หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เป็นหลักสูตรอิงมาตรฐานซึ่งกำหนดสิ่งที่ผู้เรียนพึงรู้และปฏิบัติได้ไว้ในมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด ซึ่งประกอบด้วย ความรู้ความสามารถ คุณธรรมจริยธรรม ค่านิยมที่พึงประสงค์ ดังนั้นคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่หลักสูตรกำหนดนั้นต้องได้รับการปลูกฝังและพัฒนา ผ่านการจัดการเรียนการสอน การปฏิบัติกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนในลักษณะต่าง ๆ จนตกผลึกเป็นคุณลักษณะเป็นคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในตัวผู้เรียน การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ต้องใช้ข้อมูลจากการสังเกตพฤติกรรม ซึ่งใช้เวลาในการเก็บข้อมูลพฤติกรรมเพื่อนำมาประเมินและตัดสิน
การวัดและประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามเจตนารมณ์ของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 จึงเป็นการวัดและประเมินเพื่อพัฒนา (Assessment) มากกว่าที่จะประเมินเพื่อการตัดสินคุณค่า (Evaluation) ดังนั้นการที่ครูผู้สอนนำค่าคะแนนที่ได้จากการวัดและประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ไปรวมกับคะแนนการสอบในแต่ละวิชาและนำมาตัดสินผลการเรียนนั้น ดูจะไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการวัดและประเมินผลแล้ว ยังไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของหลักสูตรแกนกลาง ฯ อีกด้วย
หากเราพิจารณาดูจากหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 จะเห็นได้ว่า หลักสูตรดังกล่าวได้แสดงเจตนาอย่างชัดเจนว่า ให้นำคุณลักษณะอันพึงประสงค์ซึ่งหมายความถึงคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม ออกมาประเมินผลต่างหาก โดยถือเป็นองค์ประกอบหนึ่งของเกณฑ์การจบหลักสูตรหรือระดับชั้นเรียน และให้เป็นการประเมินผลเพื่อพัฒนามากกว่าประเมินเพื่อตัดสิน ถ้าหากสถานศึกษาและครูผู้สอนมีความประสงค์ที่จะทำให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของหลักสูตรแกนกลาง ฯ และถูกต้องตามหลักวิชาการวัดและประเมินผล น่าจะพิจารณาหลักการวัดผลว่าด้วยมาตรวัดทางจิตวิทยา
เพราะการวัดและประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์เป็นไปในลักษณะของการประเมินด้านจิตพิสัย จึงมิใช่เป็นการวัดความรู้ความสามารถทางสมอง ที่มีผลการวัดเป็นคะแนน (Score) แต่การวัดคุณลักษณะอันพึงประสงค์นั้นได้จากการสังเกตพฤติกรรมของผู้เรียนในแต่ละวันทั้งอย่างเป็นทางการ (Formal Observation) และไม่เป็นทางการ (Informal Observation) เช่น คุณลักษณะอันพึงประสงค์ด้านรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ครูผู้สอนอาจสังเกตจากการยืนตรงเคารพธงชาติ การร้องเพลงชาติ โดยแทนการปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมดังกล่าวด้วย “1” ไม่แสดงพฤติกรรมให้ “0” ดังนั้นคะแนนจากการสังเกตจึงเป็นตัวเลขที่แทนการเกิดหรือไม่เกิดพฤติกรรมเท่านั้น จึงไม่ใช่ข้อมูลต่อเนื่อง การนำคะแนนจากการวัดจิตพิสัยมารวมกับคะแนนจากการสอบวัดความรู้ความสามารถทางสมอง (ซึ่งเป็นข้อมูลต่อเนื่อง) แล้วนำไปคำนวณเพื่อให้ระดับผลการเรียนหรือเกรด จึงเป็นการนำคะแนนที่ได้จากมาตรวัดต่างระดับกันมาคำนวณรวมกัน ถือว่าไม่เหมาะสมตามหลักวิชาการ ดังนั้นสถานศึกษาและครูผู้สอนจึงจำเป็นต้องวางแผน ศึกษานิยามตัวชี้วัด และพฤติกรรมบ่งชี้ของคุณลักษณะอันพึงประสงค์ สร้างเครื่องในการประเมินและเก็บหลักฐานการประเมินให้ชัดเจน และเป็นระบบ เพื่อสร้างความโปร่งใสในผลการประเมินให้กับผู้เรียนทุกคนอย่างเท่าเทียมกันและสามารถตรวจสอบได้นั่นเอง
ไม่มีความเห็น