยภาพสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็นลาว เวียดนาม หรือจีน โดยเฉพาะรัฐกวางสี คนไทยจะต้องสนใจเรียนภาษาจีน กับเวียดนาม การปรับการทำงาน เรียนรู้วิธีเจรจาต่อรอง รู้จักวัฒนธรรมของประเทศเหล่านั้น รู้จักประวัติศาสตร์ที่เจ็บปวด รู้ว่าไทยไม่ได้เป็นประเทศที่ใกล้ชิดกับประเทศในสังคมนิยมเหล่านั้น จะทำให้คนไทยมีความสามารถในการปรับตัวและเรียนรู้ได้ดีขึ้น การประชุมสร้างความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจ สังคม ศิลปวัฒนธรรมและความสงบเรียบร้อยกับประเทศเพื่อนบ้านตามโครงการพัฒนาเมืองคู่แฝด (Friendship for Societies Economies and Peace: SCEP) ในระหว่างวันที่ 3 - 8 กันยายน 2553 คุณกิตติรัตน์ กุลตังวัฒนา เลขาธิการหอการค้าจังหวัดมุกดาหาร จัดขึ้นโดยมีมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี วิทยาเขตมุกดาหาร เป็นตัวอย่างที่มหาวิทยาลัยทำหน้าที่พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในชายแดน และอาจจะเป็นศูนย์กลางที่ดึงนักเรียนลาว จีนและเวียดนามมาเรียนที่มุกดาหารด้วย ผมมีโอกาสไปร่วมอภิปรายแสดงความเห็น สะพานข้ามฝั่งจากไทยไปลาว ที่มุกดาหารเสร็จแล้วเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ผมเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการค้า การท่องเที่ยวการลงทุนระยะยาว ไม่ได้มีข้อดีเท่านั้น ข้อเสียก็คือการค้าชายแดน มีปัจจัยลบทางสังคมที่ต้องพิจารณาให้ดีก็คือ ในสะหวันนะเขตของลาวเพิ่งข้ามสะพานไปแค่ 2 นาที ก็มีคาซิโนใหญ่รองรับคนไทย ผมได้ไปเห็น คนไทยข้ามไปเล่นเป็นพันๆ คนต่อวัน อยากจะฝากให้ผู้เกี่ยวข้องช่วยกันคิดว่า ถ้าตัดปัญหาสังคมออก คนไทยจะได้อะไรที่คุ้มค่ามากกว่านี้ จากการขยายตัวของเศรษฐกิจชายแดน เพราะนักพนันที่ผมเห็นเป็นระดับชาวบ้านที่หาเช้ากินค่ำ มีแม้กระทั่งข้าราชการครู ใครจะช่วยกันแก้ปัญหาการพนันเหล่านี้ ปัญหาสังคมแบบนี้รัฐบาลควรจะหันมาดูแลบ้าง สัปดาห์ที่แล้ว ผมมีโอกาสไปทำงานหลายด้านกับพันธมิตร ซึ่งทุกท่านที่อ่านหรือศึกษาในเว็บไซต์ www.chiraacademy.com ก็ส่งข้อมูลเชิญผมไปร่วมด้วยได้นะครับ ขอให้ผมรับทราบความต้องการของท่าน เรื่องแรกคือ ขอบคุณคุณอิทธิเดช แก้วหลวง ประธานคณะกรรมาธิการกิจการชายแดนไทยของสภาผู้แทนราษฎร ที่ให้เกียรติผมไปร่วมการประชุมร่วม เรื่องกรรมาธิการเศรษฐกิจชายแดนเกี่ยวกับกฎหมายโลจิสติกส์ ซึ่งเป็นกฎหมายเร่งด่วนของรัฐบาล 2 ครั้งแล้ว เสนอโดยกระทรวงพาณิชย์ ผมเห็นว่า ถ้าจะมีกฎหมายโลจิสติกส์ ออกมา ต้องดูแล 3 เรื่อง เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2553 ผมได้รับเกียรติจากสถาบันพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา บรรยายให้กับ ผู้บริหารและนักวิชาการรุ่นใหม่เพื่อพัฒนาสถาบันการพลศึกษา ซึ่งเป็นนักเรียนทุน ระดับ Ph.D และปริญญาโท จำนวนกว่า 200 คน ในหัวข้อเรื่อง การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และแนวทางวิจัยเพื่อการพัฒนาองค์กร โดยมีอธิการสมพงษ์ ชาตะวิถี อธิการบดีสถาบันการพลศึกษา และรองฝ่ายหลายท่านให้การต้อนรับ ณ บึกฉวาก จ.สุพรรณบุรี * ลงทุนสร้างหลักสูตรดีๆ เกี่ยวกับโลจิสติกส์ ระดับอาชีวะหรือมหาวิทยาลัยให้คนไทยได้เรียนเพื่อมาทำงานในสาขานี้ให้เป็นมืออาชีพ * ลงทุนและพัฒนาผู้ประกอบการรายย่อย สาขาโลจิสติกส์ให้มีศักยภาพสูงขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม * ในระดับชายแดนให้มีการอบรมผู้ประกอบการของประเทศ เพื่อนบ้าน เช่น ลาว เวียดนาม จีน เขมร จะได้ทำงานร่วมกันพยายามไม่ให้ธุรกิจข้ามชาติโลจิสติกส์ มาเอาเปรียบคนไทย * ให้มีกองทุนพัฒนาบุคลากรทางด้านโลจิสติกส์ งานสุดท้ายของผมคือ ไปบรรยายให้นักเรียนทุนของสถาบันการพลศึกษาประมาณ 200 คนที่จังหวัดสุพรรณบุรี เมื่อวันที่ 6 กันยายนที่ผ่านมา การออกกฎหมายตั้งสถาบันการพลศึกษาช่วงนั้นได้กำหนดให้มียุทธศาสตร์การพัฒนาทุนมนุษย์เพื่อสถาบันการพลศึกษาระดับ Ph.D กว่า 100 ท่าน และมีการลงทุนถึง 100 ล้าน ผมได้รับเกียรติไปช่วยกระตุ้นให้เห็นพลศึกษากับการสร้างทุนมนุษย์และเรื่องเรียน Ph.D อย่างไร?จะสำเร็จและมีประโยชน์ เด็กไทยรุ่นหลังจะมีอาชีพทางด้านกีฬาหรือพลศึกษา น่าจะสนใจที่เรียนหลักสูตรเหล่านี้ เพราะการออกกำลังกายและการกีฬาจะสร้างงานได้ดี มีรายได้สูง ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ เลขาธิการมูลนิธิพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างประเทศ [email protected] www.gotoknow.org/blog/chiraacademy แฟกซ์ 0-2273-0181 |
ไม่มีความเห็น